ยูเอฟโอทำลายจรวดหัวรบ
ท่านครับ มีคลิปวีดีโออยู่คลิปหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน จริง ๆ
แล้วคลิปวีดีโอนี้ผ่านมาหลายปีแล้วและผมก็ดูมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน
แต่ว่ายังไม่มีจุดเชื่อมโยงว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องจริง
จนกระทั่งผมเจอคลิปนี้อีกครั้งในยูทูป
ที่ด็อกเตอร์คนเล่าท่านนี้ไปให้สัมภาษณ์ออกอากาศในสถานีโทรทัศน์
ซีเอ็นเอ็น ในช่วง ลาร์รี่คิงไลฟ์
ซึ่งก็คงจะถือได้ว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง
เพราะผมไม่เชื่อว่าสถานีโทรทัศน์แห่งนี้จะยอมให้คนนำเรื่องโคมลอย
มานั่งแถลงข่าวออกอากาศกับรายการของเ่ขาซึ่งเผยแพร่ไปทั่วโลกได้
ผมจึงนำมาลงให้ท่านพิจารณาครับ
คลิปนี้ภาพที่เห็นเป็นภาพ Animation
หรือใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ทำขึ้นมาครับ
ที่ทำขึ้นมาก็เพื่ออธิบายให้เห็นภาพว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาอย่างไร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์นี้คนเล่า กล่าวว่าเป็นเรื่องจริง
เรื่องมีอยู่ว่าประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งซึ่งกำลังจะทดสอบขีปนาวุธ
หลอก(Dummy Warhead missile)
ซึ่งได้ดำเนินการส่งขีปนาวุธนี้ที่ฐานทัพอากาศ Vandenberg
ในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ ดร.Bob Jacobs ได้ถ่ายทำวีดีโอ
พบว่าขีปนาวุธพิสัยไกลลำนี้ถูกทำลายด้วยวัตถุลึกลับ
ซึ่งบินมาด้วยความเร็วประมาณ 8,000 ไมล์/ชั่วโมง
วัตถุนี้ลักษณะเป็นทรงกลม ๆ ได้ทำการยิงแสงประหลาด ๆ ออกมาสัก
2 - 3 ครั้ง โดยทำลายทั้งทางด้านท้ายและบินมาทำลายด้านหัว
จนทำให้ขีปนาวุธที่ทำการทดสอบนี้ Disable แล้วตกลงสู่พื้นโลก
อยากใ้ห้ท่านดูคลิปนี้จนจบครับ ว่าแม้กระทั่งคนสัมภาษณ์(คุณลาร์ลี่)
ก็ยังต้องเบรก ๆ ตัดเข้าโฆษณา
ไม่ให้ด็อกเตอร์ท่านนี้พูดอะไรมากไปกว่านี้
เพราะมันเป็นความลับขั้นสุดของประเทศเขาเลยก็ว่าได้ครับ
You are not Speak like this again. as far as you concern. This never happended!
ดูภาพชัด ๆ อีกครั้งครับ
โดยประมาณเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1964
เจ้าหน้าที่ในฐานทัพอากาศขณะนั้น คือ ดร. Robert Jacob
ซึ่งในขณะนั้นยศนายพัน
เป็นบุคคลที่ได้รับหน้าที่ให้บันทึกภาพเคลื่อนไหวของขีปนาวุธที่ถูกปล่อย
ออกจากฐาน
ในยุคสมัยนั้นเทคโนโลยีทางด้านการปล่อยทดสอบขีปนาวุธยังไม่ทันสมัย
เหมือนปัจจุบัน เพราะฉะนั้นเป็นไปได้มาก ๆ
ว่าการทดสอบขีปนาวุธแต่ละครั้ง จะเกิดความผิดพลาดจากการทดสอบ
เช่นขีปนาวุธทดสอบที่ถูกปล่อยออกไป ตกหรือหล่น
อันเนื่องจากความผิดพลาดบางประการจากการทดสอบทั้งจาก
เครื่องยนต์ หรือระบบเชื้อเพลิง
หรือฝูงสัตว์ที่บินเข้ามาอย่างบังเอิญในเวลานั้น หรือเนื่องจากสาเหตุอื่น ๆ
ฉะนั้นแล้วการบันทึกภาพ
และภาพเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เพื่อที่จะนำภาพที่บันทึกไว้จากการทดสอบขีปนาวุธทุกครั้งมา
ตรวจสอบอีกครั้ง
โดยจุดที่บันทึกนี้อยู่บนภูเขาที่ห่างไกลแห่งหนึ่งด้วยกล้อง
กำลังขยายกำลังสูง
เจตนาเพื่อจะดูสมรรถภาพประสิทธิภาพของเครื่องยนต์จรวดที่ถูกปล่อย
ออกไปว่าทำงานได้ถูกต้องตรงตามที่วางไว้หรือไม่
จรวดที่บันทึกนี้เป็นจรวดสมมติที่นำหัวรบนิวเคลียร์จำลอง ซึ่งจะมีขนาด
น้ำหนักและรูปร่างเหมือนกันทุกประการกับหัวรบนิวเคลียร์ของจริง
ขึ้นไปในวงโคจร ซึ่งเมื่อถึงระยะความสูงที่จุดหนึ่ง
จรวดนี้จะทำการปล่อยหัวรบนิวเคลียร์(จำลอง) ออกมา
โดยบันทึกทุกระยะการทำงานของจรวดนี้ ดร. Robert Jacob
ท่านมีผู้บังคับบัญชาโดยตรงคือผู้พันที่ชื่อ Florins Mansmann
ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ภาพเช่นกัน
เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกนี้สุดท้ายไปจบลงที่ห้องห้องหนึ่งที่มีชาย
ในชุดสูทสีเทาสองคน และผู้พัน Mansmann รอ ดร. Robert Jacob อยู่
ด็อกเตอร์ท่านมารู้ภายหลังว่าบุคคลทั้งสองนี้เป็นเจ้าหน้าของหน่วยข่าว
กรองกลาง CIA ซึ่ง ดร.ท่านรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้แปลกมาก ๆ
ภาพเคลื่อนไหวของการบันทึกขีปนาวุธครั้งนี้ถูกเดินเครื่องเปิดขึ้น ผู้พัน
Mansmann ถามด็อกเตอร์ Robert บนฉากก็คือฟิล์มที่ถูกบันทึกขึ้น
Dummy Warhead หรือหัวรบหลอกถูกปล่อยออกมา
ซึ่งความเร็วของหัวรบนี้ประมาณได้ที่หกพันถึงแปดพันไมล์ต่อชั่วโมง
และทันใดนั้นเอง
มีวัตถุบางอย่างตามเข้ามาอยู่ในเฟรมนี้ด้วยความเร็วประมาณเดียวกัน
และสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็คือ วัตถุที่ว่านี้
ได้ปล่อยหรือยิงแสงอะไรบางอย่างมายังหัวรบนี้
จากนั้นวัตถุนี้เคลื่อนที่ต่อไปและยิิงแสงออกมาอีก
และทำอย่างนี้อีกสองครั้ง รวมทั้งหมดสี่ครั้งด้วยกัน
และเคลื่อนที่ออกไปจากหัวรบในตำแหน่งเดียวกันกับที่เคลื่อนที่เข้ามา
สุดท้ายหัวรบหมดสภาพร่วงลงมาจากอวกาศ ไฟในห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง
ผู้พัน Mansmann ถามด็อกเตอร์ Robert ขึ้นว่า
ครั้งนี้งานของเราพังอีกตามเคยแล้วใช่ไหม ด็อกเตอร์ Robert
กล่าวขึ้นว่า ไม่หรอกครัับ
ดูเหมือนเราจะมียูเอฟโอเข้ามายุ่งกับหัวรบของเราในครั้งนี้
ผู้พันกล่าวขึ้นอีกว่า ด็อกเตอร์ครับ ต่อจากนี้ไป
ด็อกเตอร์จะต้องไม่ไปพูดเรื่องนี้กับใครอย่างเด็ดขาด
เรื่องนี้จะต้องไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งการแพร่งพรายความลับขั้นสุดให้บุคคลอื่นได้ทราบเป็นไปได้ว่าจะ
นำมาซึ่งปัญหาหายนะครั้งใหญ่แก่ผู้แพร่งพรายได้
สุดท้ายด็อกเตอร์ Robert
ถูกคำสั่งให้ออกไปจากห้องนี้ก่อน ซึ่งภายหลังอีกหลายสิบปีต่อมา
ด็อกเตอร์ Robert
จึงได้ทราบจากปากของผู้พัน Mansmann
ว่าภายหลังจากที่ด็อกเตอร์ออกมาจาก
ห้องนี้แล้ว ฟิล์มม้วนนี้ถูกเจ้าหน้าที่ CIA สองท่านนี้ยึดไป
โดยอ้างว่าสิ่งที่ฟิล์มนี้บันทึกอยู่จัดเป็นความลับขั้นสุด
แต่ว่าก่อนที่ฟิล์มม้วนนี้จะถูกยึดไป
ทางผู้พันเองก็ได้ทำการตรวจสอบมาแล้วเช่นกัน
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า
วัตถุลึกลับที่บินเข้ามาใกล้หัวรบนิวเคลียร์จำลองนี้
มีลักษณะคล้ายกับจานทรงแบนสองใบประกอบกัน
โดยที่ด้านบนเป็นโดมกลม ๆ คล้าย ๆ ลูกปิงปองวางอยู่
ด้านล่างของจานดูคล้าย ๆ กับจะเปล่งแสงได้
จานที่ว่านี้เคลื่อนที่ไปโดยการหมุนรอบตัวเองอย่างไม่เร็วนัก
ซึ่งแสงที่ถูกยิงออกมาี้นี้ละ ที่ออกมาจากส่วนของลูกปิงปองนี้
ฟิล์ม้วนนี้คนที่มีโอกาสได้เห็นมีน้อยมาก
จะเป็นก็คือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น อย่าว่าแต่คนภายนอก
แม้แต่เจ้าหน้าที่คนอื่นในฐานทัพนี้ขนาดเป็นถึงระดับผู้บังคับบัญชาของ
ด็อกเตอร์เองก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเ่ช่นกัน ก็เป็นเวลาร่วม 18 ปี
ที่เรื่องเรื่องนี้ถูกนำมาเผยแพร่
หาอีกสักคลิปเด็ด ๆ ให้ชมกันครับ
กับการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN เช่นกัน