อะไรแปลก ๆ บนดวงจันทร์
ULOs (Unidentified Lunar Objects Revealed in
NASA Photography)
ท่านครับ ภาพทุกภาพที่ถูกบันทึกได้บนดวงจันทร์ด้วยกระสวยอวกาศแล้ว
จะต้องถูกนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งบนโลก
โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
มีเรื่องเล่า ทั้งคลิปเสียง ทั้งคลิปภาพ ทั้งภาพถ่าย
มากมายที่บ่งบอกถึงความผิดปกติบนดวงจันทร์ ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า
เพราะเหตุใด ประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยภาคภูมิใจอย่างหนักหนาว่า
เป็นคนแรกเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งคนไปลงดวงจันทร์ได้
แต่มาวันนี้กลับไม่คิดว่าจะกลับไปดวงจันทร์อีก บางครั้งกลับแสดงทีท่ากลัว ๆ
ด้วยซ้ำไป มาดูกันทีละคลิปครับ ท่านใช้วิจารญาณด้วยครับ
เริ่มด้วยการออกมายอมรับของบุคคลที่เคยทำงานให้องค์การก่อนครับ
https://www.youtube.com/watch?v=x2qaZFC2PtM
คลิปต่อไปก็มาที่คนคนนี้ครับ คุณบัส อัลดริน(Buzz Aldrin)
ถ้าคนคนนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในนักบินทีมแรกสุด(อพอลโล 11)
ที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้
พูดแล้วยังเชื่อถือไม่ได้ก็คงไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วครับ
เพราะเขากล่าวว่านักบินทั้งสามที่อยู่บนยานขนส่ง พบเห็นวัตถุบินลึกลับ
เป็นตาเดียวกันทุกคน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติที่ดีของนักบินอวกาศคือ
ต้องไม่ตระหนกตกใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึง หรือไม่คิดว่าจะเจอ คุณอัลดริน เล่าว่า
วันที่ยานอพอลโล 11 ไปลงดวงจันทร์คนชมทั่วโลกเลยครับ
คำพูดทุกคำของนักบินมีโอกาสมาก ๆ ที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชน
แทนที่นักบินจะแจ้งไปทางวิทยุตรง ๆ ว่าเจออะไรกันอยู่
แต่ก็ต้องเลี่ยงเป็นพูดอ้อม ๆ ว่าตอนนี้เราอยู่ห่างจาก S-IVB เท่าไร
จนถึงทุกวันนี้สิ่งที่นักบินเจอและถ่ายวีดีโอเก็บไว้ได้
ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าคืออะไร
อย่างไรก็ดีทางหน่วยงานต้นสังกัดก็ห้ามไม่ให้นักบินพูดเรื่องนี้กับบุคคลอื่น
https://www.youtube.com/watch?v=KpfvhdmhQy4
เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอคติ ขอเสนอคลิปของทางฝั่งทางเอเชียเราก่อนครับ
เพราะต่อไปนี้สาธารณรัฐประชาชนจีน คือประเทศมหาอำนาจประเทศที่ 3
ที่มีความสามารถทางด้านอวกาศ มาดูสิว่าทางจีน ซึ่งส่งยานอวกาศ
คลิปต่อไปเป็นของคุณพ่อ NASA ครับ ภาพดูชัดพอควร
ดูก่อนอธิบายทีหลังครับ น่าสนใจเหมือนกัน ภาพเหล่านี้จริง ๆ
แล้วผมก็ดูมาหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่คลิปนี้จะรวบรวมที่กระัจัดกระจาย
มารวมในที่เดียวกัน สิ่งก่อสร้างที่อยู่บนดวงจันทร์แต่ละชิ้นนี่ไม่ธรรมดาเลยครับ
ใหญ่กันแบบว่ากันเป็นกิโลเมตร สูงก็ว่ากันเป็นกิโลเมตรทีเดียว
หรือนี่คือสาเหตุที่ประเทศมหาอำนาจเกรงกลัว
จนไม่คิดที่จะไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ ทั้ง ๆ
ที่มันดาวดวงเดียวที่อยู่ใกล้กับเราที่สุด
https://www.youtube.com/watch?v=5eWrQtlESiY
อันนี้เป็นยานอวกาศขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านไกลของดวงจันทร์(Far side
of the moon)
อันนี้ฝรั่งเขาบอกว่าลักษณเป็นปราสาทที่อยู่บนดวงจันทร์ครับ
ขนาดใหญ่มากทีเดียว สูงประมาณ 5 ไมล์ กว้างประมาณ 1 ไมล์
จากการวัดโดยเทียบสัดส่วน เพราะภาพที่ถ่ายนี้ถ่ายโดยการโคจรระยะสูง
ฉะนั้นของจริงจะใหญ่มากครับ
อันนี้เป็นกลุ่มของสิ่งก่อสร้างบางชนิดครับ สังเกตุดูจากเงาที่ทอดบนพื้นแล้ว
คาดว่าไม่เล็กเหมือนกันครับ
อันนี้ในหลุมเครเตอร์ ก็เจออะไรแปลก ๆ อีกแล้วครับ
อันนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่บนโลกก็มีให้เห็นครับ
แต่แปลกที่มันไปเจอบนดวงจันทร์เหมือนกัน นั่นคือ ปิระมิด ครับ
ถ้าท่านไม่รู้ว่าสิ่งนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร มีอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้รู้ได้
คือให้ดูที่เงาของของสิ่งนั้นครับ เช่น คน เงาของคน รูปร่างก็เป็นคน
เงาสุนัขหน้าตาเป็นอย่างไร สุนัขตัวนั้นก็หน้าตาเป็นเช่นนั้น ครับ
อย่่างเช่นในภาพนี้ วัตถุชิ้นนี้ ยาว ๆ สูง ๆ ขอบเรียบ ๆ ปลายแหลม ๆ ครับ
ไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติครับ
อันนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันครับ ทั้งเมืองอยู่บนดวงจันทร์ สังเกตุอย่่างที่ผมว่าไว้
อะไรที่เหลี่ยม ๆ นั่นละถูกทำขึ้น ฝรั่งว่างั้น
เอ๊ะ ผมว่านี่มันจะเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะ
แต่มันไปปรากฎอยู่ในหลุมเครเตอร์บนดวงจันทร์ครับ
เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 ไมล์แปลกเหมือนกัน
หอคอยบนดวงจันทร์นี่ฝรั่งเขาตั้งชื่อไว้ว่า Tower of Babel สูงเป็นไมล์ ๆ
ภาพนี้ถ่ายไว้ได้โดยยานอวกาศโครงการ Apollo 15 และดูเหมือน
กล้องของทางญี่ปุ่นก็จะจับภาพนี้ได้เช่นกัน
จับภาพได้โดยกระสวยอวกาศของโซเวียต อยู่ด้าน Farside ของดวงจันทร์
คำนวนความสูงของวัตถุนี้ได้โดยประมาณ 22 ไมล์
อันนี้เป็นวัตถุดูคล้าย ๆ เป็นโลหะสะท้อนแสงได้ กลม ๆ
นี่คือวิธีการอันดั้งเดิมของคุณพ่อ NASA ครับ
คือถ้าไม่อยากให้คนเห็นอะไรมาก ก็ทำเบลอ ๆ ไว้ แต่ภาพนี้พอดีมันไม่ค่อยเนียน
มีอะไรบางอย่างโผล่ออกมาให้เห็น จนตอนหลัง ๆ
ดูเหมือนเหล่าฝรั่งพันธุ์เดียวกันจะรู้ทันเหมือนกัน ว่า ไอ้ตรงไหนที่มันเบลอ ๆ
นั่นละใช่เลย ไม่งั้นจะต้องปิดทำไมละ
ท่านครับ ความพยายามในการจะปิดภาพหรือบางส่วนของภาพ
มิได้มีเฉพาะที่นอกโลกบนดวงจันทร์ครับ
แม้แต่บนโลกในสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ทางทหาร
หรือแม้แต่พื้นที่ที่เป็นที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่เก็บของ ยูเอฟโอ
การปกปิดการทำเบลอก็มีเช่นเดียวกันครับ ตรงนี้ให้ท่านดูที่คลิปนี้ครับ
คลิปด้านล่างนี้ จุดที่ถูกปกปิดทำเบลอ
เป็นที่ต้องสงสัยของฝรั่งด้วยกันว่าเป็นที่เก็บหรือที่จอด
หรือเป็นไปได้ว่าเป็นที่อยู่ของยูเอฟโอ ของมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Tall White
พื้นที่นี้เข้าใจว่าอยู่ในพื้นที่ เอเรีย 51
มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้หน้าตาเหมือนมนุษย์ทุกอย่างเลยครับ
ท่านลองชมและใช้วิจารณญาณครับ
https://www.youtube.com/watch?v=TyfLB579JFI
ผมไม่มีความเชื่อว่า คุณร็อกกี้ เฟลเลอร์
ซึ่งเป็นเจ้าของบ่อน้ำจำเป็นต้องลงไปสูบน้ำมันเอง หรือแม้แต่นายโดนัล ทรัมพ์
ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และคาสิโนหลายแห่ง
จะต้องไปเช็ดกระจกคาสิโนของเขาเอง
ดังนั้นผมจึงเชื่อไม่ได้เช่นกันว่าท่านผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและ
อวกาศ จะต้องลงไปล้างฟิลม์เอง มีคนรู้อะไรหลาย ๆ
อย่างบนดวงจันทร์ว่ามีอะไรแปลก ๆ
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ฟิลม์ที่บันทึกได้ ลองชมดูคลิปนี้ครับ
คน ๆ นี้ เป็นบุคคลแรก ๆ เลยก็ว่าได้ที่ยอมปริปากเปิดเผย
ถึงฟิลม์ที่ถูกบันทึกได้จากยานอวกาศ อพอลโล11
ว่าเมื่อได้ทำการล้างออกมาแล้ว นำมาตรวจวิเคราะห์แล้วพบว่า
ฟิลม์ที่ล้างออกมาได้มีอะไรที่แปลกจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
คนคนนี้ชื่อว่า จ่า Karl Wolfe ท่านบอกว่าท่านพบสิ่งก่อสร้างบนดวงจันทร์
" I saw structures on the moon " ท่านผู้นี้เคยดำรงตำแหน่ง Director of
intelligence at headquarters tactical Air command, Technical Group
ที่ Langley รัฐเวอร์จิเนียร์(ศูนย์่บัญชากลางของ CIA)
ภาพบนดวงจันทร์ที่บันทึกได้จะถูกนำมาตรวจสอบวิเคราะห์ที่แลปทหารโดย
NSA ท่านเคยรับราชการทหารอยู่ในกองทัพอากาศหลายปีเช่นกัน เริ่มจากปี
1964 โดยเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีชั้นความลับที่เข้าถึงระดับ crypto
ภาพเหล่านี้ถูกบันทึกได้โดยยานอวกาศอพอลโล ตั้งแต่เมื่อปี 1969
ท่านกล่าวว่าท่านเพียงหนึ่งในสองของเจ้าหน้าที่ในนั้นเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ก่อนใคร
เรื่องก็คือว่ามีวันหนึ่ง
เครื่องจักรในองค์กรเกิดการชำรุดและบังเอิญว่าท่านก็มีความรู้ในการซ่อม
แก้ไขเครื่องจักรชิ้นนี้ เลยได้รับเชิญเข้าไปในองค์กรลับนี้
ท่านตื่นเต้นมากที่ได้เข้าไปสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ ตอนแรกท่านเข้าใจผิดว่า
NSA ก็คือ NASA แต่มันไม่ใช่
ท่านกล่าวต่อไปว่าตอนแรกเข้าใจว่าองค์กรลับของประเทศมหาอำนาจอเมริกา
ก็คงจะมีเฉพาะเจ้าหน้าที่อเมริกันเท่านั้น แต่ปรากฎว่าท่านเข้าใจผิด จริง ๆ
แล้วมีคนจากหลาย ๆ ประเทศเลยทีเดียวที่ทำงานที่นั่น
ท่านถูกเชิญเข้าไปในห้องล้างฟิลม์ที่สลัว ๆ ซึ่งได้พบกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง
จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเครื่องที่ชำรุด
คงต้องใช้เวลาสักระยะในการหาสาเหตุเพื่อแก้ไข
ซึ่งก็จะต้องจัดเตรียมเคลื่อนย้ายไปในสถานที่ปลอดภัยแห่งอื่น
สถานที่ที่เครื่องนี้อยู่ไม่ได้อยู่ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ของ NASA ที่เมือง
Houston ครับ แต่กลับไปอยู่ที่ ศูนย์ข่าวกรองกลาง(CIA Center) แทน
ก็ลองถาม ๆ เจ้าหน้าที่ท่านนั้นดู
ท่านว่าภาพที่ส่งมาจำเป็นต้องตรวจสอบวิเคราะห์ให้ละเอียดและแน่ชัดในหลาย
ๆ มิติก่อน เพื่อที่จะดูว่ามีสิ่งใดที่จะสามารถเปิดเผยหรือต้องปกปิดไว้
เจ้าหน้าที่ท่านได้ก็คงไม่มีเจตนาอะไร
แต่ก็หลุดปากออกมาว่าภาพที่ถูกบันทึกได้บนด้านมืดของดวงจันทร์
(Dark Side of the moon)
พบว่ามีสิ่งผิดปกติซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ทำขึ้น
หรือเกิดจากอุกาบาต แต่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำขึ้นโดยอะไรก็ไม่รู้ที่ความฉลาดมาก ๆ
เจ้าหน้าที่ท่านนั้นอธิบายว่าท่านตรวจพบว่าท่านเจอ
"A base on the back side of the moon" หรือฐานทัพบนดวงจันทร์
จ่่า Karl ตอนแรกแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง จ่า Karl
มองลงไปบนฟิลม์แทบช็อค เพราะว่าเขามีความรู้เรื่องฟิลม์ดี
เพราะว่าสิ่งที่มองเห็นมันดูคล้ายกับ สิ่งก่อสร้างที่มีรูปทรงเรขาคณิตที่แน่นอน,
เสาอากาศ(Radar Antennas), หอคอย(Tower)ซึ่งสูงประมาณครึ่งไมล์ได้
มองเห็นเงาได้อย่างชัดเจนทีเดียว มันดูไม่เหมือนกับอะไรที่อยู่บนโลกเลย
จ่าท่านเล่าว่าท่านมีความรู้สึกเหมือนกับว่าไปล่วงรู้ความลับอะไรที่ไม่ควรจะรู้เป็น
อย่างยิ่ง
จ่า Karl เล่าว่าเจ้าหน้าที่ท่านนี้ไม่ควรหรอกครับที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กับ เขา
เจ้าหน้าที่คนนั้นคงไม่ระวังเองที่พูดอะไรเช่นนี้ออกมาหรือให้ดูในสิ่งที่ไม่
ควรอย่างยิ่งที่จะให้คนอื่นดู
ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเปิดเผยจะเป็นอันตรายต่อคนเปิดเผยและคนรู้ความลับได้
จ่า Karl
เล่าว่าเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ดูเหมือนอึดอัดเหมือนกันที่รู้อะไรแล้วก็ไปบอกคนอื่นไม่
ได้ หรือแม้แต่จะปรึกษาก็ไม่ได้ ต้องเก็บเป็นความลับตลอดกาล
(สำหรับคนนอกองค์กร)
การทำงานในองค์กรลับมาก ๆ กุมความลับมาก ๆ สำคัญ ๆ นั้น
จ่าท่านเล่าว่าถึงแม้คุณจะออกไป ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว
หรือเกษียณอายุไปแล้วก็ยังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เว้นแต่ได้รับ
อนุญาต(อย่างน้อย 5 ปี)
หรือบางทีแม้แต่จะเดินทางไปต่างมลรัฐก็ยังต้องขออนุญาต
ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับบนจะต้องรู้เสมอว่าคุณไปไหนหรืออยู่ที่ใดบนโลกใบนี้
เพื่อความปลอดภัยในความลับสุดขององค์กร(จำเป็นต้องทำเช่นนี้)
ยกตัวอย่างเช่น หากจำเป็นต้องเดินทางไปเวียดนามแล้ว เป็นไปได้มาก ๆ
ว่าจะต้องมีคนติดตามท่านไปด้วย(พร้อมอาวุธ)
ซึ่งเป็นคนติดตามที่พร้อมที่จะปกป้องท่านจากอันตราย
ดูแลสอดส่องสอดแนมว่าท่านว่าไม่ได้ไปรับสตางค์ใครเพื่อให้เปิดเผยความลับ
หรือเป็นไปได้แม้กระทั่งว่าคนติดตามคนนี้ละที่จะเป็นคนพิจารณาสังหารท่านเอง
ในกรณีที่ถึงที่สุดแล้วไม่สามารถจะปกป้องท่านให้พ้นจากอันตรายได้
ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
เช่นในสถานการณ์ที่คับขัน หากท่านกำลังจะต้องตกไปอยู่ในมือของข้าศึก
หรือหน่วยข่าวกรองกลางของประเทศอื่นแล้ว
เขาอาจจะตัดสินใจชักปืนยิงให้จากโลกนี้ไปเลย
จะเป็นการดีกว่าที่จะยอมให้ท่านตกไปอยู่ในมือของข้าศึก
ซึ่งก็คงจะถูกเค้นถูกทรมานให้บอกความลับทุกอย่างทุกเรื่องที่รู้
ทำงานกับองค์กรลับมาก ๆ กุมความลับสำคัญ ๆ มาก
มันอันตรายอย่างน่าขนลุกทีเดียว
และนี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ว่าประเทศมหาอำนาจบนโลกใบนี้จะมีก็เพียง
ไม่กี่ประเทศเท่านั้น
เพราะว่าหากนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในองค์กรสำคัญหรือกุมความลับสำคัญ
ในประเทศมหาอำนาจ ถูกจ้างหรือถูกซื้อตัวไปได้ง่าย ๆ ด้วยเงินแล้ว
ประเทศมหาอำนาจบนโลกนี้ก็คงจะต้องมีกันเป็นสิบ ๆ ประเทศไปแล้ว
ไม่ว่าท่านจะไปจ้างนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ ด้วยเงินมหาศาล
หรือเสนอสวัสดิการดีมากเท่าไรก็แล้ว เพื่อให้ไปทำงานด้วย
บางทีท่านก็ยังอาจจะจ้างนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไม่ได้ก็เป็นไปได้
เพราะว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ท่านไม่รู้มองไม่เห็น ควบคุมคนเหล่านี้อยู่อีกทีหนึ่ง
ในคลิป มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ จ่า Karl ได้พูดถึงหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง
คือหนังสือเล่มที่ชื่อว่า The day after roswell ซึ่งถูกเขียนขึ้นโดย
ผู้พัน ฟิลลิป คอร์โซ เท่าที่ผมตรวจค้นและสืบมาแล้วพบว่า
ส่วนใหญ่บุคคลที่เคยทำงานอยู่ในองค์กรลับของประเทศมหาอำนาจที่เกี่ยวกับ
เรื่องวัตถุบินลึกลับ มักจะยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นตามความเป็นจริง
และน่าเชื่อถือได้ หนังสือเล่มนี้ราคาจำหน่ายในท้องตลาดประมาณ
เล่มละ 500 บาทเศษ ผมมีให้ท่านอ่านได้ไม่เสียสตางค์ครับ คลิกเข้าไปอ่านครับ
น่าสนใจมาก ๆ มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลยครับ
ท่านครับ
ผมเจอภาพอยู่ภาพหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวมันมีแหล่งที่มาจากเวบนี้
อยากจะให้ท่านคลิกเข้าไปชม และอยากให้ท่านดูที่ url ของลิงค์นี้ด้วยครับ
http://www.nasa.gov/centers/ames/images/content/393894main_ACD09-0220-089_full.jpg
ผมไม่แน่ชัดว่าเวบนี้จะเกี่ยวข้องกับคุณพ่อนาซาโดยตรงหรือไม่
ซึ่งถ้าเกี่ยวแล้วภาพนี้จะมีความน่าเชื่อถืออีกภาพหนึ่งทีเดียวครับ
ภาพนี้หากท่านคลิกเข้าไปแล้ว จะปรากฎเป็นรูปนี้ครับ ดูคล้าย ๆ
กับจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในหน้าที่ ของหน่วยงาน Ames Research
Center ซึ่งมีรูปโลโก้ของ NASA ปรากฎอยู่ด้วย
ซึ่งภาพนี้แล้วหากท่านคลิกเข้าไปในลิงค์ที่ให้มา แล้วคลิกซูมเข้าไปเรื่อย ๆ
แล้ว ให้มองที่ภาพตรงแขนข้างซ้ายที่วางอยู่บนภาพของชายรูปหล่อคนนี้
ท่านจะมองเห็นอะไรบางอย่างอย่างนี้ครับ
ท่านครับ อะไรที่มันมีลักษณะเป็นเหลี่ยมโดยมีมุมหนึ่งมุมใดเป็นมุมฉากนี่
ฝรั่งบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากการกัดกร่อนโดยธรรมชาติ เช่น โดยลม
โดยฝน แต่มันเป็นไปได้ว่าเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้น เช่น ตึก อาคาร บ้านเรือน ฯลฯ
ผมพยายามค้นคว้ามาแล้วพบว่า
บุคคลทั้งสองนี้เป็นหนึ่งในลูกจ้างขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่ง
ชาติ ซึ่งกำลังเพ่งความสนใจไปที่จอมอนิเตอร์
ในขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ดูเหมือนกับจะเพ่งมองอะไรบางอย่างไปทางซ้ายมือ
ของเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่รู้จะเรียกว่าสะเพร่าได้หรือไม่คือ
เขานำเอกสารสำคัญบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ
โดยที่ก็อาจจะลืมไปว่ามีนักข่าวอยู่ในห้องนั้นด้วยน่าจะหลายคนเหมือนกัน
เป็นสาเหตุให้ถูก(จับได้) อย่างน่าเขกกบาลที่สุด
ผมก็พยายามหาข้อมูลว่ามันเป็นเหตุการณ์อะไรกันแน่ ก็ไปพบว่า
ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 9 ตุลาคม 2009 คุณพ่อ NASA
ท่านส่งกระสวยอวกาศ LCROSS
โดยเป็นกระสวยอวกาศที่บรรทุกระเบิดไปด้วยเิต็มอัตราศึก(2.2 ตัน)
เป้าหมายอยู่ที่ดวงจันทร์ ระเบิด 2.2 ตันนี้ถูกยิงเข้าไปใน หลุม(crater) ที่ชื่อว่า
Cabeus ซึ่งอยู่ที่ขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์
โดยให้เหตุผลสุดคลาสสิกว่าจะเก็บตัวอย่างวัดถุ ก้อนหิน
ฝุ่นที่ปลิวออกมาจากแรงระเบิด
รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีแหล่งน้ำบนดวงจันทร์
ก็คือหลังจากที่หย่อนระเบิดลงไปแล้ว ยาน
LCROSS ก็คือพุ่งตามลงไปเพื่อเก็บตัวอย่าง
ตอนที่ระเบิดปรากฎว่ามีฝุ่นผงปลิวขึ้นมาไม่มากครับ
แต่ด้วยภาพด้านบนนี้ทำให้ผู้สันทัดกรณีเกิดข้อสงสัยกันว่า จริง ๆ
แล้วเป้าหมายของระเบิดน่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างสี่เหลี่ยมที่เห็นในรูปมากกว่า
ที่จะเป็นพื้นหินเปล่า ๆ
เพราะว่าด้วยกำแพงทั้งสี่เป็นไปได้ว่าจะกักฝุ่นไม่ให้ปลิวออกมามากจนสังเกตุ
เห็นได้ชัด ชายคนที่เห็นในภาพนี้แหล่งข่าวบอกว่าทุกวันนี้ยังคงทำงานอยู่กับ
คุณพ่อ NASA เขาชื่อว่า คุณ
Anthony Colaprete ส่วนคุณสุภาพสตรีดูเหมือนกับว่าจะชื่อ
คุณ Karen Burlet
1 ตุลาคม 2010 กระสวยอวกาศของจีนชื่อว่า Chang'E 2
กระสวยอวกาศสำรวจดวงจันทร์ถูกส่งขึ้นจากโลกภาระกิจสำรวจ
ดวงจันทร์
ส่งภาพอันน่างงงวยเป็นป้อมปราการที่ถูกบันทึกได้บนพื้นผิว
ดวงจันทร์กลับมายังโลก ให้ท่านสังเกตุว่าหินบริเวณนี้เป็นเหลี่ยมมุมฉาก
ซึ่งเป็นไปไม่ได้โดยการกัดเซาะตามธรรมชาติ คำถามคือสิ่งนี้คืออะไร
และเอาไปไว้ใช้ทำประโยชน์อะไร ใครเป็นผู้ทำขึ้น