ยูเอฟโอโบราณที่อยู่บนดวงจันทร์ โครงการอพอลโล 20
เรื่องนี้อยากให้ท่านใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ
เพราะไม่มีหน่วยงานใดออกมารองรับความถูกต้อง
แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางประเทศมหาอำนาจออกมาปฎิเสธเช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ได้
จึงขอนำเสนอเพื่อให้ท่านชมเพื่อความบันเทิงครับ
เรื่องนี้ปรากฎในเวบมาหลายปีเหมือนกันครับ ตอนแรก ๆ
ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะไปเชื่อกันเท่าไรนัก เพราะมันดูเป็นนิยายเสียมากกว่า
จนกระทั่งเกิดการเสียสตางค์ซื้อฟิลม์จากแหล่ง
มาทำการขยายภาพและประมวลเรื่องราวทั้งหมด
จึงพอคิดว่าน่าจะพอเชื่อถือได้บ้างกับเรื่องนี้
มีชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเคยทำงานให้กับองค์การบริหารการบิน
ก็นานมาแล้วเหมือนกันประมาณช่วงปลาย ๆ ทศวรรษ 1970 เขาชื่อคุณวิลเลียม
รัชเลต(William Rutledge)
ปัจจุบันเขาเกษียณแล้วและดูเหมือนกับว่าอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา
เขาอ้างว่าเขาได้เคยทำงานในปฎิบัติการสำคัญขององค์การบริหารการบินเลยทีเดียว
คือภารกิจ อพอลโล 19 และอพอลโล 20 ซึ่งเกิดขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม 1976(เกือบ 40
ปีแล้ว) ปฎิบัติการนี้ถูกส่งขึ้นจากฐานทัพอากาศ Vandenberg
ภารกิจทั้งสองนี้
คุณรัชเลตกล่าวอ้างว่าเป็นภารกิจร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกาและอดีตสหภาพโซเวียต
ภารกิจนี้มีจุดประสงค์เพื่อไปสำรวจยานอวกาศไม่ทราบสัญชาติขนาดใหญ่และำก็เป็นยานอว
กาศที่ไม่ใช่มนุษย์ทำขึ้น บนด้านไกล(ด้าน Far side)
ของดวงจันทร์ที่อยู่ในส่วนที่เรียกว่า Delporte-Izsak region
ซึ่งถูกถ่ายภาพไว้ได้ตั้งแต่โครงการอพอลโล 15 แล้ว
ยานอวกาศลำนี้เข้าใจว่าจะตกหรือถูกทิ้งไว้เช่นนั้นมานานแสนนานแล้ว
ซึ่งจากการตรวจสอบวัตถุธาตุด้วยกรรมวิธี คาร์บอน-14
แล้วพบว่าวัตถุที่ตรวจพบมีอายุอยู่ในช่วง 1,499,988 ปี(
หนึ่งล้านสี่แสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบแปดปี
ยานอวกาศลำนี้จะไปเรียกว่าใหญ่คงไม่ถูกต้องนักครับ เพราะมันควรจะต้องเรียกว่า
"มหึมา" ก็ขอให้ท่านเทียบขนาดของยานลำนี้เมื่อเทียบกับเรือควีนแมรี่
หรือไปเทียบกับหอไอเฟลดูเองครับ ยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ ส่วนสูงก็ประมาณ 0.5
กิโลเมตร หรือถ้าเอาไปเทียบกับเมืองใหญ่ ๆ ในสหรัฐอเมริกาก็ประมาณนี้ได้ครับ
คุณรัชเลตกล่าวต่อไปว่า นักบินอวกาศของโซเีวียตที่ชื่อ Lexei Leonov
นำยานอวกาศ(ของโซเวียตผลิต)
ลงจอดในจุดที่ใกล้กับยานลำนี้และได้เข้าไปในยานลำนี้จริง ๆ
โอเคได้พบเห็นอะไรหลายอย่างในยานอวกาศลำนี้ และที่น่าแปลกใจกว่านั้นอีกคือได้เจอคน
คนที่หน้าตาเหมือนคนบนโลกนี่ละครับ แต่เสียชีวิตไปแล้วอยู่บนยานลำนี้
เข้าใจกันว่าเป็นนักบินของยานลำนี้
ศพแรกเป็นสุภาพสตรีอยู่ในสภาพที่เรียกว่าค่อนข้างดีเลยครับ อวัยวะอยู่ครบเกือบทุกส่วน
สูงโดยประมาณ 165 เซ็นติเมตร อวัยวะเพศ ผม นิ้วมือมี 6 นิ้วยังอยู่ครบ
ส่วนอีกศพ ถูกย่อยสลายไปพอควรแล้ว เหลือแต่ศีรษะ
ศพของสุภาพสตรีท่านนี้ภายหลังถูกตั้งชื่อว่า "Mona Lisa."
ดูเหมือนบริเวณนิ้วมือและตาจะมีลักษณะเป็นอุปกรณ์บังคับยานติดอยู่ด้วย
มีจมูกไม่พบรูจมูก นักบินคนหนึ่งไปถอดอุปกรณ์ที่ตาของศพหญิงคนนี้
ปรากฎว่ามีของเหลวไหลทะลักออกมาทางปาก เขารายงานกลับไปยังศูนย์ควบคุมว่า
ดูคล้าย ๆ กับว่าเธอทั้งไม่เป็นและทั้งไม่ตายเพราะสภาพที่เห็นดีมาก
ทั้งนี้ยังพบเห็นวัตถุแปลก ๆ ติดอยู่บนใบหน้าของศพหญิงคนนี้ด้วย โดยติดอยู่ที่ตา
เชื่อมลงมาที่ปากและหน้าผาก
ถ้าพิจารณาใบหน้าของหญิงคนนี้ให้ดีจะพบว่าเป็นส่วนผสมของคนเอเชียกับคนแอฟริกาค
รับ คือมีดวงตาเล็กเรียวเหมือนหญิงคนเอเชีย
ในขณะที่มีริมฝีปากที่ใหญ่หนาคล้ายคนแอฟริกา
ทั้งนี้การถักผมก็คล้ายคนสุเมเรียนซึ่งเป็นคนเผ่าแอฟริกา(ฝรั่งเขาว่างั้น)
คาดกันว่าเป็นอุปกรณ์ควบคุมยานลำนี้ด้วยระบบโทรจิต(Telepathic)
ศพสุภาพสตรีคนนี้เปลือยครับ
แต่มีวัตถุบางอย่างคล้ายกับผ้าคลุมร่างนี้ไว้ วัตถุคล้าย ๆ
ผ้านี้ตอนหลังถูกนำไปตรวจสอบพบว่าในวัตถุมีผังวงจรที่ซับซ้อนอยู่ในนั้นด้วย
ยานอวกาศลำนี้นักบินอวกาศของรัสเซียประมาณการว่ามีอายุอยู่ในช่วง 1 - 1.5 ล้านปีี
พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนยานลำนี้ พบพืชโบราณ ฟังดูเหมือนนิยาย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือเท็จนั้น ภาพที่ยานอวกาศอพอลโล 15
ถ่ายได้ว่ามียานอวกาศบนด้านไกล(far side)
ของดวงจันทร์นี่เจ้าของเรื่องยืนยันเป็นภาพจริง
https://www.youtube.com/watch?v=DKLHDlmHkHg
โครงการอพอลโล 20, ภารกิจอพอลโล 20
(Apollo 20 mission)
เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะพอสรุปได้ดังนี้ โครงการอพอลโลตั้งแต่เริ่มแรกเลยเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1961 จนถึงปี ค.ศ.1972 โครงการที่มีชื่อเสียงที่สุดเลยก็น่าจะเป็นโครงการอพอลโล 11 ซึ่งก็คือมีคุณนิว อาร์มสตรอง ซึ่งเป็นมนุษย์โลกคนแรกสุดที่ได้ย่ำเท้าเหยียบบนดวงจันทร์ ส่วนโครงการสุดท้ายที่มีการส่งคนไปดวงจันทร์ก็คือโครงการอพอลโล 17 โครงการอพอลโล 18 อพอลโล 19 อพอลโล 20 ตามประวัติที่เป็นทางการแล้วถูกยกเลิก เนื่องด้วยเหตุผลนานัปการ เหตุผลหลัก ๆ ที่นำการกล่าวอ้างคือขาดเงินทุน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำเป็นต้องมีและจำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนมากด้วย
แต่ว่าในปี ค.ศ.2007 มีชายลึกลับคนหนึ่งออกมากล่าวอ้างว่า เขาเป็นอดีตนักบินอวกาศของกองทัพสหรัฐฯ และกล่าวว่าแท้ที่จริงแล้วโครงการ
อพอลโล 18 โครงการอพอลโล 19 และโครงการอพอลโล 20 แท้ที่จริงแล้ว มีอยู่จริง เป็นโครงการที่เคยเกิดขึ้นจริง เพียงแต่ที่เปิดเผยไม่ได้ก็เป็นเพราะว่าเป็นโครงการลับสุดยอดนั่นเอง สาเหตุที่ชายผู้นี้ทราบได้นั่นก็ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะว่าเขานี่เองละเกี่ยวข้องกับโครงการนี้และเป็นถึงระดับผู้บัุญชาการโครงการเลยทีเดียว ซึ่งโครงการที่ว่านี้คือโครงการอพอลโล 20 สาเหตุหลักที่ต้องเป็นความลับก็คือ มีการพบเห็นอะไรบางอย่างบนดวงจันทร์ซึ่งน่าทึ่งเสียจนไม่สามารถจะอธิบายได้
จุดประสงค์หลักของโครงการอพอลโลคือการส่งยานอวกาศและมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ ความสำเร็จแรกสุดที่ทำได้ก็คือวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ.1969 คุณ Neil Armstrong คือมนุษย์คนแรกที่ได้ย่ำเท้าลงบนดวงจันทร์ เรียกโครงการที่ทำสำเร็จในวันนั้นว่าโครงการอพอลโล 11 โครงการที่ต่อจากโครงการอพอลโล 11 ก็คือโครงการอพอลโล 12 ก็ทำปฎิบัติการสำเร็จเช่นกัน โครงการอพอลโล 13 ถูกยกเลิกกลางคันเนื่องจากเกิดความผิดพลาดขัดข้องตอนที่อยู่ในอวกาศ สำหรับโครงการอพอลโล 14, 15, 16 และ 17 ทำปฎิบัติการได้สำเร็จ
โครงการอพอลโล 18, 19 และ 20 เป็นโครงการลับ(ตามที่ชายผู้นี้กล่าวอ้างและใช้เงินจากในส่วนที่เรียกว่า Black Budget Program) ซึ่งก็คือในปี ค.ศ.2007 ที่กล่าว ชายลึกลับผู้นี้ใช้นามแฝงในยูทูปว่า RETIREDAFB ชายลึกลับผู้นี้ลงคลิปวีดีโอที่สร้างความแปลก ฉงน และน่าสงสัยเป็นอย่างมากกับผู้ที่เข้าชม มันเป็นคลิปสั้น ๆ ครับที่แสดงให้เห็นถึงภายในของยานอวกาศในโครงการอพอลโล มันดูเป็นช่องที่มีขอบสีส้ม ช่องนี้คือหน้าต่างของยานอวกาศในโครงการอพอลโลนั่นเอง รวมถึงยังพอจะมองเห็นอุปกรณ์ข้างเคียงชิ้นอื่น ๆ ตรงนี้คนชมวีดีโอแน่นอนกล่าวว่าคุณกุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า คุณเป็นเพียงแค่คนธรรมดาจะขึ้นไปอยู่ในกระสวยอวกาศของโครงการอพอลโลได้อย่างไร และอุปกรณ์ที่คุณถ่ายมามันมาได้อย่างไร ใครเป็นผู้อนุญาตให้คุณถ่ายและนำมาเผยแพร่ ภาพที่เห็นมันเป็นของจริงหรือเปล่า ฯลฯ เยอะแยะสารพัดคำถาม
แต่เมื่อลองตรวจสอบในเชิงลึกเมื่อนำภาพนี้มาเทียบกับภาพจริงแล้ว พบว่ามันถูกต้อง เป็นอุปกรณ์เดียวกัน ชิ้นเดียวกัน อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง อีกอย่างแผงคอนโทรลในคลิปก็ถูกต้องอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เพียงแต่ที่ทำให้คลิปนี้ดูแปลกก็คือมันไม่ใช่คลิปที่องการบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน(อย่างเป็นทางการ) ซึ่งก็เลยงง ๆ กันว่าชายประหลาดคนนี้ไปนำคลิปนี้มาจากที่ไหน
อีกจุดหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากก็คือ สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่เกี่ยวกับกับปฎิบัติการในไฟล์ทบินนี้ ที่เห็นในคลิป จะเป็นภาพของธงชาติสหรัฐฯ และธงชาติสหภาพโซเวียต บนแผ่นเดียวกันคือเป็นเนื้อเดียวกันเพียงแต่แบ่งครึ่ง ครึ่งบนเป็นธงชาติสหรัฐฯ ส่วนครึ่งล่างเป็นธงของสหภาพโซเวียต ในส่วนของป้ายที่อยู่ข้างล่างธงชาติจะเป็นป้ายของปฎิบัติการนี้ ตัวหนังสือบนภาพเขียนว่า APOLLO 20 ซึ่งก็น่าจะเป็นชื่อของปฎิบัติการในไฟล์ทบินนี้ ด้านล่างสุดเป็นชื่อสามชื่อ ซึ่งก็น่าจะเป็นชื่อคนหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับปฎิบัติการนี้ อ่านได้ว่า Rutledge, Snyder, Leonov
ซึ่งก็สุดท้ายชายปริศนาคนนี้ยอมรับโดยกล่าวอ้างว่า ก็คือเขานี่เองละครับที่ชื่อคุณ William Rutledge ซึ่งเป็นหนึ่งในสามชื่อที่ปรากฎอยู่ เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และยังเป็นผู้บัญชาการบนยานอวกาศลำนี้ โครงการอพอลโล 20 ด้วย ตรงกลางของภาพจะเป็นวัตถุอะไรก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน ดูยาว ๆ คล้าย ๆ กับเรือดำน้ำที่มีสายเคเบิ้ลของยานอวกาศยึดไว้อยู่ ซึ่งวัตถุประหลาดที่ว่านี่ละก็คือจุดประสงค์หลักของปฎิบัติการนี้
ยานอวกาศของโครงการอพอลโล 15 ถูกส่งไปยังดวงจันทร์ในปี ค.ศ.1971 ยานอวกาศของโครงการนี้ถ่ายภาพดวงจันทร์มาได้เยอะมาก ซึ่งบางภาพดูแล้วแปลกมากจนยากที่จะเชื่อ ซึ่งภาพที่ระบุเป็นหมายเลข AS15-P-9630 เป็นหนึ่งในภาพที่น่าทึ่งที่สุด เป็นภาพที่แสดงถึงพื้นผิวของดวงจันทร์บางจุดในส่วนของด้านไกลของดวงจันทร์ คือด้านที่ไม่หันเข้ามาโลก (Far side) ภาพนี้ถ้าเป็นคนทั่วบนโลกทั่วไปดูผิวเผิน จะดูไม่ผิดปกติแต่อย่างใด แต่สำหรับนักวิเคราะห์ภาพถ่าย หรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายภาพหรือวิเคราะห์ภาพมาเห็นแล้ว จะบอกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ดูแปลก เพราะถ้านำบางจุดในภาพมาขยายให้ใหญ่ขึ้นแล้ว เราจะเห็นวัตถุบางอย่างที่ไม่น่าจะเป็นก้อนหินได้ รูปร่างมันดูคล้ายกับเรือดำน้ำมาก ๆ
คะเนความยาวได้ประมาณ 2 ไมล์ ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะมาประสบเหตุหรือตกลงบนดวงจันทร์นานมาแล้ว นานมาก ๆ เลยก็ว่าได้ ก็คือทางคุณ William Rutledge ได้ให้ภาพและข้อมูลอีกหลายอย่างที่ฟังดูแล้วน่าสนใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะมีกี่คนที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาเล่า เขาเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของปฎิบัติการอพอลโล 20 นี้ไว้ ในปี ค.ศ.1971 หน่วยงานหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต ชื่อ The Soviet Academy of Science ติดต่อมายังประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในเวลานั้น นั่นคือคุณ Richard Nixon ด้วยข้อเสนอบางอย่าง ก็คือว่า ทางฝ่ายโซเวียตสามารถถ่ายภาพวัตถุบางอย่างบนดวงจันทร์ได้ จะโดยยานอวกาศของเขาเองหรือถ่ายได้จากบนพื้นโลกไม่แน่ชัด ภาพเหล่านี้ดูแล้วแปลกมาก ๆ เช่น ดูคล้ายกับเมืองที่อยู่บนดวงจันทร์ เพียงแต่ขีดความสามารถที่จะส่งยานอวกาศแล่นลงจอดเพื่อ ไปสำรวจบนพื้นดวงจันทร์ในจุดที่ต้องสงสัยแล้ว ความสามารถตรงจุดนี้โซเวียตมีน้อยกว่าสหรัฐฯ(ในยุคสมัยนั้น) ก็ในอดีตเคยมีความร่วมมือโครงการทางด้านอวกาศระหว่าง สหรัฐฯและสหภาพโซเวียต เรียกโครงการ Apollo-Soyuz
สหภาพโซเวียตมีข้อเสนอใหม่ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าสหรัฐฯ จะสนใจไหม นั่นคือจะมีปฎิบัติการที่จะส่งนักบินอวกาศคนหนึ่ง ชื่อ Alexei Leonov ซึ่งเป็นผู้บัญชาการของยานอวกาศโซยูซ เดินทางไปกับนักบินอวกาศของสหรัฐฯ ที่ได้รับการคัดเลือกจากทางสหรัฐฯ เอง เพื่อไปสำรวจจุดที่ว่ามีความแปลกจากการตรวจสอบจากภาพถ่ายที่เคยได้ ๆ กันมา
ซึ่งตรงนี้คุณ William Rutledge กล่าวว่า คุณวิลเลียมคือหนึ่งในสองของนักบินอวกาศสหรัฐฯ ที่ถูกคัดเลือก ส่วนนักบินอวกาศของสหรัฐฯ อีกคนที่ถูกคัดเลือกชื่อคุณ Leona Snyder และก็ไปรวมกับนักบินโซเวียตอีกคนคือคุณ Alexei Leonov รวมทั้งหมดก็สามคนพอดี คุณ Leona Snyder จะทำหน้าที่เป็นนักบิน(Pilot) ในวันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ.1976 ช่วงเวลากลางคืน กระสวยอวกาศที่มีภารกิจกับปฎิบัติการลับที่กล่าวถึงนี้ถูกส่งออกจากพื้นผิวโลกด้วยจรวด Saturn V ทั้งหมดข้างล่างนี้เป็นคำบรรยายของคุณ William Rutledge ในวันนั้น เขาอธิบายความรู้สึกได้ดีมาก ๆ เลยครับ
สามวันให้หลัง คือวันที่ 19 สิงหาคม 1976 เวลาประมาณ 10.30 น. ยานอวกาศโครงการอพอลโล 20 สามารถเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ของเราได้เรียบร้อย นักบินอวกาศทั้งสามได้รับคำสั่งใหม่มาจากฐานบัญชาการบนโลก คำสั่งนั้นคือให้หาหรือตามรอยว่าเกิดอะไรขึ้นกับยานอวกาศที่ส่งไปในโครงการที่ผ่านมา คือโครงการอพอลโล 19 ก็จริง ๆ แล้วข้อมูลเกี่ยวกับจุดตกของยานพาหนะประหลาดที่อยู่บนดวงจันทร์ ทางโซเวียตจะมีข้อมูลตรงจุดนี้มากกว่าและค่อนข้างจะแม่นยำกว่า ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทางสหรัฐฯ ยอมตอบตกลงที่จะดำเนินการในภารกิจลับกับประเทศคู่รักคู่แค้นเข้าไปได้ เรื่องของโครงการอพอลโล 19 นี้ก็คือว่า ก่อนหน้าโครงการอพอลโล 20 นี้ ทางสหรัฐฯ มีปฎิบัติการลับคือโครงการอพอลโล 19 ทางสหรัฐฯ จริง ๆ ก็ทราบเรื่องสถานที่แปลก ๆ หรือยูเอฟโอรูปร่างแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะตกหรือจอดอยู่บนดวงจันทร์พอควรอยู่แล้ว อาจจะรู้มากพอ ๆ กับสหภาพโซเวียตด้วยซ้ำไป จึงทำการส่งยานอวกาศลับขึ้นไปสำรวจสถานที่ที่แปลกประหลาดเหล่านี้ เรียกโครงการอพอลโล 19(น่าจะส่งไปไม่นานนักก่อนที่จะมาถึงโครงการอพอลโล 20)
ปฎิบัติการโครงการอพอลโล 19 เป็นโครงการลับปฎิบัติการลับ มีเพียงนักบินในโครงการเท่านั้นที่ทราบและก็คงจะมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ ไม่กี่คนที่ทราบ ปฎิบัติการโครงการอพอลโล 19 ล้มเหลว ตรงนี้ยานอวกาศออกจากโลกได้อย่างปลอดภัย เข้าถึงวงโคจรของดวงจันทร์ได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่สัญญานติดต่อจากยานอวกาศหายไปเมื่อยานอวกาศเดินทางไปถึงฝั่งด้านไกล(Far side) ของดวงจันทร์ การติดต่อสูญหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือว่ายานอวกาศลงจอดแล้วติดต่อไม่ได้ หรือเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ก็ไม่สามารถจะทราบได้ เพราะฉะนันนักบินในโครงการอพอลโล 20 จึงถูกสั่งให้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ในการลงจอดจะต้องพร้อมเสมอเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะซ้ำรอยได้ อุปกรณ์ในการเก็บตัวอย่างเก็บวัตถุวัสดุสำคัญต้องพร้อมใช้งานเสมอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งบนกระสวยอวกาศโครงการอพอลโล 20 นำติดขึ้นไปด้วย แต่กระสวยอวกาศโครงการอพอลโล 19 ไม่ได้นำขึ้นไปหรือคิดว่าจำเป็นต้องนำขึ้นไป
สิ่งนั้นคือ "อาวุธ" ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินสั่งนักบินให้ตรวจสอบระบบอาวุธการป้องกันตัว ป้องกันยานอวกาศ ให้พร้อมเสมอ นักบินทั้งสามใจระทึกเต้นแทบจะไม่เป็นจังหวะเมื่อยานอวกาศใกล้จะถึงพื้นดินที่กำหนดให้เป็นจุดลงจอด ซึ่งเป็นจุดที่ยานอวกาศรูปทรงประหลาดจอดอยู่ คุณ William Rutledge กล่าวว่ามันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมากคือทั้งกลัวและทั้งฉงนสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากการลงจอด ภาพของยานพาหนะประหลาดปรากฎขึ้นอยู่ข้างหน้าแล้ว มันเป็นยานพาหนะที่เรียกได้ว่าใหญ่ขนาดภูเขาลูกย่อม ๆ ได้เลยทีเดียว เมื่อเข้าไปใกล้จนถึงเงาของยานพาหนะประหลาดนี้แล้ว ยิ่งพบว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้านี้ต้องเรียกว่ามหึมาได้เลยทีเดียว ตอนเดินทางเข้าไปจุดที่ยอดยานอพอลโล 20 อยู่ห่างจากยานพาหนะประหลาดพอสมควรด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย จากนั้นจึงนั่งรถตะลุยดวงจัน(Moon Rover) เข้าไป นักบินที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้เข้าไปสำรวจตัดสินใจจอด Moon Rover ให้ห่างจากยานพาหนะประหลาดประมาณสัก 800 เมตร ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยทั้งยังไม่รู้แน่ชัดว่าพื้นดินบริเวณนั้นจะแข็งแรงพอที่จะขับเข้าไปหรือไม่ จากนั้นก็เดินเท้าเข้าไปตรงไปยังยานพาหนะประหลาดขนาดมหึมาลำนี้
จากการตรวจสอบยานพาหนะประหลาดลำนี้ด้วยตาเปล่าจากภายนอกพบว่า ยานพาหนะประหลาดลำนี้มีส่วนสูงคะเนได้ประมาณ 300 ฟุต(คือสูงประมาณตึก 30 ชั้นได้เลย) ส่วนความยาวไม่สามารถคะเนได้เนื่องจากว่ามองเห็นไปไกลมากจนสุดสายตา ก็มาประมาณกันภายหลังจากภาพมุมสูงว่า มันน่าจะยาวโดยประมาณ 2 ไมล์เลยทีเดียว คุณ William Rutledge อธิบายไว้อย่างน่าตื่นเต้นว่า สิ่งแรกที่สังเกตุได้ก็คือยานพาหนะลำนี้น่าจะจอดอยู่ ณ จุดนี้มานานแสนนานแล้ว อาจจะเป็นล้านปีหรือพันล้านปีก็ว่าได้ มันถูกจอดไว้นานจนเหมือนกับว่าสิ่งนี้จะเป็นทัศนียภาพหนึ่งบนดวงจันทร์ก็ว่าได้ ตัวถังภายนอกของยานพาหนะนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นบนดวงจันทร์หนาเกรอะกรังคล้ายกับรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้มาเป็นแรมปี มันดูแล้วทั้งลำเครื่องเป็นสีเทาไปเลย เลยไม่แน่ใจว่าสีที่แท้จริงคือสีอะไรแน่ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะพอคะเนอายุของยานพาหนะประหลาดลำนี้ได้ก็น่าจะเป็นฝุ่นที่เกาะอยู่นี่ละ ที่จำเป็นต้องนำกลับไปวิเคราะห์ธาตูคาร์บอน 14 บนโลก ว่าฝุ่นที่เกาะอยู่นี้มีอายุนานกี่ปีแล้ว
การเดินเข้าไปในยานพาหนะประหลาดนี้ไม่ยากเลย พื้นดินดูเรียบมากทั้งที่มันน่าจะขุรขระ มองไม่เห็นเครื่องจักรกลใด ๆ อยู่ในบริเวณนั้นที่จะมาเกลี่ยพื้นดินได้ โครงสร้างภายนอกยานพาหนะประหลาดนี้ดูคล้ายกับจะมีตัวอักษรสลักอยู่ ส่วนภายในราบเรียบ นักบินอวกาศที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปสำรวจก็คือ คุณ William Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือคุณ Alexei Leonov ส่วนนักบินอีกคนก็ตามที่กล่าวมาเป็นนักบิน Pilot ที่ต้องคอยประจำอยู่ที่กระสวยในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ว่าต้องหนี ต้องสู้ ต้องให้การช่วยเหลือ หรือต้องเตรียมยานพาหนะให้พร้อมเสมอเพื่อขึ้นสู่วงโคจรก็คือนักบิน คุณ Leona Snyder ตอนที่เดินทางเข้าไปด้านในยานพาหนะประหลาดนี้ ทั้งคุณ William Rutledge และ คุณ Alexei Leonov ตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารเป็นครั้งสุดท้ายให้แน่ใจว่ายังสามารถพูดคุยติดต่อกับคุณ Alexei Leonov และศูนย์บัญชาการบนโลกได้อย่างสมบูรณ์
บนพื้นด้านในยานพาหนะประหลาดนี้ แทบจะเหยียบไม่โดนพื้นเลย เพราะว่าบนพื้นนี้เต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเรียกว่าเป็นฟุตเลยก็ว่าได้ นั่นหมายถึงว่ายานพาหนะลำนี้น่าจะต้องจอดอย่างนี้มานานแสนนานแล้ว และก็คงจะไม่มีคนมาดูแลด้วย ที่จุดหนึ่งบนยานพานหะประหลาดนี้ดูเหมือนจะมีร่องรอยของของเหลวซึ่งครั้งหนึ่งน่าจะไหลมารวมกันอยู่ ตรงนี้นักบินเองยอมรับว่าไม่แน่ใจในข้อสมมติฐานเช่นกัน จากวิทยุของศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินสั่งการให้นักบินเก็บตัวอย่างฝุ่นหรืออะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์กลับมา แต่สิ่งที่นักบินบอกว่าพอจะเก็บกลับมาได้ก็เห็นจะเป็นเพียงฝุ่นอย่างเดียวที่มีอยู่อย่างมหาศาล จริง ๆ แล้วทางองค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ อยากจะได้หลักฐานวัตถุพยานที่จริงจังกว่านี้เช่น โลหะ ประตู หน้าต่างหรือส่วนประกอบชิ้นใดชิ้นหนึ่งของยานพาหนะลำนี้ แต่นักบินยอมรับว่าอุปกรณ์ที่นำติดตัวมา คือ สิ่วและค้อนไม่แข็งแรงพอที่จะทำลายชิ้นส่วนใด ๆ บนยานพาหนะลำนี้ให้แตกหักออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ มันแข็งแรงมาก คงต้องนำเครื่องจักรหนักมาทำลายถึงจะเป็นไปได้
แต่มีอีกสิ่งที่แปลกมาก ๆ ก็คือ ผนังของยานพาหนะประหลาดลำนี้ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูด มีแรงโน้มถ่วง จนเมื่อใดที่เดินเข้าไปใกล้มันเหมือนกับว่านักบินจะมีน้ำหนักตัวขึ้นมาจริง ๆ คล้ายกับเดินอยู่บนโลก
คุณ William Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือคุณ Alexei Leonov เดินขึ้นไปบนชั้นที่สูงขึ้นผ่านห้องโถงใหญ่ ที่ห้องห้องหนึ่งไปเจอกับสิ่งที่เรียกว่าประหลาดมากเท่าที่เคยจะพบมา และไม่คาดคิดว่าจะมาเจอกับสิ่งนี้ ณ ที่บนดวงจันทร์ คือเจออะไรบางอย่างที่ดูแล้วคล้ายพืชที่ขึ้นไปสูงมากจนถึงเพดานห้อง ด้านล่างของพืชนี้มีถาดรองอยู่ ดูคล้ายกับฟอสฟอรัสหรือไม่ก็ทองคำเพราะว่ามีสีเหลืองและนี่ละก็คือสิ่งที่จะเก็บกลับไปตรวจสอบบนโลกได้ ตามคำบอกเล่า ในถาดที่ว่ามีอะไรสีเหลือง ๆ นี้ มันจะเป็นในรูปของของเหลว คุณ William Rutledge เรียกมันว่า Golden Tears เขารวบรวมมันได้ประมาณสักสองลิตร ก็คือว่าตอนเดินทางเข้าไปในตัวยานพานหะประหลาดนี้นักบินนำกล้องชนิดพิเศษติดตัวไปด้วยและมันจะทำให้สามารถสื่อสารกับนักบินที่ประจำอยู่ที่กระสวย รวมทั้งศูนย์บัญชาการที่ภาคพื้นโลกด้วย ทางศูนย์บัญชาการภาคพื้นโลกเห็นภาพนี้ทุกอย่างและกล่าวกลับมาว่าพืชที่คุณเห็นนี้ผมเห็นแล้ว มันดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยตอนที่คุณเดินเข้าไปใกล้ คุณ William Rutledge และนักบินของสหภาพโซเวียต คือคุณ Alexei Leonov ต้องการจะเดินสำรวจต่อ แต่ทางศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินออกคำสั่งให้กลับไปยังกระสวยที่จอดอยู่ เนื่องจากว่ายานพาหนะลำนี้มีขนาดที่มหิมามาก จะเดินสำรวจให้หมดทุกจุดก็จะหมดอ็อกซิเจนได้ และที่สำคัญสิ่งที่เก็บมาตอนเดินทางออกมาจะต้องรักษาเป็นอย่างดี รักษาด้วยชีวิต เพราะว่าเป็นหลักฐานสำคัญมาก
ก็ตอนที่เดินออกมาจากยานพาหนะประหลาดลำนี้ เพื่อกลับไปยัง Moon Rover คุณ Alexei Leonov จับแขนคุณ William Rutledge ไว้แล้วบอกว่า คุณเห็นอะไรไหม ผมเห็นรอยอะไรบางอย่างทางซ้ายมือห่างไปสักประมาณ 50 เมตร มันดูเหมือนรอยของยานพาหนะของเราเองคือ Moon Rover ที่เราสองคนขับเข้ามา เพียงแต่ว่าไม่ใช่ เพราะว่าเราจอดยานพาหนะของเราในจุดจอดอีกจุด นักบินอวกาศทั้งสองตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจเพื่อดูให้ชัดเจนขึ้น จึงพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ รอยของ Moon Rover รอยนี้ไม่ใช่เป็นคันของเราที่ขับเข้ามา เพราะฉะนั้นมันจะต้องเป็น Moon Rover ของนักบินในโครงการอพอลโล 19 อย่างแน่นอน ไม่รอช้า คุณ William Rutledge ติดต่อกลับไปยังคุณ Snyder ให้คุณ Snyder ประสานไปยังศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินให้ต่อสายตรงเข้ามาแจ้งว่าได้เจอร่องรอยของยานพาหนะของโครงการอพอลโล 19 แล้ว และกำลังจะเดินตามรอยเส้นทางเพือไปสำรวจให้แน่ชัดว่ารอยของ Moon Rover นี้ไปสุดยัง ณ ที่ใด ซึ่งก็จะทำให้เจอกับนักบินของโครงการอพอลโล 19 ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะเสียชีวิตแล้ว
คำตอบของศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินที่ให้มา คือ ห้ามทำเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด ให้นำตัวอย่างที่เก็บได้กลับไปยัง Moon Rover ของคุณและออกมาจากสถานที่แห่งนั้นโดยด่วนที่สุด เพราะว่าอะไรก็ตามที่เกิดกับนักบินโครงการอพอลโล 19 และ Moon Rover ของพวกเขา อาจจะมาเกิดกับคุณอีกครั้งก็เป็นไปได้ ดังนั้น คำสั่งคือให้ออกมาจากสถานที่แห่งนั้นโดยเร็วที่สุด โดยไม่ต้องไปสนใจกับสิ่งอื่น สถานที่แห่งนี้อาจจะมีอันตรายแฝงอยู่ก็ได้ จากปากคำนักบินทั้งสามของโครงการอพอลโล 20 ไม่เห็นด้วยกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน เกิดการโต้เถียงกันนานพอสมควร ทางคุณ William และ คุณ Alexei ให้เหตุผลว่าครอบครัวของนักบินอวกาศของโครงการอพอลโล 19 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ข้อเท็จจริงว่า คนในครอบครัวของเขาที่จากไปนั้น จากไปด้วยสาเหตุใด ตรงจุดนี้ปรากฎเถียงแพ้กับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินอย่างราบคาบ เพราะว่าศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินแจ้งว่า ปฎิบัติการที่แล้วนั้นเป็นความลับสุดยอดแม้แต่คนในครอบครัวของนักบินก็ยังไม่อาจจะทราบได้ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ให้เหตุผลการเสียชีวิตไปกับครอบครัวของพวกเขาแล้วว่าเกิดจากอุบัติเหตุในขณะฝึกปฎิบัติการ
นักบินของโครงการอพอลโล 20 ถามกลับไปยังศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินว่า พอจะมีอะไรบ้างไหมที่นักบินหรือกระสวยอวกาศในโครงการอพอลโล 19 จะทิ้งไว้ได้ เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ หรือเป็นทรัพยากรที่มีประโยขน์ในการช่วยเดินทางกลับให้ง่ายขึ้น ทางศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินตอบกลับมาว่าไม่มีเลย ซึ่งทางศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินแน่ใจมาก ๆ ว่านักบินทั้งหมดของโครงการอพอลโล 19 ได้เสียชีวิตหมดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย