wordpress visitor counter
http://www.taladklongtom.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com
 

 หน้าแรก

 ติดต่อเรา

 บทความ

 เกี่ยวกับเรา

รวมภาพสินค้า

สถิติ

เปิดเว็บ12/09/2009
อัพเดท16/03/2024
ผู้เข้าชม4,384,226
เปิดเพจ5,452,959

ตลาดเครื่องวัด

แนะนำตลาดเครื่องวัด

ปืนวัดอุณหภูมิร่างกาย DT-8806H, Infrared Thermometer for human body measure Model DT-8806H

เทอร์โมมิเตอร์อินฟาเรดวัดได้ทั้งอุณหภูมิร่างกายและวัตถุสิ่งของ

ปืนวัดอุณหภูมิ AR-300+

เทอร์โมมิเตอร์อินฟาเรดวัดอุณหภูมิร่างกาย 20Pro

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรดช่วงการวัด - 50 ถึง 380 องศาเซลเซียส

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรดช่วงการวัด - 50 ถึง 280 องศาเซลเซียศ

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด GM-900

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด GM420, Infrared Thermometer model GM420

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด Model GM-700

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด GM550, Infrared Thermometer model GM550

เทอร์โมมิเตอร์แบบอินฟาเรดออกแบบมาเพื่อวัดอุณหภูมิวัตถุสิ่งของ ช่วงการวัด ติดลบ 50 ถึง 550 องศาเซลเซียส

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด GM600, Infrared Thermometer model GM600

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด IR-102

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด Model Fluke 62

ปืนวัดอุณหภูมิสูงถึงสูงมาก Max 1050 องศาเซลเซียส

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรด Max 1650 องศาเซลเซียส

เครื่องวัดแสงแบบพกพา ขนาด 50,000 Lux, Lux meter Range 0 - 50,000 lux

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรดวัดได้ระหว่าง -25 ถึง 600 องศาเซลเซียส

ปืนวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรด -50 ถึง 550 องศาเซลเซียส

ปืนวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรด ช่วงของการวัด ติดลบ 50 ถึง 1,150 องศาเซลเซียส, GM-1150 Infrared Thermometer Range -50 to 1,150 celsius

เครื่องวัดความเข้มแสงแบบดิจิตอล 0-200,000 ลักซ์แบบพกพาราคาประหยัด

เครื่องวัดแสงแบบพกพา ขนาด 100,000 Lux

ปืนตรวจวัดอุณหภูมิอินฟาเรด Model Fluke62 Max และ Model Fluke62 Max Plus

ปืนวัดอุณหภูมิอินฟาเรดช่วงการวัด ติดลบ 18 ถึง 1650 องศาเซลเซียส Model AR882+

เครื่องวัดแสงแบบพกพา 100,000 ลักซ์ขนาดกะทัดลัด

เครื่องวัดความเข้มแสงแบบพกพาขนาด 200,000 lux, Digital Lux meter 0 - 200,000 Lux

เครื่องวัดความเข้มแสง 400,000 Lux, Sound Pressure level 0 - 400,000 Lux

เครื่องวัดเสียง Model SL 892-5

เครื่องวัดเสียง Model SL 824

เครื่องวัดเสียง Model SL - 5868P, Sound level meter model SL-5868P

เครื่องวัดดิน

เครื่องวัดเสียงแบบเข็ม(Analog)

Digital Sound Noise dB Meter Data Logger USB datalogger

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบตั้งโต๊ะ, Desktop Temperature and Humidity meter

ชุดวัดค่า N P K ในดิน, How to Test Your Soil

เครื่องวัดเสียง (Digital Sound Level Meter)

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบตั้งโต๊ะ, Desktop Temperature and Humidity meter Model HTC-2

เครื่องวัดค่าความชื้นและอุณหภูมิภาคสนาม

เครื่องวัดเสียง

มิเตอร์วัดพีเอช และความชื้นในดิน

Digicon Thermo - Hygrometer Model TH-03A, TH-02A

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบตั้งโต๊ะ, แขวน มีสายวัดสามารถวัดได้ทั้งในและนอก(In-Out)

โซนาร์หาปลาแบบพกพา, Portable fish finder

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบตั้งโต๊ะวัดได้ทั้งในและนอก, Digital IN-Out Thermo-Hygrometer

มิเตอร์วัดอุณหภูมิความชื้นภาคสนาม

WET BULB DRY BULB THERMOMETER, เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียกกระเปาะแห้ง

Brannan Max/Min Thermometer and Hygrometer with Clock.

เครื่องวัดค่าความเค็ม Model RHS-10 ATC, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเค็ม, handheld Salinity refractometer

มิเตอร์แบบดิจิตอลวัดอุณหภูมิและความชื้น 134203 มีสายวัด In - Out

Psychrometer, ไซโคมิเตอร์

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบตั้งโต๊ะวัดได้ทั้งในและนอกขนาดย่อม, Small Digital IN-Out Thermo-Hygrometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบแอลกอฮอล์สำหรับวัดอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในระหว่างวัน, Maximum Minimum alcohol Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียกกระเปาะแห้งแบบเซลเซียสช่วงของการวัด ติดลบ 30 ถึง บวก 50 องศาเซลเซียส

เครื่องวัดแอลกอฮอล์ Model RHW-80ATC, รีแฟคโตมิเตอร์วัดเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์

Whirling Hygrometer with folding Handle.

เครื่องวัดค่าความเค็ม Model RHS-28 ATC, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเค็ม, handheld Salinity refractometer

เครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวานของไวน์, wine making refractometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในระหว่างวัน, Mercury Maximum Minimum Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลสำหรับวัดอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในระหว่างวัน, Maximum Minimum Digital Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทสำหรับวัดอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในระหว่างวันสเกลเซลเซียส, Mercury Maximum Minimum Thermometer Celcius Scale

เครื่องวัดความหวาน Model RHB-90ATC, Refractometer วัดความหวานน้ำผึ้ง

เครื่องวัดความหวาน Model RHB-32ATC, RHBN-32ATC

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวานแบบดิจิตอล, Brix Digital Portable Refractometer Model HI96801

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวาน 0 - 50 % ATC, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวาน 28 - 62 % ATC

เครื่องวัดค่าความหวาน Model RHB-10 ATC, Optical Refractometer Model RHB-10ATC

CLINICAL REFRACTOMETER, รีแฟคโตมิเตอร์สำหรับตรวจวัดปัสสาวะและเลือดของมนุษย์

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวานแบบดิจิตอล, Brix Digital Portable Refractometer Model SCM-1000, เครื่องวัดความหวาน น้ำตาล ระบบดิจิตอล HM รุ่น SCM-1000 พกพาสะดวก ใช้ง่าย ช่วงการวัด 0.0-55.0 Brix

รีแฟคโตมิเตอร์วัดปัสสาวะสัตว์เลี้ยง(สุนัข, แมว), Pet Dog and Cat Refractometer Blood Protein Serum

กล้องวัดความหวานแบบส่องช่วงของการวัด 0 - 18 เปอร์เซ็นต์

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเค็มช่วงการวัดสูงสุด 35 เปอร์เซ็นต์, Salted refractometer maximum measurement 35%

INDUSTRIAL REFRACTOMETER, รีแฟลคโตมิเตอร์วัดน้ำยาหม้อน้ำในรถยนต์และน้ำกลั่นในแบตเตอรี่

Refractrometer วัดได้ทั้งความหวานและความถ่วงจำเพาะ, Beer&wine refractometer

รีแฟคโตมิเตอร์วัดเปอร์เซ็นต์สารAdblue, Car Adblue Antifreeze Battery Windshield Fluid Refractometer

INDUSTRIAL REFRACTOMETER, รีแฟลคโตมิเตอร์วัดน้ำยาหม้อน้ำในรถยนต์และน้ำกลั่นในแบตเตอรี่

เครื่องวัดความเร็วลมอย่างง่าย

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเค็มช่วงการวัดระหว่าง 20 - 40 ppt, Salted refractometer measurement between 20 - 40 ppt.

Refractometer วัดเปอร์เซ็นต์น้ำตาลและแอลกอฮอล์ในไวน์ Model RHW-25ATC

รีแฟคโตมิเตอร์วัดเปอร์เซ็นต์น้ำตาลในหน่วยของออสเลและบาโบ, Oechsle Refractometer

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวานช่วงของการวัด 0 - 20 เปอร์เซ็นต์, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็นเครื่องจักร CNC

เครื่องวัดความเร็วลม Model AM-4836V

Sea Water Salinity Refractometer, รีแฟคโตมิเตอร์สำหรับวัดความเค็มน้ำทะเล

Sea Water Salinity Refractometer, รีแฟคโตมิเตอร์สำหรับวัดน้ำทะเล

Brix and Salinity Refractometer, รีแฟคโตมิเตอร์ส่องตาวัดความหวานและความเค็มในเครื่องเดียวกัน

พีเอชมิเตอร์รุ่น PH-025M, PH meter Model PH-025M

รีแฟคโตมิเตอร์วัดดัชนีการหักเหและวัดความหวานแบบดิจิตอล, Refractive index and Brix Digital Portable Refractometer Model HI96800

เครื่องวัดความเร็วลม Model CEM DT-620

รีแฟคโตมิเตอร์แบบส่องตาวัดได้ 6 ค่าในเครื่องเดียวกัน สำหรับการตรวจวัดในอุตสาหกรรมรถยนต์, เครื่องยนต์

Brix and Salinity Refractometer, รีแฟคโตมิเตอร์ส่องตาวัดความหวานและความเค็มในเครื่องเดียวกัน ช่วงการวัดความหวาน 0 - 32 %Brix และช่วงการวัดความเค็ม 0 - 28%

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความหวานช่วงของการวัด 0 - 90 เปอร์เซ็นต์, Brix Refractometer measure range 0 - 90 %

เครื่องวัดความเร็วลม Model AM-8020

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหาร

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหาร, เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิเตาย่าง, Digital Maximum Minimum Food Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิห้องเย็น, ตู้เย็น

รีแฟคโตมิเตอร์วัดความเข้มข้นและจุดเยือกแข็งของสารทำความเย็นเอทีลีนไกลคอลโดยเฉพาะ

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารสายวัดยาว, เทอร์โมมิิเตอร์วัดอุณหภูมิเนื้อสัตว์ขณะประกอบอาหาร

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารแบบหน้าปัทม์เข็ม, Analog Food Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารแบบ Premium Grade

เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลวัดอุณหภูมิสเต็ก, เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลวัดอุณหภูมิผลิตภัณฑ์นม, Digital Food Thermometer BBQ Cooking Meat Hot milk Measure Probe

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหาร, อากาศ สายวัดยาว, HI98509 Checktemp 1 Digital Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหาร Model HI98501

รีแฟคโตมิเตอร์วัดจุดเยือกแข็งจากความเข้มข้นของน้ำยาหล่อเย็นในหน่วยองศาฟาเรนไฮน์

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมืภายในตู้อบอาหาร, ตู้อบประกอบอาหาร, Stainless Steel Temperature Oven Thermometer

Digital Short Pocket Test Thermometer With Protective Pocket And Clip

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารทรงT ก้านวัดยาวมาก, T-Shaped Thermometer Model 145-20

เทอร์โมมิเตอร์แบบแสตนเลสวัดอุณหภูมิภายในตู้แช่อาหาร, ตู้เย็นถนอมอาหาร, Stainless Steel Useful Temperature Refrigerator Freezer Dial Type Thermometer

เครื่องทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ระบบ ULTRASONIC, เครื่องล้างคอนแทคเลนส์

เครื่องล้างจิวเวลลี่และนาฬิิการะบบอัลตราโซนิค

เทอร์โมมิเตอร์แบบแม่เหล้กดูดติด สำหรับวัดอุณหภูมิในเตาอบ

ULTRASONIC CLEANER Model CD-4820

Fermometer, Brewing Thermometer, แถบวัดอุณหภูมิสติ๊กเกอร์

พีเอชมิเตอร์ Model PH-035

PH meter Waterproof Model HM, Model pH-200

พีเอชมิเตอร์ Model HI98128

มิเตอร์วัดค่ากรด-ด่าง Model PH-8689

พีเอชมิเตอร์ model PH-80, pH meter Model pH-80 HM Digital

TDS Meter Model TDS4 HM Brand

พีเอชมิเตอร์ Model PH-0092

พีเอชมิเตอร์ชนิดหัววัดแท่งเรียว

พีเอชมิเตอร์ Model PH-001

ทีดีเอสมิเตอร์ รุ่น Taster T-3, Digital TDS METER TASTER T-3

พีเอชมิเตอร์ Model PH-8690

พีเอชมิเตอร์ Model PH-8681

พีเอชมิเตอร์ Model HI98107

พีเอชมิเตอร์ราคาถูก

pH Meter Model pH 600

พีเอชคอนโทรลเลอร์, PH Controller Model PPH-1000

Combine Meter(Hygrometer, Barometer, Thermometer)

พีเอชมิเตอร์ Model PH-8685

DIGITAL FOLDABLE PH - Meter

เครื่องวัดความเป็นกรด-ด่าง, Ph meter Model PH-8689

เครื่องวัดความชื้น Moisture Meter

มิเตอร์วัดความชื้นในเนื้อไม้

เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์พืช

เครื่องวัดค่าความชื้นมาก ๆ

มิเตอร์วัดความชื้นระบบสัมผัส Model MC-7812

มิเตอร์วัดความชื้นแบบหัววัดแยกจากตัวเครื่อง Max 50 เปอร์เซ็นต์, Digital Moisture Meter

ดิจิตอลเวอร์เนีย Digital Vernier

เครื่องวัดความชื้นเมล็ดพันธุ์พืช วัดความชื้นได้ในช่วง 8 - 20 เปอร์เซ็นต์

เวอร์เนียร์อ่านค่าแบบเข็มวัดหน้าปัทม์วงกลมความยาว 12 นิ้ว, Analog Dial Vernier 12 inches

เครื่องวัดคลอรีนในสระว่ายน้ำ, เครื่องวัดพีเอชในสระว่ายน้ำ

เวอร์เนียร์อ่านค่าแบบเข็มวัดหน้าปัทม์วงกลมความยาว 300 มิลลิเมตร ความละเอียด 0.02 มม., Analog Dial Caliper 300 mm. Div.0.02 mm.

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Digital Conductivity Meter

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model EC-1383

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model EC-1385

มิเตอร์วัดค่าEC

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model ECW-1383A

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model HM Digital EC-3

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model EC-8361

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Taiwan made

มิเตอร์วัดค่าความนำไฟฟ้าและความสะอาดน้ำในเครื่องเดียวกัน, EC & TDS meter, Model Com-100

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้าน้ำสะอาด, มิเตอรปากกา์วัดค่าการนำไฟฟ้าสำหรับน้ำดื่ม

เครื่องอัดแคปซูลยา บ็อกอัดแคปซูลยา, CAPSULES Filler MACHINE Kit FILLING Herbs POWDER Pills VITAMINS Medication

มิเตอร์วัดค่าความนำไฟฟ้าและความสะอาดน้ำในเครื่องเดียวกัน, EC & TDS meter, Model Com-80

เครื่องวัดค่าการนำไฟฟ้า Model HI98303

เครื่องอัดแคปซูลยาอะคริลิก, บล็อกอัดแคปซูลยาอะคริลิก, ตาชั่งตวงยา

บล็อกตัดเม็ดยา, บล็อกทำเม็ดยา, ครกบดยา, ครกตำยา, ตะแกรงร่อนยา

เครื่องเตือนก๊าซไวไฟรั่ว, มิเตอร์เตือนก๊าซไวไฟรั่วแบบปากกาพกพาได้, Pen type portable combustible gas leak meter tester

มิเตอร์วัดค่าความสะอาดของน้ำ, TDS meter model TDS4TM

ที่กดเม็ดยา, บล็อกทองเหลืองกดเม็ดยา, บล็อกทองเหลืองทำเม็ดยา, จานนับเม็ดยา, ที่กดไส้ขนม, ทองเหลืองกดไส้ขนม

บรรจุภัณฑ์เมล็ดยาและสิ่งที่เกี่ยวข้อง

แก้วตวงสาร, แก้วตวงยา

ชุดอัดแคปซูลยาสำหรับแคปซูลยาเบอร์ 00

เครื่องเตือนก๊าซไวไฟรั่ว Model GD-3300

บล็อกบรรจุแคปซูลยาแบบประกบ 100 เม็ด เบอร์ 00, เบอร์ 2, เบอร์ 3, เบอร์ 4, เบอร์ 5

Magnetic Stirrer Bar

มิเตอร์วัดค่าความสะอาดของน้ำ, TDS meter model TDS3, TDS meter ราคาถูก

เครื่องบดผสมยา, เครื่องผสมยา

เครื่องอัดแคปซูลยาอะคริลิกด้วยมือขนาด 400 เม็ดเบอร์ 0, บล็อกอัดแคปซูลยาอะคริลิกด้วยมือขนาด 400 เมล็ด เบอร์ 0

ตาชั่งบาลานซ์ชั่งยา, ตาชั่งยา, ตุ้มน้ำหนักมาตรฐาน

บล็อกบรรจุแคปซูลยาแบบประกบ 100 เม็ด เบอร์ 0 หรือ เบอร์ 1

ชุดอัดแคปซูลยาสำหรับแคปซูลยาเบอร์ 000

กล้อง Digital Microscope

มิเตอร์วัดความสะอาดของน้ำก่อนและหลังผ่านระบบกรอง, Dual TDS Meter

กล้องไมโครสโคป 25-400X, DIGITAL HANDHELD USB MICROSCOPE 25 - 400X

Dual TDS Meter Model DM1, HM Brand

มิเตอร์วัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายน้ำเลี้ยงในระบบ ไฮโดรโปรนิก่อนและหลัง, Dual Monitor EC Meter

เครื่องชั่งแบบพกพาขนาดชั่งได้สูงสุด 200 กรัม ความละเอียด 0.01 กรัม

กล้องไมโครสโคปกำลังขยาย 600 เท่า

เครื่องชั่งแบบพกพา max 300 g

เครื่องชั่งแบบพกพา max 2000 g

เครื่องชั่งแบบพกพา max 10 g

เครื่องชั่งแบบพกพา max 200 g

เครื่องชั่งแบบพกพา max 300 g

เครื่องชั่งแบบพกพาและตั้งโต๊ะได้ชั่งได้สูงสุด 500 กรัม ความละเอียด 0.01 กรัม

เครื่องวัดความเร็วรอบ Model DM-6234P, เครื่องวัดความเร็วรอบแบบใช้แสง

เครื่องชั่ง 2000-10000 กรัม, Cheap Kitchen Digital Scale

เครื่องชั่งแบบดิจิตอลขนาด 5000 กรัม ความละเอียด 0.1 กรัม, Digital Scale 5,000 grams Division 0.1 grams.

เครื่องวัดความเร็วรอบ มิเตอร์วัดความเร็วรอบแบบใช้แสง

เครื่องชั่งดิจิตอล 25 กิโลกรัม ความละเอียด 1 กรัม

เครื่องวัดความเร็วรอบ Model DT-2236C

เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์

เครื่องวัดความเร็วรอบ รุ่น DT-6236B แบบเลเซอร์ และสัมผัส

Perfect Bake Scale, ตาชั่ง Perfect Bake, ตาชั่งผสมสูตรอาหารฝรั่ง

ตาชั่งดิจิตอลผสมเครื่องดื่มคอกเทล, Perfect Drink, Perfect Drink Scale

เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์แบบเป่าปาก

2 K Type Digital Thermometer, เทอร์โมมิเตอร์แบบ K-Type

เทอร์โมมิเตอร์แบบพกพาช่วงการวัดสูง -50 ถึง 1,350 องศาเซลเซียส, Portable K TYPE Thermometers Digital Thermometer Temperature Measurement meter -50 ~1350 C

Digital Multimeter Voltmeter Range PC

หัวโพรบสำหรับเทอร์โมมิเตอร์ชนิด K - Type, Probe for K - Type Thermometer

Triplett Miniature AC Clamp-on Meter - Model 9200

แว่นตาทางการแพทย์ขนาดกำลังขยาย 2.5X กรอบโลหะระยะปฎิบัติการ 420 มิลลิเมตร

ปากกาพกพาวัดค่า pH,EC และTDS ในเครื่องเดียวกัน

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์ขนาดกำลังขยาย 3.5x Dental Loupes Surgical Medical Titanium Frame

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์ศัลยกรรม ทันตกรรม ขนาดกำลังขยาย 3.5 เท่า ระยะโฟกัส 320 mm.,

ปากกาพกพาวัดค่า pH,EC และTDS ในเครื่องเดียวกัน วัดในหน่วย ms/cm และ ppt

แว่นตาทางการแพทย์ขนาดกำลังขยาย 3.5X กรอบโลหะระยะทำงาน 420 มิลลิเมตร, Surgical Loupe 3.0X 420

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์พร้อมไฟส่อง, Dental loupe with Led Light

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์พร้อมไฟส่อง ขนาดกำลังขยาย 3.5 เท่า ระยะโฟกัส 420 mm., Dental loupe with Led Light

6.0x Dental Loupes Surgical Medical Titanium Frame, แว่นส่องขยายทางศัลยกรรมหรือทันตกรรม

PC USB Thermometer Sensor

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์กำลังขยาย 4.0X, 4.0x Magnification Galilean Dental Surgical Loupes Medical Frame

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์กำลังขยาย 3.5X แบบหนีบติดแว่นตา(Clip on Loupes)

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์กำลังขยาย 2.5X ระยะปฎิบัติการ 420 มม. แบบหนีบติดแว่นตา(Clip on)

ชุดไฟส่องสว่างสำหรับติดตั้งกับแว่นตาขยายทางทันตกรรมหรือศัลยกรรม, Dental Surgical Light Loupes

PC USB Hygro Thermometer Humidity Temperature

แว่นตาผ่าตัดทางการแพทย์กำลังขยาย 8.0X , DM 8x 420mm Multi-Focus Dental Binocular Loupes

แว่นขยายศัลยกรรมทรงแว่นสปอร์ต ขนาดระยะปฎิบัติการ 550 มม. 2.5x

เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องบันทึกอุณหภูมิ เครื่องวัดและบันทึกอุณหภูมิ เทอร์โมคัปเปิล

ชุดแว่นขยายผ่าตัดชนิดสวมศีรษะกำลังขยายและระยะปฎิบัติการ 3.5x420 mm. พร้อมชุดไฟส่องสว่าง

แว่นขยายศัลยกรรม, ทันตกรรมชนิดเจาะผ่านเลนส์, TTL Dental Surgical Loupes

แว่นผ่าตัดกรอบโลหะ กำลังขยาย 3.5x ระยะปฎิบัติการ 550 มิลลิเมตร, แว่นผ่าตัดสำหรับศัลยกรรมทรวงอก อวัยวะปอด, ตับ, หัวใจ

เครื่องวัดความดังเสียง 30-130 dB

เครื่องวัดความหนา Model TM-8811

แว่นขยายดูทีวี, TV Binocular Magnifying Glasses, TV Loupes

แว่นขยายเลนส์กระต่าย, Light Head Magnifying Glass

มิเตอร์แบบตั้งโต๊ะวัดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศ ช่วงของการวัด 0 - 9,999 ppm. Model 98128

เครื่องวัดความหนา Model TM-8812, Digital Thickness meter tester Model TM-8812

เครื่องวัดความหนา Model CM-8822

มิเตอร์วัดความหนาของชั้นสี CM 8826 FN

เครื่องวัดความหนาโลหะ, มิเตอร์ตรวจวัดความหนาของโลหะ, มิเตอร์ตรวจวัดความหนาโลหะ Model TM-8816

เครื่องวัดความหนาแบบเข็ม, Precision Thickness Measurement Gauge Tool (0-20mm)

เครื่องวัดความหนาแบบดิจิตอล, มิเตอร์วัดความหนากระดาษแบบดิจิตอล

ิมิเตอร์วัดความหนาของกระดาษแบบเข็มวัด, paper thickness measure meter

ไมโครมิเตอร์วัดความหนา 0 - 25 มม., ไมโครมิเตอร์, Micrometer, Micrometer Caliper

เครื่องวัดค่าความเค็ม

เครื่องวัดค่า ORP, รีด็อกซ์มิเตอร์(ORP-169B)

7 IN 1 METER TESTER

รีด็อกมิเตอร์, Digital ORP Meter Model DMT-40

ORP Meter Model HM ORP200

DIGITAL MULTIMETER VOLTMETER RANGE PC INTERFACE, มัลติมิเตอร์

AC & DC Clamp Multimeter Voltage Tester

มิเตอร์วัดความชื้นและกรดด่างในดิน

มิเตอร์วัด กรด-ด่าง ในดิน

มิเตอร์วัดความชื้นและกรดด่างในดินแบบสายวัดยาว

Kelway Soil pH and Moisture Meter

มิเตอร์วัดความสมบูรณ์ของดิน

มิเตอร์ตรวจวัดค่ากรด-ด่างและปริมาณNPKโดยรวมของดิน

มิเตอร์วัดดินระบบดิจิตอล 4in1

DIGITAL SOIL PH METER TESTER, มิเตอร์วัดความเป็นกรด-เบสของดิน

เครื่องวัดค่าปริมาณของแข็งแขวนลอยในน้ำ

มิเตอร์วัดค่าความนำไฟฟ้าและอุณหภูมิในดินแบบพกพา, Direct Soil Conductivity and Temperature meter

เครื่องวัดค่าปริมาณของแข็งแขวนลอยในน้ำ Model TDS-6031

มิเตอร์วัดความสะอาดน้ำดื่มแบบพกพาได้, AP-1 AquaPro Digital TDS Meter

มิเตอร์ตรวจวัดความสะอาดของน้ำรุ่น EZ, TDS Meter Tester model EZ

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC 60 ฟุต / 18 เมตร

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC 20 เมตร

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC ระยะ 0 - 16 เมตร

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC 60 เมตร

เครื่องวัดระยะทางระบบ ULTRASONIC ระยะ 0 - 100 เมตร

RESISTANCE TESTER

เครื่องวัดระยะทางช่วงการวัด 0.3-100 เมตร

Multifunction Network LAN Phone Cable Tester Meter

มิเตอร์วัดความแข็ง, DIGITAL LCD SHORE A HARDNESS DUROMETER/TESTER WITH BUILT-IN PROBE (HT-6510A)

มิเตอร์วัดความแข็ง Digital Shore C Hardness Durometer Meter Tester

มิเตอร์วัดความแข็ง Shore D Digital Shore D Hardness Durometer (HT-6510D)

DT-21 5in1 Thermometer Light Humidity Sound Multi Meter

มิเตอร์วัดความแข็งแบบเข็มanalog, XF Durometer Type A, O and D Made Off-shore

มิเตอร์วัดความทนทานแบบดิจิตอล ,Digital Shore Hardness Durometer

มิเตอร์วัดความแข็งแบบเข็มหน่วย O, Analog Durometer Type O, Shore O

เครื่องวัดค่าความทนทาน Shore A สำหรับยาง พลาสติก หนัง, Digital Shore A Hardness Durometer (0~100HA)

มิเตอร์วัดความทนทานแบบดิจิตอล สเกล C ,Digital Shore Hardness Durometer Shore C

มิเตอร์วัดค่าแสงอัลตราไวโอเลต

มิเตอร์ปากกาวัดศักย์ไฟฟ้า, LCD Display Digital Voltage Tester Pen Detector Meter

เครื่องวัดกระแสไฟฟ้า 3 เฟส

Digital Power Clamp meter Multimeter UT231

Digital MultiFunction Autorange Multimeter w/ CD & USB

PC USB Hygro Thermometer Humidity & Temperature

เครื่องวัดความดันโลหิตต้นแขน, Digital Arm Blood Pressure Monitor Pluse, เครื่องวัดความดันโลหิตที่ข้อมือ, Wrist Blood Pressure Monitor Pluse

เครื่องวัดออกซิเจนและอัตราการเต้นของหัวใจที่ปลายนิ้ว, OLED Fingertip oxymeter spo2,PR monitor Blood Oxygen Pulse oximeter

มิเตอร์วัดความดันอากาศแบบเข็ม, มิเตอร์วัดความดันอากาศแบบเข็มanalog

มิเตอร์วัดความดันอากาศแบบAnalog

มิเตอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิแบบAnalog เข็มวัดแยก

COMFORT METER, มิเตอร์ตรวจวัดความสบายในการอยู่อาศัย

มิเตอร์วัดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศแบบเข็ม Hygrometer, Analog Hygrometer

ATC 0-32% Brix & wort SG Beer Sugar Refractometer

เครื่องวัดค่าความหวาน แบบส่องตา 0-80%

มิเตอร์วัดอุณหภูมิของอากาศแบบเข็ม, Analog Thermometer

มิเตอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นแบบอนาล็อกเข็มวัดรุ่น 7540 ยี่ห้อ SATO Model HIGHEST I, SATO Hair Hygrometer with Thermometer model 7540 Highest I

มิเตอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิของอากาศแบบเข็ม, Analog Thermo-Hygrometer

มิเตอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นแบบอนาล็อกเข็มวัดรุ่น 7542 ยี่ห้อ SATO Model HIGHEST II, SATO Hair Hygrometer with Digital Thermometer model 7542 Highest II

มิเตอร์วัดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศแบบเข็มหน้าปัทม์ 7 ซม. กรอบทอง, Hygrometer dia 7.0 cm.gold case

มิเตอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิของอากาศแบบเข็มซางงิ, Analog Thermo-Hygrometer Sangi Model

มิเตอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิยี่ห้อ SATO รุ่น 7562-00

มิเตอร์วัดระดับความเอียงบนเรือ, Clinometer

มิเตอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นแบบเข็มชนิดติดฝาผนัง

อุปกรณ์เช็คแบตเตอรี่รถยนต์

ชุดน้ำยาตรวจวัดความกระด้างของน้ำ

แท่งแก้วตรวจวัดความถ่วงจำเพาะน้ำ, hydrometer, Specificgravity hydrometer, Density hydrometer

แท่งแก้วตรวจวัดความเข้มข้นของแอลกอฮอล์, แท่งแก้ววัดเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของสุรา, Gay Lussac Hydrometers

แท่งแก้ววัดเปอร์เซ็นต์ความหวาน, Hydrometer วัดความหวาน, Saccharometer

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ของไวน์, Vinometer, capillery wine meter

แท่งแก้ววัดความถ่วงจำเพาะของสารละลายที่มีความถ่วงจำเพาะต่ำกว่าน้ำบริสุทธิ์

แท่งแก้ววัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในนมและผลิตภัณฑ์จากนมสัตว์, Butyrometer, ไฮโดรมิเตอร์วัดน้ำนม, Lactometer

แท่งแก้ววัดค่าเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นความเค็ม, Brinometer

แท่งแก้วตรวจวัดค่าเปอร์เซ็นต์ยางในน้ำยาง, Latexometer, Latex Hydrometer

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์กรดไฮโดรคลอริก(กรดเกลือ)

แท่งแก้ววัดความถ่วงจำเพาะในหน่วยของ Baume, Baume scale Hydrometer

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์กรดไนตริค, (Hno3) hydrometer, Nitric acid hydrometer measurer

แท่งแก้ววัดความหนาแน่นของปัสสาวะ, Urinometer, Urine Hydrometer

ไฮโดรมิเตอร์วัดความหนาแน่นของของเหลว, Density Hydrometer

ไฮโดรมิเตอร์วัดก๊าซในหน่วยความถ่วงจำเพาะ ช่วงการวัด 0.500 - 0.650, ไฮโดรมิเตอร์วัดก๊าซในหน่วยความหนาแน่น ช่วงการวัด 500 - 650 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์กรดซัลฟูริก (H2So4 Sulphuric acid)

เครื่องตรวจวัดแก๊สไวไฟรั่ว

ไฮโดรมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของของเหลว, Specific Gravity Hydrometer

เครื่องตรวจวัดแก๊สไวไฟรั่ว Model JL269-C

เครื่องตรวจวัดแก๊สไวไฟรั่ว Model JL269

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์ไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์, Hydrometer for measure Hydrogen Peroxide

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์โซเดียมคลอไรด์, Hydrometer for measure Sodium Chloride

เครื่องวัดแก๊ส LPG รั่ว

แท่งแก้วตรวจวัดเปอร์เซ็นต์น้ำส้มสายชู, Hydrometer For Vinegar, Hydrometer for acetic acid

ไฮโดรมิเตอร์วัดเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นของสารละลาย โซเีดียมไฮดรอกไซด์ ช่วงการวัด 0-27%

แท่งแก้วตรวจวัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดในแบตเตอรี่ช่วงค่าระหว่าง 0.950 - 1.000 ความละเอียด 0.001

ไฮโดรมิเตอร์วัดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม, ไฮโดรมิเตอร์วัด API, API hydrometer, Hydrometer for Petroleum test

Hydrometer for Home Brewing Making Beer Wine Mead, แท่งแก้ววัดน้ำตาลในไวน์ก่อนการหมัก

ชุดกระบอกแก้วไฮโดรมิเตอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำมันดีเซล, ฺBradyinstruments Diesel Fuel Quality Hydrometer Similar to Kent-Moore J-38641-D J-34352

ไปเปตสำหรับการตรวจนับเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง, Blood diluting pipette for white blood cells, Blood diluting pipette for red blood cells

ชุดกระบอกแก้วไฮโดรมิเตอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์

ไฮโดรมิเตอร์วัดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบมีเทอร์โมมิเตอร์, ไฮโดรมิเตอร์วัด API แบบมีเทอร์โมมิเตอร์, API hydrometer with thermometer, Hydrometer with thermometer for Petroleum test

แท่งแก้วตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นเกลือในตู้ปลา, Glass Hydrometer Aquarium with Thermometer Salt Marine Salinity Tester Meter New

พิโคโนมิเตอร์,GAY LUSSAC Pycnometer, ขวดพิโคโนมิเตอร์แบบยังไม่ได้ปรับแต่งปริมาตรที่แน่นอน, non adjusted pycnometer

ฮีมาไซโตมิเตอร์, Haemacytometer

พิโคโนมิเตอร์ที่ปรับค่าปริมาตรที่แน่นอนแล้ว, Adjust Pycnometer, Adjusted Pycnometer

ชุดวัดค่า API และ ความหนาแน่นของน้ำมันเบนซินและดีเซลแบบกระเป๋าหิ้ว

ไม้วัดระดับน้ำมัน, น้ำยาวัดน้ำมัน, น้ำยาวัดน้ำที่ตกค้างอยู่ในน้ำมัน

Densitometer for Petroleum Diesel or Gasoline, Density hydrometer for Petroleum Diesel or Gasoline

พิโคโนมิเตอร์ที่ปรับค่าปริมาตรที่แน่นอนแล้วพร้อมด้วยเทอร์โมมิเตอร์, pycnometer with thermometer, Specific gravity bottles with ground joint thermometer

ชุดแก้วหมักน้ำตาลในปัสสาวะ, Einhorn fermentation saccharometer

มิเตอร์วัดคลอรีน (Total Chlorine), Total Chlorine meter tester

มิเตอร์วัดความหนากระดาษแบบดิจิตอลช่วงการวัด 0 - 12.7 มม., Digital Thickness Gauge range 0 - 12.7 mm.

เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งวัดเซลเซียสและฟาเรนไฮน์, เทอร์โมมิเตอร์ติดผนังแบบไม้

มิเตอร์แบบเข็มวัดความหนาของชิ้นงานแบบคอลึก, Deep throat Dial Thickness Gauge

กระดาษวัดค่าพีเอช

ปากกาวัดค่าความกระด้างของน้ำ, มิเตอร์วัดค่าความกระด้างของน้ำ

มิเตอร์วัดไฟฟ้า อุณหภูมิ Digital AC/DC Clamp Meter Multimeter Thermometer Ohm

มิเตอร์วัดความแข็งของผลไม้ (Fruit Sclerometer)

มิเตอร์วัดความเค็มของอาหาร, มิเตอร์วัดความเค็มของอาหารที่รับประทาน, salt check meter tester model SB-2000

มิเตอร์ปากกาวัดความเค็มของอาหารช่วงการวัด 0 - 10 เปอร์เซ็นต์ salt check meter tester model SB-2000 Pro

เครื่องจับเวลาการปรุงอาหาร, เครื่องจับเวลาการทำอาหาร, food timer meter

เครื่องวัดความตึงของสายพานแบบดิจิตอล, มิเตอร์วัดความตึงของสายพานแบบดิจิตอล, Belt Tension Tester

ปากกาวัดค่าความตึงของสายพาน, Industrial Belt Tension Tester Gauge

ชุดเลนส์ขยายพร้อมโคมไฟชนิดหนีบกับโต๊ะ

มิเตอร์วัดความตึงของสายพานแบบดิจิตอลชนิดเลเซอร์, Belt Tension Meter / Sonic Tension Meter, Range 3 - 800 Hz รุ่น BTM-400 plus

ปากกาวัดความตึงสายพานช่วงการวัด 99 และ 165 ปอนด์

มิเตอร์วัดระดับน้ำดิจิตอล, Digital Level Inclinometer Angle Finder Spirit Level 360

เครื่องวัดความชื้นแบบปลายโพรบยาว, เครื่องวัดค่าความชื้นวัดได้สูงสุด 80 เปอร์เซ็นต์

มิเตอร์แบบดิจิตอลวัดองศาความเอียงในแนวฉาก, Digital Inclinometer Mini Digital Protractor horizontal Bevel Box

เครื่องตรวจวัดก๊าซคาร์บอนมอน็อกไซด์รั่วแบบติดผนัง, Carbonmonoxide gas sensor detector alarm

มิเตอร์ตรวจวัดก๊าซไวไฟรั่วแบบติดผนัง, Ceiling Mounted Combustible gas sensor detector alarm

มิเตอร์ตรวจจับควัน, Smoke Detector, เครื่องตรวจจับควัน

มิเตอร์ตรวจวัดก๊าซไวไฟรั่วแบบติดผนังใช้ได้ทั้งกับไฟบ้านและแบตเตอรี่

มิเตอร์ตรวจจับความร้อนแบบติดผนังหรือฝ้าเพดาน รุ่น 5601P, Heat Detector Model 5601P

เครื่องตรวจจับควัน, Smoke Detector model 721UT

เครื่องตรวจจับควัน, Smoke Detector model KL731

ระบบสัญญาณไฟและเสียงเรียกพยาบาลหรือขอความช่วยเหลือ

เครื่องตรวจจับความร้อน Heat Detector Model KL710

เครื่องตรวจจับความร้อน Heat Detector Model EDC-M9103

มิเตอร์ตรวจวัดค่าความเค็มในอาหาร Digital Salt Meter tester

มิเตอร์วัดความเค็มในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, Digital Handheld Marine meter Tester 0 - 50ppt

น้ำยาคาลิเบรตมิเตอร์วัดชนิดต่าง ๆ ph meter, orp meter, conductivity meter รวมทั้งน้ำยาสำหรับล้างและแช่หัววัดมิเตอร์แบบพกพา

เครื่องวัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ (Air Quality CO2 Monitor)

มิเตอร์วัดความแข็งวัสดุแบบเข็ม, Shore C durometer

มิเตอร์วัดคลอรีนอิสระในน้ำ, Free Chlorine Meter tester

Photometer วัดวิเคราะห์เหล็กในน้ำ, HI721 Iron Checker

มิเตอร์วัดค่าความเงางาม, Glossmeter 20 60 85tester

มิเตอร์วัดค่าความเงางามมุม 60

Glossmeter Gloss Meter 60

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นภาคสนาม, field Digital Humidity and Temperature with K Type meter tester

คอนโครล ควบคุมอุณหภูมิแอร์ิเครื่องปรับอากาศ, Central Air Controller Temperature Heat Cool Fan

ตัวคอนโครล ควบคุมอุณหภูมิ, Digital Temperature Controller

มิเตอร์วัดค่าพลังงานแสงอาทิตย์, Digital Solar Power Meter BTU, W/m2 Radiation Energy Cell Tester

Quartz Cuvettes set of 4 standard quartz cuvettes 1.0 cm 10 mm cuvette

มิเตอร์วัดค่าแสงอัลตราไวโอเลต, ( UV Light Meter UVA UVB Detector Tester 280-380nm )

กระบอกวัดปริมาณน้ำฝน, Rain Gauge, Udometer

กรวยตวงวัดปริมาณน้ำฝนบนพื้นดิน, Direct Reading Rain Gauge

เครื่องวัดความเร็วลม, Anemometer Air Flow Wind Speed Meter

เครื่องวัดความเร็วลม, Model AM-4836C

เครื่องวัดความเร็วลม Model AM-4836C

เครื่องตรวจวัดสารทำความเย็นรั่ว, Refrigerant Gas Leak Detector

มิเตอร์วัดค่าน้ำ กรด-ด่าง , EC, TDS (Bench pH/ORP/EC/CF/TDS Temp Meter) ในเครื่องเดียวกัน

test tube rack, ที่เสียบหลอดทดลอง

เครื่องจ่ายสารเคมีจากขวด, Dispensing, เครื่องจ่ายสารเคมีจากภาชนะขวดเก็บ

มิเตอร์วัดค่าความเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า, Electromagnetic Field Tester meter

อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ทั่ว ๆ ไป

มิเตอร์วัดได้ 5 อย่างในเครื่องเดียวกัน, 5in1 Thermometer Light Humidity Sound and Multi Meter tester

ออโตบิวเรท, Auto Burette schiling, auto burette poly bottle

กล้องถอยหลังติดรถยนต์

ไปเปตดูดสารอัตโนมัติ, labopipette

เตาให้ความร้อนสาร, Single-plate ring-Cooker

ที่บดต่อมปลา, กุ้ง ที่บดสมอง ปลา, กุ้ง

เครื่องวัดค่าดัชนีการหักเหค่าการหักเหของสารละลายในช่วง 1.333-1.520 Refractometer, รีแฟคโตมิเตอร์วัดความถ่วงจำเพาะของของเหลวในช่วง 1.333- 1.520

ไปเปตแก้ว, glass pipette

เครื่องตรวจวัดเปอร์เซ็นต์ก๊าซอ็อกซิเจนในอากาศ, Digital Oxygen Content Tester Meter Gas Alarm Detector Checker

มิเตอร์ตรวจวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์แบบพกพา, (Carbon Monoxide CO Meter Tester Monitor Detector PPM)

เครื่องตรวจจับวัตถุโลหะแบบพกพา, HandHeld Metal Detector

เครื่องนับธนบัตรแบบพกพาได้, เครื่องตรวจทานธนบัตร, Mini Portable Bill Cash Handy Count Money Currency Counter Counting

เครื่องวัดและบันทีกอุณหภูมิและความชื้นแบบUSB, Transportation water/dust proof (IP67)design temperature and humidity data logger

กระดาษวัดค่าความกระด้างของน้ำ, Total Hardness Test Strip.

ชุดเคมีตรวจวัดคลอรีนในน้ำอย่างง่าย, Chlorine in water test kit

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิดิน, เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิดิน, Soil Thermometer

ชุดน้ำยาเคมีตรวจสอบแมกนีเซียมในน้ำทะเล

ชุดน้ำยาทดสอบแคลเซียมในน้ำทะเล, Calcium in sea water

ชุดน้ำยาทดสอบแอมโมเนียมในน้ำจืดและน้ำทะเล

ชุดน้ำยาทดสอบอ็อกซิเจนในน้ำ

ชุดน้ำยาทดสอบอัลคาลินิตี้

ชุดน้ำยาทดสอบไนไตรท์ ช่วง 0.02 - 1.00 mg/L

ชุดน้ำยาทดสอบเปอร์อซิติกแอซิด

แถบกระดาษวัดค่าคลอรีนอิสระในน้ำ, Free Chlorine Test Strip

แถบกระดาษวัดค่าคลอรีนทั้งหมดในน้ำ, Total Chlorine Test Strip

แผ่นทดสอบไนเตรท, ไนไตร์ท Nitrate Nitrite Test Strip

กระดาษทดสอบ เปอร์อซฺิติกแอซิด PERACETIC ACID.

แผ่นกระดาษทดสอบคุณภาพน้ำโดยรวม, Eco-Check 5in1

น้ำยาทดสอบคุณภาพน้ำ, น้ำยาทดสอบค่าความเป็นกรด - ด่างของน้ำ, น้ำยาทดสอบสารเคมีในน้ำ

ม้วนกระดาษเทียบสีความเป็นกรด - ด่างของสารละลาย ช่วงการวัด 1 - 14, pH indicator Roll paper test

ม้วนกระดาษเทียบสีความเป็นกรด - ด่างของสารละลาย, ช่วงการวัด 0.0 - 6.0 ความละเอียด 0.5

ม้วนกระดาษเทียบสีความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย, ช่วงการวัด 6.5 - 13.0 ความละเอียด 0.5

ม้วนกระดาษเทียบสีความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย, ช่วงการวัด 5.0 - 9.0 ความละเอียด 0.5

ม้วนกระดาษเทียบสีความเป็นกรด-ด่างของสารละลาย, ช่วงการวัด 4.9 - 6.9 ความละเอียด 0.3

ม้วนกระดาษเทียบสีความเข้มข้นของสารฆ่าเชื้อในอุตสาหกรรมอาหาร ช่วงของการวัด 0 - 400 ppm, Quaternary Test (QT-10) Paper roll range 0-400 ppm

ม้วนกระดาษเทียบสีความเข้มข้นของคลอรีน ช่วงของการวัด 10 - 200 ppm, Chlorine Test Paper roll range 10-200 ppm.

กระดาษวัดค่าคลอรีน แบบ strip (100 แผ่น/กล่อง) ช่วงของการเทียบค่าเทียบสี [0] [50] [100] [250] [500] [800] [1000]

Rommelsbacher Single Cooking Plate, Rommelsbacher Double Cooking Plate.

กระดาษวัดค่าคลอรีนแบบ strip (300 แผ่น/กล่อง) ช่วงของการเทียบค่าเทียบสี 25 - 200 ppm.(Part Per Million)

กระดาษวัดค่าแอมโมเนีย แบบม้วน (ยาว 4.5 เมตร/กล่อง) ช่วงของค่าเทียบสี [0] [5] [10] [20] [50] [100] ppm.

กระดาษตรวจวัดค่าปัสสาวะ, Reagent Strips for Urinalysis

ฮีทเตอร์ให้ความร้อนสารละลาย, ลวดทำความร้อนสารละลาย, Immersion Stainless Steel.

กระดาษเทียบสีวัดค่าน้ำโดยรวม 7 ค่า

กระดาษตรวจวัดค่า pH ของเลือด, น้ำเหลือง หรือสารคัดหลั่งในร่างกายของคนหรือสัตว์

กระดาษเทียบสีวัดค่าน้ำโดยรวม 14 ค่า, 14 in 1 Reagent Strips For Water

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารแบบแสตนเลส, stainless steel food thermometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบเข็มวัดแสตนเลสก้านวัดยาว 12 นิ้ว หน่วยวัดองศาเซลเซียส

เทอร์โมมิเตอร์แบบเข็มวัดแสตนเลสก้านวัดยาว 12 นิ้ว หน่วยวัดองศาเซลเซียสและองศาฟาเรนไฮน์

เทอร์โมมิเตอร์แบบเข็มวัดแสตนเลสก้านวัดยาว 50 เซ็นติเมตร หน่วยวัดองศาเซลเซียส

เทอร์โมมิเตอร์ดิจิตอล 4 in 1 วัดไข้ทางหู/หน้าผาก, 4 in 1 Baby Adult Digital LCD Ear Forehead Ambient Clock IR Infrared Thermometer

เครื่องยิงสแกนบาร์โค็ด, (USB Held Handheld Visible CCD Laser Scan Barcode Bar Code Scanner Scan Reader)

ไปเปตปั๊ม, เครื่องช่วยดูดสารไปเปต, pipette pump, Pipet Filler, Siphon Hand Pump

มิเตอร์ปากกาวัดความชื้นและอุณหภูมิแบบดิจิตอล, Pen Type Thermo Hygrometer Temperature RH Heat Index WGBT

เทอร์โมมิเตอร์แบบ Wet-Dry ที่วัดอุณหภูมิได้ทั้งในหน่วยองศาเซลเซียสและองศาฟาเรนไฮน์

มิเตอร์วัดค่าแรงสั่นสะเทื่อน, Digital Vibration Meter, เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์เครื่องจักรแบบพกพาได้

มิเตอร์ตรวจวัดปริมาณอ็อกซิเจนที่ละลายในน้ำ, Portable Dissolved Oxygen Meter Model HI 9146

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิตู้เย็นตู้แช่แบบดิจิตอล, Fridge Freezer digital Thermometer

เครื่องวัดไฟฟ้า ดิจิตอลมัลติมิเตอร์, Digital Multimeter Sanwa Model: CD-800A

มิเตอร์วัดค่า TDS สำหรับเครื่องกรองน้ำ, In-Line Dual TDS Monitor Model DM-1

สโตรโบสโคบ, Digital Handheld Stroboscope with 50-12,000 FPM 110V/220V

HDMI Portable Mini LED Projector Home Cinema Theater AV VGA USB SD Model CB-100, เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดพกพา รุ่น CB-100

ที่เจาะจุกยาง, Cork borer, ที่คว้านจุกยางเพื่อใส่หลอดแก้ว

เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน, Digital Vibration Meter Tester Gauge Precision Analyzer Model VM6320

Leak Detector w/CE, Holiday Detector Meter 0.05m-10mm 0.6KV-30KV Spark

เครื่องชั่งความเร็วสูงขนาดชั่งได้สูงสุด 6 กิโลกรัม

เครื่องวัดความขาวเมล็ดข้าวสาร, Rice Whiteness meter Tester

Push Pull Scale 0 - 500 N, มิเตอร์วัดค่าแรงดึงหรือแรงกดช่วง 0 - 500 นิวตัน, Mechanical Force Gauge

เครื่องวัดแสงสเปคตรัม, Spectrum Transmission Meter Tester UV 365nm, VL 380nm-760nm, IR 950nm model LS-103

มิเตอร์ปากกาวัดค่าความเค็มแบบดิจิตอลช่วงของการวัด 0-80 ppt, Digital Salinity Meter tester

MAGNETIC STIRRER, เครื่องกวนสาร, เครื่องกวนสารละลาย Model MS200

ปากกาสำหรับเขียนเครื่องแก้ว, ปากกาสลักเครื่องแก้ว, Engraver, Diamond Tipped Engraver

กล้องมองถอยหลังตรงรุ่นสำหรับรุ่นฮอนด้า Accord Civic, Car rearview Camera back reverse

กล้องมองถอยหลังรถกระบะวีโก้, อีซูซุ

ชุดน้ำยาทดสอบสารเมลามีนตกค้างอย่างง่าย, Screening Test For Melamine

กล้องถอยหลังรถยนต์แบบเจาะใส่ป้ายทะเบียน

กล้องถอยหลังรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์

พาราฟิล์ม, Parafilm M, Laboratory Film

เทอร์โมมิเตอร์ประกอบอาหารและนาฬิกาจับเวลาทำอาหารผลิตภัณฑ์ของ CDN

มิเตอร์วัดความแตกต่างระหว่างความดันอากาศสองจุด, Pressure Manometer Differential Pressure Detector

เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารแบบดิจิตอลปรับหมุนหัวอ่านได้, Swivel Head Electronic Pocket Test Thermometer

มิเตอร์วัดความชื้นในเนื้อไม้ชนิดต่าง ๆ, Digital Moisure Meter for wood, 2%-70%

Lever Dial Indicator Meter Test Tool Kit Precision 0.01mm., Dial Test Indicator

Handheld 3in1 Detector Find Metal Wood Studs AC Voltage Live Wire Wall Scanner Electric Box Finder Tester Groove

มิเตอร์แบบดิจิตอลสำหรับวัดความลึก, ความสึก, มิเตอร์แบบดิจิตอลสำหรับวัดความสึกของดอกยาง, New Car Tyre Digital Tread Brake Car Pad Tread Depth Tester Gauge Meter Metric

มิเตอร์แบบเข็มสำหรับวัดความลึก, ความสึก, มิเตอร์แบบเข็มสำหรับวัดความสึกของดอกยาง, Car Tyre Analog Tread Brake Car Pad Tread Depth Tester Gauge Meter Metric

มิเตอร์แบบดิจิตอลตั้งระดับความสูงและวัดระดับความลึกในเครื่องเดียวกัน, Digital Tread LCD Magnetic Feet Aperture 80mm Hand Routers Self Standing Depth Gauge Trend Digital Router

มิเตอร์นับเพิ่มจำนวนแบบดิจิตอล, Finger Hand Ring Tally Counter

เทอร์โมมิเตอร์แสตนเลสแบบเข็ม ช่วงการวัด -10 ถึง 120 องศาเซลเซียส พร้อมที่เหน็บ

ไฮโดรมิเตอร์วัดน้ำกรดแบตเตอรี่ราคาถูก, Cheap Battery Check Hydrometer

เทอร์โมมิเตอร์แสตนเลสแบบเข็มสำหรับวัดอุณหภูมิฟองนม ช่วงการวัด 0 ถึง 100 องศาเซลเซียส พร้อมที่เหน็บ

Fridge Freezer Thermometer with magnetic Back, เทอร์โมมิเตอร์แม่เหล็กติดตู้เย็นแนวนอน

ASTM Thermometer, เอเอสทีเอ็ม เทอร์โมมิเตอร์

ดิจิตอลรีแฟคโตมิเตอร์วัดความเข้มข้นของกาแฟชงสำเร็จ

Mitutoyo Dial Test Indicator Model 513-466-10E

เครื่องชั่งดิจิตอลทศนิยมหลังจุด 3 ตำแหน่งและ 4 ตำแหน่ง

Digital Hygrometer tester

มิเตอร์วัดเส้นผ่านศูนย์กลางไข่มุก, ลูกแก้ว, ลูกปัด, ลูกประคำ, สิ่งของกลม ๆ

สติ๊กเกอร์วัดอุณหภูมิ

มิเตอร์วัดความตึงสายพานแบบดิจิตอลระบบวัดด้วยความถี่เสียง, Sonic Belt Tension Meter U-508

หลอดแท่งแก้วตรวจวัดระดับน้ำมันข้างถัง(ถังบนดิน)

มิเตอร์วัดความชื้นแบบดิจิตอลสี่หัวเข็ม 0 - 70 %, 4 pin Moisture meter 0 - 70 %

มิเตอร์วัดความตึงสายพานแบบดิจิตอลรุ่น U-550, Gates U-550 Sonic Belt Tension Meter

Belt Tension Meter Model SM5

เทอร์โมมิเตอร์มาตรฐาน DIN(เยอรมันนี), DIN Standard Thermometer

เทอร์โมมิเตอร์แบบพกพาชนิดแท่งแก้วปรอท, เทอร์โมมิเตอร์แบบพกพาชนิดแท่งแก้วแอลกอฮอล์

เทอร์โมมิเตอร์ชนิดทีหน้าปัทม์ใหญ่ถึงใหญ่มากสำหรับเครื่องจักร, Type T Big Dial Thermometer

เครื่องตรวจจับควัน, Smoke Detector model EDC-M9102

เครื่องตรวจจับควัน, Smoke Detector model EDCM9102

Combo Meter HM-100

เครื่องตรวจจับควัน, Smoke Detector model 711U

ชุดทดสอบความกระด้างของเหลว ช่วง 0 - 300 mg/L.

เลนส์ตาปลาโทรศัพท์มือถือ, เลนส์รวมภาพมือถือ

กระบอกเก็บน้ำฝนแบบพลาสติกชนิดขาวขุ่น

เทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียก-กระเปาะแห้ง หน่วยองศาเซลเซียสความละเอียดของอุณหภูมิวัด 0.5 องศาเซลเซียส

เทอร์โมมิเตอร์แบบหลอดแก้วใช้ในงานอุตสาหกรรม

HAEMOMETER, ชุดตรวจวัดฮีโมมิเตอร์ส่าหลี

เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้นแบบกราฟ แบบพล็อตกราฟ

ปากกาวัดความตึงสายพานด้ามเดี่ยว สไตล์ BANDO

ปากกาวัดความตึงสายพานด้ามเดี่ยว สไตล์ BANDO

มิเตอร์วัดความตึงสายพานแบบดิจิตอล, BANDO Digital Belt Tension Tester

เกจวัดความเอียงสำหรับรถยนต์, Clinometer for car use

ตลาดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้าน

แนะนำตลาดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้าน

เก้าอี้เบาะ, เก้าอี้พับ

เก้าอี้เบาะ, เก้าอี้เหล็ก, เก้าอี้พลาสติก, เก้าอี้สูง, เก้าอี้แสตนเลส, บันไดอลูมิเนียม, เก้าอี้เหล็กพับ, ผ้าคลุมเก้าอี้จัดเลี้ยง

เตียงนอนชนิดต่าง ๆ เตียงนอนแบบพับเก็บได้, ที่นอนชนิดต่าง ๆ, มุ้งครอบ, มุ้ง

โต๊ะพับชนิดต่าง, โต๊ะพับไม้, โต๊ะพับเหล็ก, โต๊ะพับแสตนเลส, โต๊ะเด็กนั่ง, โต๊ะเหล็กพับได้

โต๊รีดผ้ายืนรีด, โต๊ะรีดผ้านั่งรีด, ชั้นวางทีวี, โต๊ะวางทีวี, เสาแขวนหมวกแขวนสูท, โต๊ะเครื่องแป้ง

เปลเด็ก, เตียงเด็ก, เตียงขังเด็ก, เบาะเด็กอ่อน, รถหัดเดินเด็ก, รถเข็นเด็ก, เปลอุ้มเด็ก

พัดลม, พัดลมติดผนัง, พัดลมตั้งโต๊ะ, พัดลมระบายอากาศ

ชั้นวางของ, ชั้นวางเครื่องดื่ม, ชั้นวางของใช้, ชั้นวางรองเท้า, รถลากของ

ราวตากผ้า, ราวตากผ้าชนิดต่าง ๆ, ตู้เสื้อผ้าพลาสติก, ลิ้นชักพลาสติก

โต๊ะญี่ปุ่น, โต๊ะจอหงวน, โต๊ะญี่ปุ่นเหล็ก

รถเด็กเล่น

ตู้เสื้อผ้าถอดประกอบได้

เครื่องนอน

ชั้นอลูมิเนียม, ซิงค์อลูมิเนียม

ชั้นถอดประกอบได้

โต๊ะสนามพลาสติก, เก้าอี้พลาสติก

ฉากกั้น, ตู้ยาสามัญประจำบ้าน, ตู้จดหมาย

เสื่อน้ำมัน, เสื่อน้ำมันโฟม, พลาสติกปูโต๊ะ

ม้านั่งสนามพลาสติกแบบยาว ถอดประกอบได้

ของใช้จิปาถะที่ทางร้านจำหน่าย

เตียงนอนเหล็ก

สินค้าประเภทชั้นวาง, โต๊ะวาง

ข้อมูลระบบการขนส่งสินค้า

ชั้นคว่ำจาน, ชั้นเข้ามุม, ชั้นวางของใช้

โต๊ะกลมหน้าไม้ขอบเหล็กขาเหล็ก, ขายโต๊ะกลมหน้าไม้ขอบเหล็กหน้าเหล็ก

ขายเก้าอี้ตราช้าง, เก้าอี้ตราช้าง

ขายเก้าอี้เหล็กพับเก็บได้, เก้าอี้เหล็กพับเก็บได้

โตีะกลมเหล็กพับได้, โต๊ะสี่เหลี่ยมเหล็กพับเก็บได้

ขายร่มชายหาด, ขายร่มชายหาดพร้อมอุปกรณ์, โต๊ะข้างพลาสติกถอดประกอบได้

โต๊ะพับไม้ตันขอบแดงขาเหล็ก, ขายโต๊ะพับไม้ตันขอบแดงขาเหล็ก

โต๊ะแสตนเลสขาสวิงพับเก็บได้, ขายโต๊ะแสตนเลสขาสวิงพับเก็บได้

โต๊ะกลมหน้าเหล็กขาเหล็กสวิง, ขายโต๊ะกลมหน้าเหล็กขาเหล็กสวิง

โต๊ะพับหน้าไม้พีวีซีขาเหล็ก, ขายโต๊ะพับหน้าไม้พีวีซีขาเหล็ก

โต๊ะพับหน้าโฟเมก้าขนาดเล็กนั่งคนเดียวขาสวิงพับเก็บได้

เตียงสามพับชนิดต่าง ๆ, ผ้าอะไหล่เตียงสามพับ, เตียงสองพับล้อเลื่อน

โต๊ะแสตนเลสพับเก็บได้ขาแข็งแรง, โต๊ะแสตนเลสพับเก็บไม่ได้

โต๊ะสนามพับเก็บได้อลูมิเนียม

ผ้าคลุมเก้าอี้จัดเลี้ยง, ขายผ้าคลุมเก้าอี้จัดเลี้ยง

เตียงเจาะเลือด, เตียงนอนให้เลือด

เปลญวนเด็ก, เปลญวนผู้ใหญ่, เปลไกวเด็ก, เปลไกวผู้ใหญ่

ตลาดเครื่องดับเพลิง

เครื่องดับเพลิงผงเคมีแห้ง, Dry Chemical Fire Extinguisher

เครื่องดับเพลิงผงเคมีแห้งชนิดฉลากเขียว, Dry Chemical Fire Extinguisher Green Label

เครื่องดับเพลิงชนิดเคมีน้ำ, ถังดับเพลิงชนิดเคมีน้ำ, Low pressure water mist fire extinguisher

เครื่องดับเพลิงเคมีสูตรน้ำชนิดฉลากเขียว, Low Pressure Water Mist Fire Extinguisher Green Label

เครื่องดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหย ฮาโลตรอน I

ข้อมูลเกี่ยวกับสารดับเพลิงฮาโลตรอน1, About Halotron1

ข้อมูลเอกสารวัตถุอันตรายสารฮาโลตรอน 1 (Material Safety Data Sheet of Halotron I)

เครื่องดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์, Carbon Dioxide Fire Extinguisher

เครื่องดับเพลิงโฟม 3% AFFF และ ARFFF ขนาด 2.5 แกลลอนชนิดฉลากเขียวมาตรฐาน มอก.

เครื่องดับเพลิงชนิดถังดับเพลิงน้ำสะสมแรงดัน

เครื่องดับเพลิงชนิดสารละลายโฟมอัดถังดับเพลิง

เครื่องดับเพลิงสำหรับเพลิงที่เกิดจากการประกอบอาหารโดยเฉพาะ, Wet Chemical(Class K) Fire Extinguisher

โฟมดับเพลิง

เครื่องดับเพลิงสำหรับไฟ Class D, เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีโซเดียมคลอไรด์

เครื่องดับเพลิงชนิด เอวีดี สำหรับดับเพลิงไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน, AVD(Aqueous Vermiculite Dispersion) Fire Extinguisher

เครื่องดับเพลิงชนิดอัตโนมัติ แบบติดตั้งเพดาน

สายส่งน้ำดับเพลิง, Fire Hose

ชุดดับเพลิง Fire Fighting Suit

ชุดดับเพลิงตามมาตรฐานต่างประเทศ

ชุดดับเพลิงตามมาตรฐาน NFPA

หัวฉีดดับเพลิง

หัวฉีดดับเพลิง

ตู้เก็บถังดับเพลิง, ตู้ใส่อุปกรณ์ดับเพลิง, Fire Extinguisher Cabinet

ข้อต่อสำหรับสายส่งน้ำดับเพลิง, Coupling

ชุดหน้ากากพร้อมถังอัดอากาศใช้ผจญเพลิง, Self contains breathing apparatus

เครื่องอัดอากาศสำหรับถังหายใจ SCBA(Self Contain Breathing Apparatus)

รถลากทำโฟม, Mobile Foam Unit Model 02 FM140

หัวฉีดน้ำดับเพลิงแบบปรับปริมาณน้ำได้ แบบด้ามปืนยี่ห้อ PROGARD รุ่น 04 HSG230-A

ฐานตั้งเครื่องดับเพลิงกับพื้น, ฐานวางเครื่องดับเพลิง

อุปกรณ์กรีดกระจกเพื่อช่วยเหลือออกมานอกรถ, ขวานดับเพลิง, ค้อนปอนด์ดับเพลิง, แชลงดับเพลิง

การดับเพลิงของนักดับเพลิงระดับเซียน

คุณสมบัิติองค์ประกอบของไฟรวมทั้งหลักสำคัญในการดับเพลิง

เปลวไฟที่เครื่องดับเพลิงดับไม่ได้

การตรวจสอบเครื่องดับเพลิง, วิธีตรวจสอบเครื่องดับเพลิง

ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้, ไฟฉุกเฉิน และกล่องป้ายทางหนีไฟ

ประจักษ์พยานของผู้ใช้เครื่่องดับเพลิงผงเคมีแห้ง, Testimonials

สัญญาณเตือนเพลิงไหม้เหตุฉุกเฉินที่จุดติดตั้ง, Manual Station Fire Alarm Siren / Strobe With Battery 9 VDC

ตลาดเรื่องเล่าแปลก ๆ

นายทราวิส วอร์ตัน

ยักษ์คันธาระ

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(1), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(6), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(5), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(4), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(3), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(2), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

Aurora Incident

ส.ต.ใต้ทะเลสาปไบคาล, Aliens under Lake Baikal, Swimmer of Lake Baikal

Operation Sunray, Bulgarian Area 51

คลิปวีดีโอจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ, Tic Tac Shaped UFO.

Solar Warden โครงการอวกาศลับของประเทศมหาอำนาจกับงบลับ Secret Space Program & Black Budget

ระเบียบปฎิบัติการพิเศษเพื่อใช้ในการเก็บกู้วัตถุและเทคโนโลยีที่มาจากนอกโลก SOM1-01 Special Operations Manual

Doppelgangers

Project Serpo, โปรเจค เซอร์โป

Dimensions, Time Traveler

ทูตโลก, Earth Ambassador

ปากคำจากเจ้าหน้าที่ในอดีตในเรื่องยูเอฟโอ

ปฎิบัิติการกระโดดสูง "Operation Highjump"

แสงสามารถเดินทางเป็นวิถีโค้งได้

Varginha UFO incident

ยูเอฟโอที่ถูกจับภาพได้โดยกล้องอินฟาเรด

กรุ๊ปเลือด Rh-, Rh negative Blood type

Foo Fighters, Kraut Fireballs

Probe Shaped UFO

ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับยูเอฟโอ, ความลับระดับชั้น"Cosmic"

ทฤษฎีสัมพันธภาพของด็อกเตอร์อัลเบริต์ ไอน์สไตน์, Albert Einstein

รวมภาพยูเอฟโอที่ถูกถ่ายได้ในอดีต

วัตถุลึกลับที่ตกที่มณฑลเฮหลงเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ยูเอฟโอที่ปรากฎที่กรุงเยรูซาเล็มประเทศอิสราเอล

Boomerang shaped UFO, ยูเอฟโอรูปทรงบูมเมอแรง

สิบภาพยอดเยี่ยมจากกล้อง Hubble

ยูเอฟโอที่บันทึกวีดีโอได้ที่สาธารณรัฐตุรกี

ยูเอฟโอทรงหมวกฟาง, Straw Hat Shaped Ufo

วันที่ยานชาแลนเจอร์ระเบิดมีอะไรบางอย่างบนท้องฟ้า

ยูเอฟโอกับการเคลื่อนที่่ผ่านเมฆ, UFOs moving through the clouds

Walnut Shaped Ufo, ยูเอฟโอรูปทรงถั่ววอลนัท

กองทัพยุเอฟโอ, การพบเห็นยูเอฟโอหลาย ๆ ลำในที่เดียวกัน

ยูเอฟโอทำลายจรวดหัวรบ

ยูเอฟโอที่ประเทศอิหร่าน

ยูเอฟโองูเห่า, Serpent UFO

การทดสอบที่อยู่ในArea 51

ยูเอฟโอกับเครื่องบินรบ B-2

ยูเอฟโอที่พบในทวีปแอฟริกา

ยูเอฟโอรูปร่างแปลก ๆ ในเหตุการณ์แปลก ๆ

ยูเอฟโอปลาหมึกยักษ์, Octopus UFO

ยูเอฟโอทรงสามเหลี่ยม, Triangular UFO, Black Triangle UFO

โทรศัพท์ iPhone กับการบันทึกวีดีโอยูเอฟโอ, โทรศัพท์มือถือกับการบันทึกคลิปยูเอฟโอ

การสื่่อสารระหว่างนักบินอวกาศกับหอควบคุมการบินภาคพื้นดินเกี่ยวกับการพบเห็นสิ่งผิดปกติ การสื่อสารระหว่างนักบินอวกาศกับหอควบคุมการบินภาพพื้นดินเกี่ยวกับการพบเห็นสิ่งผิดปกติ

กลุ่มแสงยูเอฟโอปรากฎที่เืมือง Chelmsford ประเทศอังกฤษ

ยูเอฟโอปรากฎในวันที่เกิดสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น

แปลก ๆ บนท้องฟ้า, Strange activity in sky

สัตว์บนโลกที่ดูคล้าย ๆ alien

ยูเอฟโอรูปทรงหกเหลี่ยม, hexagon-shaped UFO

ยูเอฟโอวงแหวน, วงแหวนยูเอฟโอ, ring shaped UFO

มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ White Tall

ความดุร้ายและความอ่อนโยนของสิงโต

รวบรวมภาพยูเอฟโอจากนอกโลกโดยสถานีอวกาศของประเทศต่าง ๆ

ยูเอฟโอที่ถ่ายได้ที่ประเทศลาว

ปลาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตจนถึงปัจจุบัน

มีอะไรแปลก ๆ ที่ขั้วโลกใต้

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณเข้าไปในเขตแอเรีย51 โดยไม่ได้รับอนุญาต

อะไรแปลก ๆ บนดวงจันทร์

ศพมนุษย์ต่างดาวที่พบบนโลก

เครื่องบินโดยสารพาณิชย์ประสบยูเอฟโอโดยบังเอิญ

ยูเอฟโอโบราณที่อยู่บนดวงจันทร์

ธาตุที่ 115, element 115

สาธารณรัฐประชาชนจีนส่งคนขึ้นสู่วงโคจรโลกเจอยูเอฟโอ

ยูเอฟโอชนเครื่องบินปีกหัก

ซีเอ็นเอ็นกับเรื่องของยูเอฟโอ

มนุษย์ต่างดาวทำงานร่วมกับมนุษย์ในแอเรีย51

การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์เมื่อเทียบกับโลก

ยูเอฟโอทรงกลม

ยูเอฟโอที่บินในระดับต่ำ, Low flying UFO

ยูเอฟโอรูปร่างแปลก ๆ(2)

มนุษย์ต่างดาวมีกี่สายพันธุ์

ผู้พัน ฟิลลิป คอร์โซ, Lieutenant Colonel Philip J. Corso

ยานอวกาศ Space Shuttle Challenger กับ ยูเอฟโอที่เฝ้าสังเกตุ

ยูเอฟโอที่ตกในสหภาพโซเวียต

วัตถุลึกลับที่ตกลงไปในทะเลสาปประเทศเปรู(1), Long Tail UFO, Light Tail UFO, vector shape Ufo, Chevron Ufo

แหล่งพลังงานของยูเอฟโอ

อะไรแปลก ๆ บนดวงอาทิตย์

ขนาดของโลกเมื่อนำมาเทียบกับดวงดาวดวงอื่นที่อยู่ในแกแลคซี่เรา

ยูเอฟโอรูปร่างแปลก ๆ

ยูเอฟโอที่ถ่ายได้แถว ๆ เทือกเขาหิมาลัย

การขนส่งวัตถุบินลึกลับทางภาคพื้นดิน

ยูเอฟโอถ่ายได้ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

ยูเอฟโอที่ปรากฎในวันสาบานตนของประธานาธิบดี

ยูเอฟโอที่พบเห็นในประเทศบราซิล

มนุษย์่ต่างดาวเป็น ๆ Alive Aliens

การพรางตัวของยูเอฟโอ ภาค2

การพรางตัวของยูเอฟโอ ภาค1

ยูเอฟโอที่บินผ่านเครื่องบินเจ๊ต

ยูเอฟโอตกที่ประเทศเม็กซิโก

ยูเอฟโอที่ประเทศเวียดนาม, ศัตรูที่ไม่ทราบฝ่าย, Enemy Unknown

ยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวที่ถ่ายได้ตอนกลางคืน

ยูเอฟโอที่กำลังบินออกนอกโลก

ปรากฎการณ์ Mirage ในเมืองจีน

ยูเอฟโอที่เซาท์เปาโล

ยูเอฟโอลักพาวัว, Cattle Mutilation, Human Mutilation

ยูเอฟโอที่ประเทศ costa rica

มายากลเด็กปืนเชือกในประเทศอินเดีย

เด็กที่ลอยได้ในประเทศรัสเซีย

ซิการ์ยูเอฟโอ, cigar shaped UFO, cylindrical shaped UFO

ยูเอฟโอปรากฎกลางกรุงลอนดอน

การเคลื่อนที่ของยูเอฟโอในแนวดิ่ง

ลักษณะการเคลื่อนที่ของยูเอฟโอ

ความเร็วของยูเอฟโอ

ยูเอฟโอที่ปรากฎที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์

Stargate, ประตูทางออกของจักรวาล

คลิปวีดีโอยุเอฟโอที่ไม่ดูไม่ได้

Landing UFO, ยูเอฟโอที่ลงจอด

ยูเอฟโอที่เม็กซิโกวันที่เกิดสุริยุปราคา

ยูเอฟโอรูปทรงเพชร, Diamond UFO, Pyramid Shaped UFO, Diamond Shape UFO, Operação Prato

ไฟล์วีดีโอเก่าเก็บของยูเอฟโอ

ยูเอฟโอวีดีโอเดิม ๆ

เครื่องบินขับไล่ประลองประสิทธิภาพกับยูเอฟโอ

ยูเอฟโอที่ถ่ายได้จากเครื่องบินโดยสารพลเรือน

ยูเอฟโอที่เคลื่อนที่ผ่านผิวน้ำ

ยูเอฟโอที่ประเทศฟิจิ

รูหนอน, Wormhole

ภาพยูเอฟโอในอดีต

ผีที่อยู่ในลานจอดรถ

ยูเอฟโอตกในทะเลทราย, ปฎิบัติการ Silver Diamond

ช้าก่อนอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นยูเอฟโอ

ยูเอฟโอบนผิวดิน

มนุษย์จากนอกโลกที่มาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย

เครื่องบินรบกับยูเอฟโอก็เป็นเพื่อนกันได้

UFO ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันแต่ปรากฎต่างสถานที่กัน

Teleportation

ปฎิทิน

« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

Project Serpo, โปรเจค เซอร์โป

Flying Saucers(จานบิน)


      Flying Saucers ศัพท์คำนี้มีที่มาจากไหน ? 

           ประมาณวันที่ 24 เดือนมิถุนายน ค.ศ.1947 ที่

Washington State ใกล้กับ

เทือกเขา Rainier เหตุการณ์เป็นเหตุการณ์การพบเห็นวัตถุลึกลับ

ซึ่งห่างจากเหตุการณ์การตกของยูเอฟโอที่เมืองรอสเวลส์รัฐ

นิวเม็กซิโกประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ เท่านั้น

     วันนั้นเป็นวันที่อากาศปลอดโปร่งมาก มีนักบินอิสระคนหนึ่งชื่อ

คุณ Kenneth Albert Arnold ท่านคนนี้ก็เป็นคนมีฐานะ เป็นนัก

ธุรกิจ ผู้ที่ชื่นชอบการขับเครื่องบินส่วนตัว ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวอยู่

ในบริเวณนี้ 


         ตอนที่บินอยู่ที่ระดับความสูง 9,200 ฟุตจากระดับน้ำทะเลปกติ

ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 15.00 น. ประมาณ 15 ไมล์ข้างหน้า

เครื่องบินเขา สังเกตุเห็นมีแสงประหลาดเกิดขึ้น จากการสังเกตุ

อย่างละเอียดแล้วพบว่าแสงที่เห็นนั้นเป็นวัตถุประหลาดที่บินได้นับ

รวมกันแล้วได้ถึง 9 ลำ บินด้วยความเร็วที่เรียกว่าเร็วมากถ้าเทียบ

กับเครื่องบินเขา รูปแบบในการบินมีลักษณะที่เฉพาะคือไม่ใช่ต่าง

คนต่างบิน แต่บินแบบเรียงกันไปเป็นแถวหน้ากระดาน คุณ

Kenneth เมื่อพบความผิดปกตินี้ก็ใช้ความพยายามในการจับ

ความเร็วของวัตถุประหลาดทั้ง 9 ลำนี้ว่าน่าจะบินด้วยความเร็วสัก

เท่าไร 


        ก็ด้วยความที่คุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้ คุณ Kenneth จึง

ทราบระยะระหว่างยอดเขาทั้งสองรวมทั้งทราบระยะห่างระหว่าง

เครื่องบินส่วนตัวของเขากับระยะห่างของเครื่องกับวัตถุลึกลับทั้ง 9

ลำนี้ และก็จับเวลาการเคลื่อนที่ผ่านยอดเขาทั้งสองลูกของวัตถุทั้ง 9

ลำ ตอนแรกคุณ Kenneth เข้าใจว่าความเร็วของวัตถุทั้ง 9 ลำนี้น่า

จะอยู่ที่ประมาณ 1,200 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ในภายหลังลองมาคำ

นวนใหม่แล้ว ความเร็วที่แท้จริงของวัตถุทั้ง 9 ลำนี้ที่ถูกต้องควรจะ

อยู่ที่ 1,657 ไมล์ต่อชั่วโมง ก็ในยุคสมัยนั้นแล้ว ความเร็วขนาดนี้

เทียบเท่ากับ 3 เท่าของความเร็วของเครื่องบินชนิดใด ๆ ที่จะ

สามารถทำได้ในขณะนั้นเลย วันรุ่งขึ้นคุณ Kenneth ให้ข่าวกับ

สื่อสารมวลชน และเรื่องนี้ก็เลยดังขึ้นมา และก็จุดนี้เหตุการณ์นี้นี่เอง

ที่คำว่า Flying Saucer หรือภาษาไทยเรียกว่าจานบิน ถูกนำมา

เรียกขาน 



ซึ่งตอนที่คุณ kenneth ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ก็ได้ถูกสื่อมวลชนคน

หนึ่งตั้งคำถามว่าแล้ววัตถุทั้ง 9 ลำนี้เคลื่อนที่อย่างไร ลักษณะการ

เคลื่อนที่เป็นอย่างไร คุณ Kenneth ตอบว่าคล้ายกับจานที่ร่อนได้

หากคุณร่อนจานไปข้างหน้า ลักษณะการเคลื่อนที่คล้าย ๆ อย่างนั้น

ซึ่งทางคุณ Kenneth ก็ได้วาดภาพวัตถุทั้ง 9 ลำที่เห็นด้วยว่า

ลักษณะที่เห็นมันเป็นเช่นไร 

   คุณ Kenneth เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ จึงทำให้เรื่องที่คุณ Kenneth

ประสบพบเจอมากลายเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือไปด้วย แต่ถ้าจะให้ความ

น่าเชื่อถือมีมากกว่านี้ มันก็ควรจะมีพยานหรือบุคคลอื่นในสถานที่

แห่งนี้ หรือสถานที่ใกล้เคียงเจอหรือเห็นเหตุการณ์นี้บ้าง



   มีคนอยู่ในสองคนในวันเดียวกันนั้นเอง และในเวลาที่ใกล้เคียงกับ

เวลาที่คุณ Kenneth เจอ คนแรกเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถว ๆ นั้น

ลุงชาวบ้านคนนี้บอกว่าได้เห็นวัตถุประหลาดดังกล่าวเช่นเดียวกันใน

วันนั้น แต่นับได้ประมาณ 6 ลำ ส่วนอีกคนที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น

จะเป็นเจ้าที่พิทักษ์ผืนป่า มีหน้าที่เฝ้าระวังไฟป่ากล่าวว่าได้เห็นวัตถุ

ประหลาดดังกล่าวจริง แต่ไม่แน่ใจว่ามีกี่ลำ เจ้าหน้าที่ท่านนี้กล่าวว่า

วัตถุทั้งหมดที่เห็นดูเหมือนจะเคลื่อนที่แบบตามกันไปในแนวเส้นตรง

อีกสองสามสัปดาห์ผ่านไป คุณ Kenneth ส่งเรื่องดังกล่าวที่ว่านี้ให้

กับหน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศสหรัฐฯ 


   คุณ Kenneth ให้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการพบเจอของเขา

และร่างวัตถุประหลาดนี้ด้วยว่ารูปร่างของมันจะเป็นประมาณไหน

ซึ่งหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน ทางหน่วยข่าวกรองกองทัพอากาศ

ปฎิเสธที่จะทำการสอบสวนต่อโดยให้เหตุผลว่า จากรายงานการ

พบเห็นวัตถุประหลาดที่เคลื่อนที่ได้บนท้องฟ้า 90 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็น

เรื่องของจินตนาการของผู้พบเห็นเอง ซึ่งตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่าทาง

กองทัพอากาศสหรัฐฯ มีเจตนาที่จะปกปิดข่าวนี้ไม่ให้แพร่กระจาย

ออกไปมากหรือด้วยวัตถุประสงค์ใด 


         ซึ่งเหตุการณ์การพบเห็นวัตถุปรหลาดของคุณ Kenneth นี้ผ่าน

ไปเพียงประมาณสักไม่นานนักคือประมาณต้นเดือน กรกฎาคม ปี

เดียวกันนี้เอง ก็มีพยานที่เห็นเหตุการณ์อีกคน ครั้งนี้ไปพบเห็นที่

เมืองฟินิกส์ รัฐอริโซน่า คนที่พบเห็นในครั้งนี้ชื่อคุณวิลเลียม โรด ก็

คือคุณวิลเลียมตอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงดังประหลาดดังอยู่นอก

บ้านบนท้องฟ้า จึงถือกล้องถ่ายภาพและเดินออกมาเพื่อที่จะถ่าย

ภาพว่าเสียงที่เห็นจะใช่เครื่องบินที่กำลังจะตกลงมาหรือไม่



   แต่ตอนที่คุณวิลเลียมเดินออกมานอกบ้านและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

สิ่งที่เห็นบนท้องฟ้ากลับไม่ใช่เครื่องบิน แต่เป็นวัตถุประหลาดอะไรก็

ไม่ทราบได้ จึงทำการบันทึกภาพไว้ด้วยกล้องถ่ายภาพ จำนวน 2

ภาพด้วยกัน ตามภาพด้านล่าง



       ภาพที่ถ่ายมานี้เป็นภาพจริง ๆ เลย จากวันที่ถ่าย แต่เท่าที่ผม

พิจารณาจากการถ่ายแล้ว น่าจะเป็นการถ่ายย้อนแสง คือเมื่อส่อง

กล้องถ่ายภาพขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว มีแสงเข้าหน้ากล้องมากจึง

ทำให้วัตถุที่เราจับภาพอยู่มืดไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็พอจะมอง

เห็นรูปร่างลักษณะของมันได้ ไม่เพียงเท่านั้นคุณวิลเลียมส่งภาพ

สองภาพที่ถ่ายได้ไปให้หนังสือพิมพ์ The Arizona Republic ซึ่ง

ทางหนังสือพิมพ์ก็ไม่รอช้าสำหรับข่าวสำคัญ จัดการลงข่าวให้อย่าง

ทันที ซึ่งข่าว ๆ นี้ก็ไปถึงหูของคุณ Kenneth ซึ่งจากการได้เห็นเนื้อ

ข่าวและภาพวัตถุประหลาดที่คุณวิลเลียมบันทึกได้ คุณ Kenneth ก็

กล่าวออกมาอย่างทันทีว่าใช่แล้วสิ่งนี้ละคือสิ่งที่ผมได้พบเห็นในวัน

นั้น ยานพาหนะประหลาดทั้ง 9 ลำที่เจอมีลักษณะเช่นนี้จริง 



   สุดท้ายก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เพราะว่าเพียงแค่ช่วงเวลา 48

ชั่วโมงหลังจากที่ภาพของคุณวิลเลียมเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์

หน่วยงาน FBI จำนวนสองคนมาเคาะประตูบ้านของคุณวิลเลียม

แล้วก็มาขอฟิลม์ต้นฉบับจากคุณวิลเลียมและก็ยึดไปเฉย ๆ 

 

Project Serpo, โปรเจค เซอร์โป

         เมื่อจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญปรากฎขึ้น

ภาพนี้ คลิปนี้ที่เคยคลุมเครือก็เริ่มจะชัดเจนขึ้น

    โดยประมาณวันที่ 5 เดือนกรกฎาคม ค.ศ.1947 หรือบางกระแส

บอกว่าเกิดประมาณวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1947 เหตุการณ์นี้น่าจะ

เกิดขึ้นประมาณตอนเย็นหรือค่ำคืนของวันที่ 2 กรกฎาคม แต่ว่าถูก

ตรวจพบในวันที่ 3 กรกฎาคม

เกิดเหตุการณ์ยูเอฟโอประสบอุบัติเหตุตก ในพื้นที่ของเมือง

Roswell มลรัฐ New Mexico. จุดที่ประสบอุบัติเหตุนี้อยู่ห่างจาก

ใจกลางเมือง Roswell ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือโดย

ประมาณ60 ไมล์คนที่เจอเศษซากเป็นคนแรก ๆ ชื่อ

ว่าคุณ William Ware "Mack" Brazel คุณ William ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์ปศุสัตว์นำเศษซากที่


เก็บรวบรวมได้ไปให้นายอำเภอ ซึ่งนายอำเภอเองก็ไม่ทราบเหมือน

กันว่าสิ่งที่เก็บมาได้นี้คืออะไรกันแน่สุดท้ายนายอำเภอนำหลักฐาน

เหล่านี้ไปให้หน่วยงานทหารที่เมือง Roswell หน่วยงานทางทหาร

เข้าคุ้มกันอย่างแน่นหนาในบริเวณที่เกิดเหตุ และทำการเคลื่อนย้าย

เศษซากวัตถุประหลาดเหล่านี้ออกไป เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ในสื่อ

ท้องถิ่นในประมาณวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1947


คลิปเสียงต้นฉบับนี้หาฟังยากครับ มันถูกแพร่กระจายเสียงออกสำนักข่าว

ท้องถิ่นในสมัยนั้น วันที่ 8 ก.ค. ค.ศ.1947 ตอนที่แพร่กระจายข่าวเข้าใจ

ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งกำลังตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็น

เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและใหม่มาก จึงยังไม่ได้มีมาตรการใด ๆ ในการ

ควบคุมข่าวควบคุมความลับ

ในวันแรกที่เหตุการณ์เกิดขึ้น

หน่วยทิ้งระเบิดที่ 509 ที่ Roswell Army Air Field

ออกมากล่าวไปตามจริงว่า หน่วยทหารได้กู้คืน

ยานพาหนะลำหนึ่งได้ซึ่งมีลักษณะเป็นจานสองใบประกบกัน

สามารถบินได้เรียกว่า Flying disc ข่าวนี้ถูกแพร่ไปทั่วเมือง เป็น

ข่าวบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เสนอข่าวว่าหน่วยข่าวกรอง

ของฐานทัพเมือง Roswell อ้างว่าช่วงบ่ายวันนี้สามารถตรวจพบ

จานบินลำหนึ่งได้ที่ลานบินของสนามบิน ผลจากการเสนอข่าว

ลักษณะเช่นใหญ่หลวงเกิดคาดและกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจ

อย่างทันทีจากท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน ซึ่งเมื่อรายงานการ

ตกไปถึงโต๊ะของท่านประธานาธิบดี ท่านมองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง

สำคัญควรจะส่งคนไปจัดการกับเรื่อง ๆ นี้ นายพลนาธาน ทไวนนิ่ง

เป็นบุคคลที่ถูกส่งเข้าไปเพื่อทำรายงานการสอบสวนอุบัติเหตุ นาย

พลท่านนี้เป็นผู้บัญชาการของฐานทัพอากาศไรท์ฟิล(ตอนหลังเปลื่

ยนชื่อเป็น ไรท์ แพทเทอสัน) เป็นหัวหน้าหน่วยค้นคว้าและพัฒนา

ของกองทัพอากาศ คำถามคือนายพลท่านนี้ไปที่นั่นทำไม คำชี้แจง

ของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุกล่าวว่าสิ่งที่ตกลงมานี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็น

เทคโนโลยีที่มนุษย์ทำขึ้น ท่านนายพลให้คำแนะนำว่าควรจะต้องมี

การศึกษาเรื่องยูเอฟโออย่างเป็นทางการและทั้งนี้สิ่งที่ศึกษานี้จะ

ต้องถูกเก็บเป็นความลับระดับสูงสุดเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน

และความมั่นคงของรัฐชาติ(สหรัฐฯ) แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่อง ๆ นี้

แดงขึ้นปรากฎขึ้นเรื่อย ๆ  บางคนเชื่อว่าความลับนี้จะสามารถปิดได้

ตลอดกาล แต่ก็วันเดียวกันนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางรัฐ

กองทัพออกมาแก้ไขข่าวแถลงการอย่างเป็นทางการต่อคำร่ำลือที่

Roswell ว่าไม่เป็นความจริง

เพราะว่าสิ่งที่กู้คืนมาได้คือบอลลูนตรวจอากาศชนิดหนึ่งเท่านั้น

ท่านประธานาธิบดีทรูแมนพยายามจะปิดเรื่องการตกของยาน

พาหนะประหลาดที่เมือง Roswell เรียกการปกปิดความจริงครั้งยิ่ง

ใหญ่ในภาษาอังกฤษว่า"Truth Embargo"ซึ่งเรื่องของยูเอฟโอนี้

เป็นเรื่องยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากที่สมควรจะถูกปกปิดไม่นำออกมา

เผยแพร่ 


    ท่านประธานาธิบดีฯ มอบคำสั่งให้คนระดับสูงในวอชิงตันคือนาย

พลโรเจอร์ เรมี่ เพื่อไปปิดคดีที่เกิดขึ้น วัตถุหรืออะไรก็ตามแต่ที่ถูก

เก็บรวบรวมได้ในที่จุดเกิดเหตุถูกส่งต่อไปที่ฐานทัพอากาศไรท์ ฟิล

เพื่อพิสูจน์ทราบ แต่ว่าระหว่างทางได้แวะที่สำนักงานของคุณโร

เจอร์ และสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่คุณโรเจอร์จัดฉากให้คุณเจซี่

มาร์เซล กำลังถ่ายรูปคู่กับวัสดุคล้าย ๆ แผ่นฟลอย นั่นเป็นคำอธิบาย

อย่างเป็นทางการว่าสิ่งนี้เป็นแค่บัลลูนสำรวจอันหนึ่งเท่านั้นเอง เป็น

ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จบแค่นี้



    เรื่อง ๆ นี้เงียบไปอย่างน่าเหลือเชื่อถึงกว่า 30 ปี จนสุดท้ายพยาน

คนสำคัญในเหตุการณ์นี้เผยตัว เพื่อเรียกร้องคำอธิบายอย่างเป็น

ทางการนั่นคือท่านนายพัน เจซี่ มาร์เซล คนนี้เอง ในปี ค.ศ.1980

ผ่านไปแล้ว 33 ปีจากเหตุการณ์ที่ Roswell พันตรีเจซี่ซึ่งตอนนี้

เกษียณอายุราชการแล้ว อ้างว่าตัวเขาเองมีส่วนในการปกปิดข้อมูล

ของกองทัพ ท่านนายพันเจซี่ซึ่งตอนนั้นทำงานในหน่วยข่าวกรอง

ของฐานทัพอากาศที่ Roswell ท่านยอมรับว่าเมื่อ 30 ปีก่อนท่านถูก

ร้องขอให้แลกเปลี่ยนเศษซากของวัตถุลึกลับที่ตกลงมากับเศษซาก

ของบอลลูนสำรวจ เหตุผลเพื่อที่จะนำไปใช้ในการถ่ายภาพเพื่อกุ

ข่าวในหนังสือพิมพ์ ท่านนายพันกล่าวว่าตอนที่ท่านนั่งถ่ายภาพกับ

เศษซากบอลลูนอันนี้ เศษซากของจริงกำลังเดินทางไปยังฐานทัพ

ไรท์ ฟิล จริง ๆ แล้วมันก็มีเหตุผลที่จะปกปิดเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน

อาทิเช่น สงครามเย็นกำลังก่อตัวขึ้น แล้วคนก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ

ยานพาหนะลำนี้ จุดประสงค์ของมันที่มาที่ตรงนี้ การปกป้องด้วยการ

ปิดข่าวจึงเป็นเหตุผลที่ต้องทำ หากว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาย

อมรับเรื่องนี้ว่าจริงแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นความแตกตื่นของผู้คน

จำนวนมากหากว่าประชาชนรับความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ อันนี้

สามารถอ้างอิงหรือดูได้จากปี ค.ศ.1938 หรือประมาณสิบปีก่อนที่

จะเกิดเหตุการณ์ที่เมือง Roswell วิทยุอเมริกาได้ออกอากาศนิยาย

ดัดแปลงเรื่องหนึ่งชื่อว่า War of the World เป็นนิยายแนว

วิทยาศาสตร์ออกอากาศช่วงข่าวภาคค่ำเกี่ยวกับการบุกรุกของ

มนุษย์ต่างดาวบนโลก มันสร้างความแตกตื่นเป็นอย่างมากเลยกับ

ประชาชนอเมริกัน ไม่เว้นแม้แต่ส่วนอื่นของโลกเช่นทวีปลาตินอเม

ริกาก็ด้วย ภาพยนต์ถูกนำไปฉายในเอกวาดอร์ ผู้คนแตกตื่นวิ่งออก

มาเต็มถนน เกิดการจลาจล แตกตื่น ถึงขั้นมีคนเสียชีวิต เรื่องราวที่

เมือง Roswell จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นความลับขั้นสุด และนี่

เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมปรากฎการณ์ของยูเอฟโอแทบจะทุก

เหตุการณ์จำเป็นจะต้องถูกปิดเป็นความลับขั้นสุดไปด้วย และนี่เป็น

เหตุผลที่จะต้องมีกลุ่มบุคคลที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดย

เฉพาะเรียกว่า MJ-12 


     ถึงแม้จะมี MJ-12 แล้วก็ตามในช่วงแรก ๆ คนใน MJ-12 บางคน

เช่นเลขาธิการว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คุณเจมส์ ฟลอเรส

เทล ก็ยังเป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านการปกปิดเรื่องยูเอฟโออย่าจริงจัง 



         สองเดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์การตกของยานพาหนะ

ลึกลับที่ Roswell ท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน มอบหมายให้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คุณเจมส์ ฟลอเรสเทล(James

Forrestal) ตั้งคณะบุคคลคณะหนึ่งขึ้นมา ภารกิจก็คือจัดการกับ

ความลับเกี่ยวกับเรื่องยูเอฟโอ เป็นที่รู้จักในนาม Majestic 12(ชื่อ

ย่อ MJ-12) 

     เอกสารการจัดตั้ง Majestic 12 ที่รั่วออกมา ลงวันที่ 24

กันยายน 1947 ถึงรัฐมนตรีฟลอเรสเทล ข้อความกล่าวว่าการ

สนทนาครั้งล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการ

ต่อเพื่อความรวดเร็วและรัดกุมภายใต้อำนาจคุณที่มีอยู่ นับแต่นี้

เป็นต้นไปให้เรื่องดังกล่าวนี้ขึ้นตรงต่อและรายงานโดยตรงต่อกลุ่ม

MJ-12 กลุ่มบุคคลนี้ได้รับมอบหมายให้เก็บข้อมูล กำกับดูแลเกี่ยว

กับเรื่องยูเอฟโอ รักษาความลับที่มี ให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนออกไป

หรือทำทุกวิถีทางที่จะรักษาความลับนี้ คุณเจมส์ ฟลอเรสเทล ไม่

ค่อยจะเห็นด้วยกับการโกหกหรือปกปิดทุกวิธีวิถีทางเขาเชื่อว่า

ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรู้ได้ ทำให้เริ่มจะเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน มี

รายงานเกี่ยวกับชันสูตรร่างของมนุษย์ต่างดาวที่เก็บมาจาก

Roswell ที่ฐานทัพ ไรท์ ฟิล มีรายงานหนึ่งกล่าวอ้างว่าคุณเจมส์

ฟลอเรสเทล เข้าร่วมในการชมการชันสูตรในครั้งนี้ด้วย ตาม

รายงานคุณเจมส์ ฟลอเรสเทล เอามือไปแตะร่างของมนุษย์ต่างดาว

ที่เสียชีวิตนี้ ทันทีที่เขาสัมผัสก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวเขา ทำให้เขา

เป็นไมเกรนอย่างรุนแรง จากคนทั้งหมดที่อยู่ในห้องนั้นมีเขาคนนี้

คนเดียวที่เกิดเหตุการณ์นี้ ก็ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณเจมส์ ฟลอเรส

เทล เริ่มทำตัวเป็นคนแปลก ๆ เขาดูเหมือนกำลังจะเสียศูนย์หรือ

อะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเดือนมีนาคม 1949 ยื่นเรื่องขอลาออกจาก

ตำแหน่ง ตรงนี้นักวิเคราะห์วิเคราะห์ว่าเป็นไปได้ว่ามีสมาชิกบาง

คนใน MJ-12 เริ่มกังวลว่าคุณเจมส์ ฟลอเรสเทล จะทรยศกับกลุ่ม

MJ-12 ในส่วนของนโยบายควบคุมความลับสำคัญซึ่งอย่างไรก็ตาม

แต่ไม่สามารถเปิดเผยให้สาธารณชนได้รู้ได้ วันที่ 28 มีนาคม 1949

ยื่นเรื่องขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่ง

ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสหรัฐฯ เขา

เริ่มโดดเดี่ยวและคิดไปเองว่าตัวเองถูกสะกดรอยอยู่ บุคคลระดับสูง

ขนาดนี้กุมความลับและรู้ความลับสำคัญมากขนาดนี้หากลาออกไป

แล้วคิดไม่ซื่อ นำความลับที่รู้ไปเผยแพร่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่เลวร้าย

มากเกินจินตนาการ 5 วันถัดมาคุณเจมส์ ฟลอเรสเทล ถูกนำตัวส่ง

ไปยังศูนย์พยาบาลเบเทสตา รัฐแมรี่แลนด์ เขาถูกกักตัวในโรง

พยาบาลนี้นานเกินกว่าเดือน แพทย์ที่ดูแลเขาถูกออกคำสั่งจาก

หน่วยงานความมั่นคงให้ส่งคุณเจมส์ไปอยู่ที่ชั้น 16 ของโรง

พยาบาล คนที่จะเข้าเยี่ยมได้ถูกจำกัด ครอบครัวคุณเจมส์เริ่มเป็น

ห่วงในสถานการณ์นี้ สุดท้ายพี่ชายคุณเจมส์ตัดสินใจโทรไปที่โรง

พยาบาลและบอกว่าอย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ผมจะไปรับน้องชาย

ผมกลับมา ก็คืนนั้นเองคุณเจมส์ ฟลอเรสเทล เสียงชีวิตจากการตก

หรือบางทีอาจจะถูกโยนลงมาก็เป็นได้ จากหน้าต่างชั้น 16 นี้เอง

เนื่องจากการเสียชีวิตเกิดขึ้นในเขตทหาร เพราะฉะนั้นแล้วตำรวจจึง

ห้ามเข้า การเสียชีวิตจึงเป็นปริศนา ทางโรงพยาบาลทหารแห่งนี้

สรุปว่าการเสียชีวิตเกิดจากการทำอัตวินิบาตกรรม 


     ในช่วงต้น ๆ ระหว่างปี ค.ศ.1950 - 1960 เป็นช่วงที่มีรายงาน

การพบเห็นยูเอฟโอมากจนเรียกได้ว่าผิดปกติทั่วสหรัฐฯ เริ่มรายงาน

เข้ามามาก ๆ ก็ช่วง พ.ค. 1952 รายงานการพบเห็นเพิ่มขึ้นทุกเดือน

เป็นเท่า ๆ ตัว สุดท้ายก็ปี ค.ศ.1952 นี้เองที่มีโครงการโครงการหนึ่ง

ก่อกำเนิดขึ้นมาเรียกว่า โครงการสมุดน้ำเงิน(Project Blue Book)

ท่านนายพลนาธาน ทไวน์นิ่ง เป็นผู้ให้อนุมัติโครงการนี้ 


นายพล Nathan Farragut Twining


    โครงการ Project Blue Book นี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโครงการ

การศึกษายูเอฟโอ โครงการแรกสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ว่าได้ เพียง

ไม่กี่เดือนก่อนการหมดจากตำแหน่งของท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรู

แมน มีการพบเห็นยูเอฟโอจำนวนมากและเป็นเหตุการที่สำคัญมาก

ๆ อีกเหตุการณ์หนึ่ง เพราะว่าครั้งนี้ 


   มันเกิดขึ้นที่กลาง ๆ เมืองหลวงของสหรัฐฯ คือกรุงวอชิงตัน ดีซี

เลย เหตุการณ์นี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Washington D.C. UFO

Flap เหตุการณ์ก็คือวันที่ 19 ก.ค.1952 เจ้าหน้าที่ควบคุมการ

จราจรทางอากาศประจำสนามบินวอชิงตัน สังเกตุในจอเรดาห์แล้ว

พบวัตถุประหลาดประมาณได้ 7 จุดบนจอมอนิเตอร์ หอบังคับการเร

ดาห์ตรวจสอบแล้ว ยืนยันการพบเห็นไปยังฐานทัพอากาศแอนดรู

เพียงแต่ว่าวัตถุทั้ง 7 นี้ได้หายไปก่อนที่จะนำเครื่องบินขึ้นทำการ

ตรวจสอบ อีกประมาณ 1 สัปดาห์ต่อมา วัตถุประหลาดเหล่านี้กลับ

มาเยือนอีกครั้งหนึ่งแต่ในครั้งนี้มีการส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัด ตาม

ข่าวกล่าวว่าระดับเทคโนโลยีทางการบินแล้วระหว่างวัตถุลึกลับเหล่า

นี้กับเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ แล้วมันคนละชั้นกันเลยทีเดียว

เพราะว่าวัตถุเหล่านี้บินหายไปอย่างรวดเร็วแทบมองไม่เห็นฝุ่น ตอน

นั้นตามข่าวกล่าวว่าท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน ออกคำสั่งให้ยิง

ได้ถ้าจำเป็น ซึ่งในขณะนั้นด็อกเตอร์อัลเบริต์ ไอน์สไตน์ยังมีชีวิตอยู่

ด็อกเตอร์ไอน์สไตน์กล่าวว่าท่านครับ หากว่ามันมียานพาหนะที่มีขีด

ความสามารถบินมาจากต่างดาวหลายร้อยล้านไมล์มาถึงเราได้ เรา

คงจะไปยิงมันไม่ได้หรอกเพราะว่าพวกเขาคงเจริญกว่าเราเป็นอย่าง

มาก



    ก็จากเหตุการณ์ยูเอฟโอกลางกรุงวอชิงตัน ดีซี ในครั้งนี้เอง

ทำให้ท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน เรียก MJ-12 และครั้งนี้มี CIA

เข้ามาด้วย เรียกว่ากลุ่มโรเบริ์ดสัน คือกลุ่มของ CIA ที่ทำหน้าที่

รับมือกับเหตุการณ์ของยูเอฟโอโดยเฉพาะ ซึ่งข้อสรุปของกลุ่มดัง

กล่าวนี้คือ เรื่องใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับยูเอฟโอจำเป็นจะต้องถูก

ปกปิดอย่างลับที่สุด เพราะว่าเรื่อง ๆ นี้จากเหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มามัน

ดูเหมือนกับว่าถ้าคนรู้เรื่องนี้มาก ๆ เข้าแล้วมันจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่

หรือการจลาจลจนอาจจะควบคุมไม่อยู่ได้ ซึ่งท่านประธานาธิบดีแฮรี่

ทรูแมน ก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดดังกล่าวนี้ 

ในเบื้องต้นเข้าใจว่าการตกของยูเอฟโอที่เมือง Roswell นี้เป็น

อุบัติเหตุจากการ

สื่อสาร หรือมิเช่นนั้นก็เกิดจากสัญญาณคลื่นเรดาห์กำลังสูงของ

หน่วยงานทหารสำคัญที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น หรือคลื่นต่าง ๆ

ของมนุษย์ ที่สร้างขึ้นไปรบกวนอุปกรณ์นำการบินของยูเอฟโอ

ซึ่งบริเวณนั้นก็มีที่ตั้งของฐานทัพทหารอยู่พอสมควร


        ระบบเรดาห์ในอดีตนั้นมีความอันตรายมากทั้งกับตัวผู้ปฎิบัติ

งานกับเรดาห์นั้นเอง และกับอากาศยานที่อยู่ในเขตรัศมีของเรดาห์นี้

เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางเรดาห์ที่ยังมีไม่มากและ

เริ่มพัฒนามาไม่นาน ซึ่งระบบเรดาห์แบบล้าสมัยนี้ภายหลังได้ถูก

ยกเลิกการใช้งานในปี ค.ศ.1957 เพราะว่ามันสรุปแล้วว่าเป็น

อันตรายมาก ๆ กับอากาศยานและทั้งกับคนนั่นเองด้วย เรดาห์ใน

อดีตจะส่งคลื่นไมโครเวฟรุนแรงออกมาซึ่งทำอากาศเกิดการแตก

ตัว(ionized radiation) ในสมัยนั้น(ค.ศ.1945 - 1959) เมื่อมีการ

ตกของอากาศยานทหาร ยังไม่มีการบันทึกหรือตรวจสอบสาเหตุ

การตกของอากาศยานเช่นเครื่องบินทหาร ว่าสาเหตุการเกิด

อุบัติเหตุมาจากสาเหตุใดที่ชัดเจน คือยังไม่ทราบถึงอันตรายจาก

คลื่นไมโครเวฟดังกล่าว

         ภายหลังมีการศึกษาในเบลเยี่ยมซึ่งสรุปและตรวจพบว่า

สำหรับบุคคลที่ต้องปฎิบัติงานกับระบบเรดาห์ของยุโรปในช่วง

ค.ศ.1950 - 1960 การได้รับปริมาณของคลื่นหรืออะไรก็ตามแต่ที่

ส่งออกมาจากระบบเรดาห์(คลื่นไมโครเวฟ และ Ionized

Radiation) มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดมะเร็ง

ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Immunolymphatic cancer ซึ่งหากว่าระบบ

เรดาห์ที่ล้าหลังแบบนี้ยังไม่ถูกยกเลิกการใช้ ก็มีความเป็นไปได้ว่า

ในอนาคตอาจจะเป็นสาเหตุของการตกของเครื่องบินโดยสาร

พลเรือนได้


         แท้ที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นตามที่เข้าใจ

แต่่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการชนกันเองของยูเอฟโอสองลำ

ซึ่งมีขนาดและรุปร่างรวมทั้งนักบินบนเครื่องที่มีลักษณะเดียว

กันเหมือนกันเกือบทุกประการ

      บริเวณที่ตกตกในไร่ของเกษตรกรคนหนึ่งในส่วนของ Corona

มลรัฐนิวเม็กซิโก บนเครื่องมีนักบินหลายคน

ทุกคนเสียชีวิตหมดยกเว้นมีนักบินเพียงคนเดียวที่รอด

นักบินคนนี้ทำหน้าที่งานเป็นช่างเครื่อง Mechanic

ภายหลังถูกตั้งชื่อว่า EBE#1

นักบินคนนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan





นักบินคนนี้กระเสือกกระสนออกมานอกตัวเครื่องได้

และหลบซ่อนอยู่หลังก้อนหิน ยูเอฟโอลำนี้สภาพที่พบเสียหายหนัก

นักบินบางคนตายคาเครื่องบางคนถึงขั้นกระเด็นออกมาเสียชีวิต

นอกเครื่อง บนยานอวกาศลำนี้มีนักบินด้วยกัน 6 คน 5 คนเสียชีวิต

เพียงแค่คนเดียวที่รอดก็ืคือ Ebe#1


     ยูเอฟโอลำที่สองทีตกนั้น

มีลักษณะของยานพาหนะและนักบินบนเครื่องเช่นเดียวกันกับ

ยูเอฟโอลำแรกทุกประการ

เพียงแต่ว่าบนยูเอฟโอลำที่สองที่ตกลงมานี้ไม่มีผู้รอดชีวิต

และยิ่งกว่านั้นกว่าจะเจอซากก็ล่วงเลยไปประมาณ 2 - 3 ปี

คือไปเจอซากโดยบังเอิญโดยเจ้าของไร่คนหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1949

สถานที่ที่เจอ Shaw Mountain south of the Plains of San

Agustin in western New Mexico

ยูเอฟโอลำที่สองนี้สภาพค่อนข้างจะเสียหายน้อยกว่ายูเอฟโอลำแรก

เจอนักบินอยู่ในเครื่องเสียชีวิต 4 คน สภาพร่างกายเน่าสลายไปแล้ว

เนื่องจากเป็นเวลานานกว่าจะค้นพบ สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ

บนยูเอฟโอลำที่สองที่ค้นพบนี้ พบว่ามีชิ้นส่วนของสัตว์

หรือสิ่งมีชีวิตบางชนิด ถูกพบบนยานพาหนะลำนี้ด้วย

ซึ่งก็ยังเป็นข้อสงสัยในตอนนั้นว่ามันคืออะไร

หรือว่ามนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้

ได้เดินทางมายังโลกของเราเพื่อมาบริโภคสัตว์หรือมนุษย์

หรือด้วยเหตุผลอะไรที่ไม่ทราบได้


  เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งที่เป็นขนขับเครื่องบิน นำศพมนุษย์ต่างดาว

ไปส่งยังสถานที่ Dayton Ohio(กองบัญชาการของฐานทัพ

Wright Filed) ชื่อ กัปตัน Oliver Henderson ท่านกล่าวอย่างสั้น

ๆ ว่าสิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตไปแล้ว มีลักษณะรูปร่างเล็ก หัวกลมโต เรียก

ว่าเป็นอมนุษย์ได้ คือมีรูปร่างผิดไปจากร่างกายคนปกติ 


เจ้าหน้าที่อีกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิดชื่อ จ่า Melvin

Brown มีคำสัมภาษณ์จากลูกท่านท่านด้วย จ่าท่านนี้เป็นคนขับรถ

บรรทุกขนศพมนุษย์ต่างดาวที่เสียชีวิต ไปส่งยังเครื่องบินที่จะขนไป

ก็ให้การตรงกันครับ คือ มนุษย์ต่างดาวที่เสียชีวิตไปนี้มีขนาดที่ไม่

ใหญ่มาก สูงน่าจะประมาณ 4 - 5 ฟุต รูปร่างผิดส่วนกับมนุษย์ทั่วไป

ศีรษะใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ดวงตาดำใหญ่ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่

สามารถเก็บรวบรวมได้ก็ได้ถูกรวบรวมและนำส่งหน่วยเหนือไป ซึ่ง

สิ่งที่หน่วยเหนือเน้นย้ำมาด้วยทุกครั้งคือ ห้ามนำเรื่องนี้ไปเล่าที่ไหน

อย่างเด็ดขาด 

EBE#1 คนนี้ภายหลังจากปฎิบัติการค้นหากู้ภัย

ได้ถูกค้นพบและถูกจับได้ การอยู่รอดของ Ebe#1

โดยไม่เสียชีวิตไปก่อนจากการตก

สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลต่อหน้าประวััติศาสตร์ของ

มวลมนุษย์ชาติ เพราะว่ามันนำไปสู่อะไรที่ใหญ่ ๆ

ที่จะตามมาในอนาคตซึ่งผมจะเล่าต่อไป จากการตรวจร่างกาย 

Ebe#1 แล้วพบว่าเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

แต่สามารถรักษาจนหายได้ EBE#1

นี้สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ทหารได้พอควรผ่านทางรูปภาพ 

EBE#1 ถูกแยกไปกักกันเดี่ยวที่ Roswell Army Airfield.

เดือนกันยายน ค.ศ.1947 EBE#1 ถูกส่งไปยัง Kirtland Field

และถูกแยกเพื่อกักกัน ช่วงเวลานี้ EBE#1

ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าทหารระดับสูงในส่วนของการสื่อสารแปล

ความหมาย ก็คือสามารถแสดงรูปภาพเพื่อการสื่อสาร

ใส่ตัวหนังสือลงไปในรูปภาพเพื่อให้เข้าใจกันได้

อันนี้เรียกว่าเป็น LOGOGRAMS หรือเรียกว่าเป็น LOGOGRAPHS

ซึ่งเป็นลักษณะของการเรียนหนังสือภาษาจีนตามที่คนเรียนกัน

คือ หนึ่งคำในภาษาจีนคือหนึ่งความหมาย

ภาษาจีนไม่ใช่การสะกดคำนำตัวอักษรมารวมกันให้ได้เป็นคำ

เพราะฉะนั้นหนึ่งคำหนึ่งความหมายจึงสามารถแสดงด้วยภาพได้

คือหนึ่งตัวหนังสือหนึ่งรูปภาพ ซึ่งสุดท้ายทำให้ EBE#1

สามารถจะใช้ประโยชน์จากรูปภาพนี้และพอจะสื่อสารกับคนได้ 

EBE#1

สามารถรับประทานอาหารบางอย่างที่คนรับประทานได้อาทิเช่น

ขนมปัง, ผลไม้, พลาสต้า, สลัดและชีส อย่างไรก็ตามแต่

เนื้อสัตว์อาจจะไม่ดีนักสำหรับเขาเพราะว่าเขาจะอาเจียนมันออกมา 


    EBE#1

ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดโดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์

ถูกตรวจสารคัดหลั่งในร่างกาย, ทำการตรวจทางรังสี X-rays,

จากการตรวจสอบแล้วพบว่า EBE#1

มีอวัยวะบางส่วนที่ทำหน้าที่เป็นทั้งหัวใจและปอดในอวัยวะเดียวกัน

จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเขามีระบบทางเดินอาหารที่ไม่ซับซ้อน

เลย คือ

มีอวัยวะบางอย่างที่ทำหน้าที่คล้ายกระเพราะอาหารและอวัยวะ

อีกบางอย่างที่ทำหน้าที่คล้ายส่วนของลำไส้ ก็คือไม่พบว่ามีอวัยวะ

ตับ, ตับอ่อน, ถุงน้ำดี ซึ่งดูเหมือนกับว่า

กระเพราะอาหารของเขาจะทำหน้าที่ทุกอย่างแทนโดยสมบูรณ์หรือ

บางทีร่างกายของเขาไม่จำเป็นต้องมีอวัยวะเหล่านี้

พบว่ามีต่อมอยู่ในร่างกายในส่วนของมือ, แขนและขา

ซึ่งต่อมที่ว่านี้บางครั้งมันบวมขึ้นมาหรือโตขึ้นมาได้ซึ่งตรงนี้

นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบหน้าที่ของต่อมนี้อย่างชัดเจน 


       ในส่วนของความสูงของ EBE#1 ที่วัดได้นี้ืคือ 4 ฟุต 3 นิ้ว หรือ

130 เซ็นติเมตร น้ำหนักที่ชั่งได้ 60 ปอนด์

ก็คือรูปร่างเป็นเด็กโตคนหนึ่ง น้ำหนักของเขาไ่ม่ต่างกันมาก

(จากการตรวจสอบเีทียบกับศพอื่น) แต่ความสูงต่างกันได้

ที่น่าแปลกคือในช่วงฤดูหนาวความสูงของเขาเพิ่มขึ้น

คือเพิ่มประมาณ 1 นิ้ว

และร่างกายมีกระบวนการผลิตความร้อนขึ้นซึ่งตรงนี้

นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบได้ เครื่องแต่งกายที่ EBE#1

สวมใส่มาตั้งแต่วันแรกเป็นชุดติดกันภาษาอังกฤษเรียก Jumpsuits

ดูเหมือนว่าชุดที่สวมใส่นี้จะช่วยรักษาอุณหภูมิความร้อนให้ร่างกาย

เขาให้คงที่ วัสดุที่ใช้ทำชุึดนี้เป็น elastic material

วัสดุที่ยืดหยุ่นได้

จากการตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายพบว่า EBE#1

มีอุณหภูมิของร่างกายอยู่ที่ 101 องศาฟาเรนไฮน์ หรือประมาณ

38.34 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่ค่อยเปลี่ยน

(ดูเหมือนจะเป็นสัตว์เลือดอุ่น)

มีผ้าห่มให้เขาใช้แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันบ่อยนัก


    เลือดของ EBE#1

จะมีสีแดงที่จางกว่าของคนประกอบไปด้วยเม็ดเลือดแดงและ

เม็ดเลือดขาวเช่นเดียวกับคน

แต่ว่าองค์ประกอบในเลือดไม่เป็นที่ทราบได้ EBE#1

ไม่จำเป็นต้องทานน้ำมาก

เขามีระบบที่รักษาสมดุลของของเหลวที่ดีทีเดียว

แม้แต่การทานอาหารก็ไม่จำเป็นต้องทานมาก

แต่เป็นสิงจำเป็นคือต้องทานขาดไม่ได้ EBE#1 มีทีท่าที่ดูสงบ

ใจเย็น ดูไม่ร่าเริง เขาดูไม่ค่อยจะตื่นเต้นนัก ไม่หยาบคาย

หรือทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ดูเหมือนเขาเป็นสัตว์สังคมเช่นกัน

ชอบเรียนรู้การใช้ชีวิตของคน

เรียนรู้การจับมือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทักทายทำความรู้จัก

เขาเป็นคนว่านอนสอนง่าย

แม้แต่ตอนที่แพทย์ตรวจร่างกายต้องมีการจับการเคาะ

เขาก็เข้าใจดีและยินยอมปฎิบัติตาม สุดท้ายเขาเรียนรู้ภาษาง่าย ๆ

ได้หลายคำเช่นกัน

เขามีความพยายามที่จะสื่อสารกับคนให้ได้มากที่สุด 

ในปี ค.ศ.1950 EBE#1 ถูกย้ายไปยัง Los Alamos

ซึ่งเป็นห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติ(สหรัฐอเมริกา)

เขาอาศัยอยู่ในห้องสามห้องในที่นั้น


จริง ๆ แล้ว EBE#1

มีพี่เลี้ยงอยู่คนหนึ่่งที่ำทางการจัดไว้ให้เป็นพิเศษเพื่อจะให้คอยดูแล

ความเป็นอยู่ คอยช่วยเหลือเขา มาตั้งแต่ปี 1949 แล้ว

หลังจากที่ย้ายมาที่ Los Alamos พี่เลี้ยงคนนี้ตามมาด้วย

ดูเหมือนทั้งสองคนสนิทกันดีมาก 


       ก็คือ Ebe#1

ไม่สามารถสื่อสารกับคนได้มากนักอันนี้เป็นเพราะเขาไม่มีเส้นเสียง

Vocal cords ทำให้ออกเสียงอย่างมนุษย์ทำไม่ได้

เขาสื่อสารด้วยการอ่านเสียงของกันและกัน

(แต่ละบุคคลมีโทนเสียงทีต่างกันไป)

มีคุณหมอท่านอัจฉริยะมากคิดค้นอุปกรณ์แทนเส้นเสียงและฝังหรือ

ใช้วิธีใดบางอย่างติดลงไปบนคอเขา

ทำให้เขาออกเสียงได้ดีขึ้นได้มากขึ้น สามารถสื่อสารประโยคง่าย ๆ

ได้ก่อน จากนั้นก็สามารถคุยกับพี่เลี้ยงเขาได้

 

         ตลอดเวลาในช่วงที่ Ebe#1 มีชีวิตอยู่

เขาีมีปัญหาสุขภาพเหมือนกัน

คือบางครั้งบางคราวเขามีผื่นขึ้นตามลำตัว แต่ก็สามารถรักษาได้

เขามีอาการไอ

ซึ่งสันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากการแพ้อาหารบางชนิดเป็นผลไม้

แต่ก็รักษาได้ 


          Ebe#1

เนื่องจากเขาเป็นช่างเทคนิคประจำเครื่องยูเอฟโอที่ตกลงมา

เขาจึงสามารถอธิบายถึงวัสดุอุปกรณ์บนเครื่องได้ทุกชิ้น

มีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่เป็นอุปกรณ์สื่อสารระหว่างยานพาหนะกับ

ดาวของเขาอยู่บนเครื่อง

บนเครื่องนี้ตรวจพบว่ามีวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วย คือลักษณะ

เป็นเข็มเล็ก ๆ ที่บรรจุสารเคมีบางอย่างอยู่ข้างใน  

Ebe#1 เองตัวเขาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นอะไร

(เขาเป็นช่างเทคนิคประจำเครื่อง)

ทราบแต่ว่าจะเอาไว้ใช้สำหรับฉีดในกรณีเกิดการบาดเจ็บหรือ

เจ็บป่วย ทีมแพทย์สรุปว่าไม่ควรใช้สิ่งนี้กับ Ebe#1

เพราะมันอาจจะเป็นอันตรายได้

เนื่องจากตัวเขาเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใช้เพื่ออะไร


    เป็นที่ปรากฎว่าไม่มีปฎิบัติการช่วยเหลือใด ๆ

จากดาวแม่ของเขาเลย

เนื่องจากการสื่อสารระหว่างเขากับดาวแม่เขาต้องใช้เวลาพอสมควร

และระยะทางในการเดินทางจากดาวแม่ของเขา คือดาว

Zeta Reticular มายังโลก ซึ่งรวมระยะทางกว่า 38.42 ปีแสง หรือ

240,000 ล้านล้านไมล์

ถึงแม้เขาจะเดินทางด้วยยานแม่มาถึงโลกของเราโดยใช้วิธีเดินทาง

ผ่านมาทางรูหนอน(Worm Hole) ก็ยัังคงต้องใช้เวลาถึง 9 เดือน

ถึงจะถึงโลกของเราใบนี้ การเดินทางระยะทาง 38.42 หรือ

240,000 ล้านล้านไมล์

โดยใช้เวลาเพียงแค่เก้าเดือนนั่นหมายถึงว่าเขาสามารถเดินทาง

ได้เร็วกว่าความเร็วแสงถึง 40 เท่าเลยทีเดียว  


         Ebe#1 เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1952 ที่ Los Alamos

ศพของเขาถูกเก็บรวมไว้กับเพื่อน ๆ

ของเขาที่จากไปตั้งแต่วันที่เครื่องตก ยานพาหนะที่ตกแรกเก็บไว้ที่

Ohio แต่ว่าต่อมาเคลื่อนย้ายไปยัง Nevada Test site

ท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน มีโอกาสได้เห็นเขาด้วย 



      ภาพทั้งสองนี้ถูกจำลองขึ้นเพื่อให้ภาพสภาพศพนักบินของยูเอฟโอ

ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงมาในปี ค.ศ.1947

ลักษณะศพที่พบเป็นไปตามภาพ


Ebe#1 และพวกของเขาที่เสียชีวิตลงที่เดินทางมาจากกลุ่มดาว

Zeta Reticuli สุดท้ายถูกตั้งชื่อใหม่ให้จำง่ายว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว

Ebens


     หน่วยงาน DIA(Defense Intelligence Agency)

หรือหน่วยป้องกันกลาง ริเริ่มก่อตั้งขึ้นประมาณปี ค.ศ.1960

ก็คือในยุคสมัยของท่านประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้

โดยเลขาธิการกระทรวงกลาโหม คุณ Robert Mcnamara

ตามที่ทราบกันท่านประธานาธิบดีเคนเนดี้ มีปัญหากับ CIA

หลายเรื่องเหมือนกัน ก็ตรงนี้เป็นที่มาของ DIA

ก็คล้ายกับว่าหน่วยงานนี้จะบังคัับบัญชาโปรเจค Serpo


 ปี ค.ศ.2005 กลุ่มอดีตผู้บริหารของ DIA Former Executive of

DIA(Defense Intelligence Agency) หรือหน่วยป้องกันกลาง

กลุ่มบุคคลนี้เรียกตัวเองว่า Anonymous ส่งข้อมูลบางอย่างมายัง

UFO network UFO Thread list

ประกอบไปด้วยกลุ่มคนทีสนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องยูเอฟโออย่างจริง

จัง 150 คน บางคนเป็นคนในที่มีชื่อเสียง เป็นพลเรือน เป็นทหาร

บุคคลกลุ่มนี้ติดต่อประสานข้อมูลกันเรื่องยูเอฟโอ

กลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า Anonymous ส่งอีเมล์เข้ามา 11 ฉบับ

โดยให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯ

ส่งทีมบุคคลไปยังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ชื่อว่า Serpo

ซึ่งอยู่ห่างจากโลกไปประมาณ 39 ปีแสง

การส่งทีมบุคคลไปนี้เป็นโครงการแลกเปลี่ยน

(Exchange Programe)

ทั้งนี้ดาวดวงนี้ก็ส่งทูตคนหนึ่งมาอยู่กับเราบนโลกเช่นกัน

ทีมบุคคลของเราไปอาศัยบนดาว Serpo นี้โดยประมาณ 13 ปี

(เวลาบนโลก)

อีเมล์หลายฉบับนี้สร้างความตกตะลึงและความน่าสนใจเป็น

อย่างมาก บุคคลที่เรียกตัวเองว่า Anonymous

รู้ข้อมูลนี้มาได้อย่างไร สุดท้ายแล้วทางกลุ่ม UFO network

จึงตกลงให้เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งเปิดเวบไซต์หนึ่งขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่า

Serpo.org


           Anonymous เป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน

DIA หรือบางคนก็ยังคงทำงานอยู่ในนั้นคือยังไม่เกษียณอายุ

(3 คนเกษียณแล้วอีก 3 คนยังปฎิบัติงานอยู่)

คำถามต่อไปก็ืืคือแล้วทำไมเพิ่งนำเรื่องนี้มาเล่าในปี ค.ศ.2005

เหตุการณ์ที่นำมาเล่านี้ในจดหมายกล่าวว่าการส่งคนไปนี้เกิดขึ้นใน

ปี ค.ศ.1965 และมาสิ้นสุดโครงการในปี ค.ศ.1980

ซึ่งนั่นก็นานพอสมควรแล้ว ทีมบุคคลที่ส่งไปนี้กลับมายังโลกในปี

ค.ศ.1978 ภายหลังจากที่กลับมาจากดาว Serpo

ทีมบุคคลเหล่านี้ต้องแจงข้อมูลทั้งหมดที่ไปประสบพบเห็นมา

ในระยะเวลา 13 ปีให้ทางการ DIA

ทราบซึ่งข้อสรุปทั้งหมดสิ้นสุดที่ปี ค.ศ.1980


          ก็คือว่าข้อมูลความลับขั้นสุดของสหรัฐฯ

ดูเหมือนจะมีกฎหมายระบุไว้ว่าไม่สามารถเปิดเผยได้

แต่หากว่าข้อมูลใดที่พอจะเปิดเผยได้

การเปิดเผยข้อมูลนั้นจะต้องรอจนกว่าระยะเวลา 25 ปีผ่านไป

(เป็นอย่างน้อย) เพราะฉะนั้นแล้วกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า

Anonymous

ก็ไม่เรียกว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักกฎหมายที่บัญญัติไว้

ข้อมูลนี้เริ่มต้นเปิดเผยในราวต้นเดือน พฤศจิกายน 2005

เป็นที่สงสัยว่าหนึ่งในกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า Anonymous

จะเป็นหนึ่งในสมาชิก MJ-12(Majestic 12) ซึ่งก็คือกลุ่มคน

12 คนที่ถูกคัดให้สามารถกุมความลับและล่วงรู้เรื่องทุกเรื่อง

ทุกเหตุการณ์ของยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวได้ ตรงนี้หนึ่งใน

Anonymous

กล่าวว่าเขาเป็นคนที่แจ้งข่าวสารบางข่าวให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทราบโดยตรง

และก็อาจจะเป็นไปได้ว่ากลุ่มบุคคลนี้จะเป็นคนให้ข้อมูลทั้งหมดกับ

นายสตีเฟน สปิลเบิร์ก เพื่อให้ไปทำพล็อตหนังภาพยนต์

Close Encounter 


            การถ่ายทอดข้อมูลนี้ส่วนหนึ่งทำผ่านคุณ Victor Martinez

ก็คือคุณ Victor

นี้เองก็เป็นไปได้ว่าจะทราบว่ากลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า

Anonymous นี้เป็นใครบ้าง

แน่นอนว่าการเปิดเผยข้อมูลลักษณะนี้คงจะไปทำผ่านทางทีวี

คงจะไม่ได้ ทางรััฐบาลซึ่งตรวจสอบอยู่คงไม่ยอม 


       DIA ไม่เหมือนกับ CIA ต่างกันบ้างตรงนี้ DIA

เป็นการรวบรวมเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหาร ทั้งทหารบก

ทหารเรือ ทหารอากาศ

มาทำงานร่วมกันจุดประสงค์เพื่อปกป้องป้องกัน(Defense)

ประเทศสหรัฐฯ ในขณะที่ CIA เป็นหน่วยข่างกรองกลาง

(น่าจะเป็นพลเรือนทหารเช่นกัน)

ก็ด้วยที่ท่านประธานาธิบดีเคนเนดี้มีปัญหาบ่อย ๆ กับ CIA

จึงแก้ไขโดยการก่อตั้ง DIA ขึ้นเองโดยขึ้นตรงกับประธานาธิบดีเอง

ก็ืคือว่าหลังจากประธานาธิบดีเคนเนดี้รับทราบจาก CIA

ในเรื่องโครงการแลกเปลี่ยน Exchange Programe นี้

เขาก็มอบโครงการนี้ให้อยู่ในมือ DIA และเนื่องจาก DIA

ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ทหารเป็นส่วนมากจึงทำให้มีพลังมาก

ไปด้วยพอควร มีทั้ง พลังดูด(ข้อมูลข่าวสาร)

และดูเหมือนจะมีพลังเตะอันรุนแรงด้วย แต่ DIA ก็ค่อนข้างใจดีครับ

ข้อมูลบางอย่างที่คนอยากรู้มาก ๆ

ถ้าไม่ขัดกับหลักกฎหมายส่วนใดบ้างที่เปิดเผยได้ก็อาจจะเปิดเผย

ให้ทราบได้ ไม่แน่ชัดว่าการก่อตั้ง DIA

จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีเคนเนดี้อายุส้นหรือเปล่า

(ผู้สันทัดกรณีตั้งข้อสงสัย) 


          โครงการ Exchange Programe

นี้ผู้สันทัดกรณีกล่าวต่อไปว่าหากท่านประธานาธิบดีมอบหมายให้

CIA รับผิดชอบแล้ว

ข้อมูลลักษณะนี้เห็นท่าประชาชนคนธรรมดาจะรู้ไ้ด้ก็คงรอชาติหน้า

ประธานาธิบดีเคนเนดี้เป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่เชื่อในความโปร่ง

ใส Dedicated to transparency not Secrecy

ก็ทำตามขั้นตอนกฎหมายครับ 25

ปีหลังเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้วเปิดเผยข้อมูลได้ในส่วนที่เปิดเผยได้ 


   คำถามต่อไปคือแล้วบันทึกเสียง รูปภาพ ภาพถ่ายของดาว Serpo

นี้อยู่ที่ใด ทำไมไม่มีแพร่งพรายออกมาเลย

ตรงนี้จากบทเรียนของยูเอฟโอที่ตกที่ Roswell

ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องระวังตัวมาก ภาพทุกภาพ

เสียงทุกเสียงที่บันทึกถูกเก็บไว้ในที่ลับสุด

ตรงจุดนี้เป็นข้อมูลที่ลับจริง เปิดเผยไม่ได้นั่นเอง 

        Anonymous เองถึงจะเป็นคนใน

แต่ก็ดูเหมือนจะรับข้อมูลมาอีกทีจากผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์

จริง ๆ คือในแล้วยังมีในกว่า 


     การพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในปฎิบัติการกระโดดสูง

Operation Highjump ที่ทวีปแอนตาร์ติกา ของคุณ

Richare E Byrd ในปี 1947 สร้างความซีเรียสกับรัฐบาลสหรัฐฯ

เป็นอย่างมาก

แต่ก็บังเอิญเหลือเกินว่ามันมาประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ยูเอฟโอ

ตกในปี 1947 ปีเดียวกันนี้ที่เมือง Roswell นี้ทำให้สหรัฐฯ

มีความหวังว่าสักวันหนึ่งเทคโนโลยีของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าชาติอื่น

ก็คือนำมนุษย์ต่างดาว Ebens

นี้มาเป็นเพื่อนเรียนรู้และให้เขาถ่ายทอดเทคโนโลยีให้

      ในตอนแรกที่ค้นพบซากยูเอฟโอที่ตกและเจอมนุษย์ Ebens

ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดับสูงวิเคราะห์แล้ว

เขาไม่ปักใจเชื่อว่าจะมีแค่ยูเอฟโอลำนี้ลำเดียวที่ตกลงมา

เป็นไปได้ไหมว่าจะมียูเอฟโอลำอื่นอีก อาจจะบินอยู่ในบริเวณอื่น

หรือโคจรอยู่นอกโลก เสมือนหนึ่งเราไปเจอเรือเร็วลำเล็ก ๆ

ลำหนึ่งกลาง ๆ มหาสมุทรแปซิฟิค

มันจะเป็นไปได้อย่างไรว่าเรือเร็วลำเล็ก ๆ

ลำนี้จะวิ่งออกมาจากชายฝั่งแล้วมาวิ่งได้บริเวณนี้

เขาเอาน้ำมันมาจากไหนมากมาย อาหาร น้ำจืด

เอามาจากไหนเพียงพอหรือที่จะเดินทางมากลางมหาสมุทร

โดยลำพัง มันต้องมีเรือลำที่ใหญ่กว่านี้มาก ๆ คือเรือเดินสมุทร

ลอยอยู่ในที่ใดที่หนึ่งบริเวณนี้แล้วเรือเดินสมุทรนี้ส่งเรือเร็ววิ่งออกมา

สำรวจมหาสมุทรจะดูเป็นไปได้มากกว่า

คือเขาสันนิษฐานว่ามียูเอฟโอลำแม่ลอยลำอยู่ที่ใดที่หนึ่งภายนอก

อวกาศที่อาจจะอยู่ไม่ไกลจนเกินไปนัก และส่ง

ยูเอฟโอลำนี้ออกมาสำรวจในพื้นที่นั่นเอง

ยูเอฟโอชนิดที่ส่งเข้ามาสำรวจในพื้นที่ภาษาอังกฤษจะเรียกว่า

Scout ship ซึ่งเป็นยูเอฟโอลำเล็ก เทียบได้กับเรือเร็วเล็ก

ส่วนยูเอฟโอลำแม่ซึ่งน่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าและมีอุปกรณ์ในยานที่

มากกว่าพร้อมกว่า ภาษาอังกฤษเรียก Mother ship

ตามข่าวที่แจ้งมาแล้วยังมียูเอฟโออีกลำที่มีขนาดกลาง ๆ

คือใหญ่กว่า Scout ship แต่เล็กกว่า Mother ship

คอยรับส่งสัมภาระหรือให้การช่วยเหลือหรือเป็นยานที่ประสานงาน

ในภารกิจบางอย่างกับ

Scout ship ยูเอฟโอแบบนี้จะเรียกว่า Shuttle ufo

ก็คือว่าในวันที่ยูเอฟโอของมนุษย์ Ebens มารับเจ้าหน้าที่ทั้ง 12

คนไปนั้น ตามข่าวระบุว่าเป็นแค่ Shuttle Ufo

แต่ว่ามันมีขนาดมหึมาทีเดียว มีถึง 3 ชั้นด้วยกัน

จุสัมภาระที่นำไปด้วย 4 ตันเศษ ๆ ไ้ด้

      Ebe#1 ตอนที่พอจะสื่อสารกับคนได้แล้ว

เขาอธิบายว่าบนเครื่องที่ตกลงมามีอุปกรณ์สื่อสารที่จะสามารถ

สื่อสารกับดาวของเขาได้โดยตรง

และจากการตรวจสอบพบว่ามีอุปกรณ์สื่อสารที่ว่านี้อยู่บน

ยานพาหนะของเขาจริง พิจารณาดูแล้วมีด้วยกัน 3 ส่วน

1 ส่วนได้รับความเสียหาย คือ แตกและชำรุด

ซึ่งทางฝ่ายช่างเทคนิคชาวโลกก็ถอดและนำอุปกรณ์ชิ้นนี้มาตรวจ

สอบ ซ่อมแซม

ซึ่งภายหลังทีมนักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคสามารถหาวััสดุ

ทดแทนมาซ่อมแซมให้คล้ายกับของเดิมได้มากที่สุด

และพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ทำงานได้อีกครั้ง

ด้วยหวังว่าจะได้ให้ Ebe#1 สามารถติดต่อกับดาวของเขาได้

และนั่นจะปูทางนำไปสู่สิ่งอื่น ๆ เช่นการสร้างความสัมพันธ์

การเรียนรู้เทคโนโลยีของเขา

ไม่เป็นผลอุปกรณ์สื่อสารที่ถูกถอดออกมานี้ไม่ทำงาน

ไม่สามารถใช้งานได้ จนปัญญา


         สุดท้ายมีช่างเทคนิคคนหนึ่งหัวใส กล่าวขึ้นว่า

เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุที่อุปกรณ์ืสื่อสารชิ้นนี้ทำงานไม่ได้อาจจะ

เป็นเพราะความซนของเรา เที่ยวไปถอดอุปกรณ์ของเขาออกมา

ทำไมเราไม่ลองนำอุปกรณ์สื่อสารของเขาชิ้นนี้ใส่กลับไปยังจุดที่มัน

เคยอยู่อีกครั้ง ซึ่งก็คือบนยานอวกาศลำที่ตกลงมา

บางทีมันอาจจะทำให้อุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้กลับมาทำงานได้อีก

ครั้งก็ได้ สุดท้ายทีมช่างเทคนิคทั้งหมดเห็นด้วยตามนี้

นำอุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้กลับใส่ไปยังจุดเดิมที่ถอดออกมา

และที่น่าแปลกเป็นอย่างยิ่งก็คือหลังจากที่ใส่กลับเข้าไปยังที่เดิม

อุปกรณ์ชิ้นนี้กลับมาทำงานได้ตามปกติ

และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติ

      Ebe#1 ส่งข้อความ 6 ข้อความผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารนี้

ไปในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ.1952

และในช่วงต้นฤดูใบร่วงของปีเดียวกันนี้ได้รับสัญญาณตอบ

กลับจาก อุปกรณ์สื่อสาร

ซึ่งทั้ง 6

ข้อความที่ส่งไปภายหลังเขาได้สื่อสารถ่ายทอดให้กับเจ้าหน้าที่

ได้รับทราบซึ่งก็คือ 

Ebe #1 translated the messages and provided us with that

information. Ebe #1 sent six messages. 


- The first message was just letting his planet know he

was alive; 

   ข้อความแรกแจ้งดาวของเขาให้รับทราบว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่



- The second message explained the crash in 1947 and the

death of his crew; 

    ข้อความที่สองอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบมาว่ายานอวกาศ

ตก และลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต



- The third message asked for a rescue craft for him; 

    ข้อความที่สามร้องขอให้มีปฎิบัติการช่วยเหลือเขาโดยนำเขา

กลับบ้าน



- The fourth message suggested a formal meeting with

leaders of Earth; 

     ข้อความที่สี่แนะนำให้ทำความรู้จักมีปฎิสัมพันธ์กับผู้นำโลก



- The fifth message suggested an exchange program; 

     ข้อความที่ห้าแนะนำให้มีโครงการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

สันนิษฐานว่าข้อความนี้มาจากคำแนะนำของพี่เลี้ยง Ebe #1




- The sixth message provided landing coordinates for any

future rescue or visitation mission to Earth. The incoming

messages gave a time and date (Eben date and time

system), and confirmed a landing location. However, once

the message was translated by Ebe #1, it was determined

the date was over 10 years away. Fearing that Ebe #1,

who was sick at this point, did not translate the message

correctly, our scientists began to translate the message,

based on the Eben language that was taught to us by

Ebe #1. 


     ข้อความที่หก

บอกถึงพิกัดหรือจุดลงจอดยานพาหนะหากประสงค์จะมาเยี่ยมโลก

หรือปฎิบัติการช่วยเหลือตนเอง ดาวของเขารับทราบและตอบกลับ

ในส่วนของ Exchange Programe นั้นทาง Ebe #1

อธิบายว่าต้องเป็นเวลาอีกสิบปีข้างหน้าสิ่งนี้ถึงจะเกิดขึ้น แต่ว่า

ถ้าจะให้ยานอวกาศลำอื่นของเขามาเยี่ยมเราในเวลาอันใกล้นี้พอ

เป็นไปได้

ก็ตามที่สันนิษฐานกันไว้ว่ายานอวกาศที่ส่งมานี้มาจากยานแม่

Mother Ship ที่ลอยลำโคจรอยู่ในอวกาศที่ไม่ไกลนัก

จะสามารถส่งยานลูกมายังโลกได้ในเวลาอันไม่นาน 


         ในส่วนของการสื่อสารของ Ebe#1 ไปยังดาวของเขานี้

เราคงต้องเชื่อใจเขาให้มากที่สุด

เนื่องด้วยมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้คิดไปว่า

หากว่า Ebe#1 ส่งสารข้อความอันเป็นเท็จ

หรือส่งข้อความแสดงความทนทุกข์ทรมานที่ได้รับการปฎิบัติ

จากมนุษย์โลก กลับไปยังดาวของเขาแล้ว

มันก็เป็นไปได้ว่าดาวของเขาอาจจะกลับมาเพื่อช่วยเขาและ

ไม่เพียงแค่ช่วยแต่ส่งกองกำลังมาบุกมายึดโลกก็เป็นไปได้

โชคดีเหตุการณ์นี้สุดท้ายไม่เกิดขึ้น Ebe#1 เป็นคนที่ไว้ใจได้

เขาส่งข้อความทั้งหมดไปตามที่แจ้งจริง


   ซึ่งสุดท้าย Ebe#1 ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือเสียชีวิตภายในปี

ค.ศ.1952 นี้เอง 



   ดูเหมือนกับว่าการสื่อสารผ่านทางอุปกรณ์นี้ภายหลังการเสียชีวิต

ของ Ebe #1 ก็ได้ผลเช่นกัน เพราะว่าในเดือนพฤษภาคม 1953

มียูเอฟโอมาตกที่ในเขต Kingman รัฐอริโซนา

ยูเอฟโอลำนี้น่าจะมาจากยูเอฟโอลำแม่ที่โคจรอยู่นอกอวกาศที่ไม่

ไกลจากโลกมากนัก

ไม่น่าจะเดินทางมาจากดาวของเขาเองที่อยู่ไกลมาก จริง ๆ

แล้วยูเอฟโอลำนี้ที่ดูเหมือนตกประสบอุบัติเหตุ

ถูกนัดแนะให้ลงจอดที่ Nevada test site

แต่เนื่องจากเขาไม่ค่อยเข้าใจในกระบวนการอ่านค่าพิกัดของ

ชาวโลก จึงไปลงจอดผิดที่ ตอนลงจอดก็ไม่นิ่มนวลสักเท่าไร

ลูกเรือบนเครื่องสองคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ปลอดภัย

ประมาณว่าความเร็วตอนที่ landing อยู่ที่ 100 Knot.

ถือว่าไม่ถึงกับเร็วมาก

สุดท้ายแล้วก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ถูกต้องคือ

Nevada Test site โดยขบวนรถถััง บนยานลำนี้มีลูกเรืออยู่ 4 คน

ก็ถูกส่งไปยังสถานที่ที่ครั้งหนึ่ง Ebe #1

ตอนยังมีชีวิตอาศัยอยู่คือห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ที่ Los Alamos

ซึ่งก็ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วก็คือที่ที่ Ebe #1

เคยอยู่นั่นเอง ยูเอฟโอลำนี้กับลูกเรือทั้ง 4

ถูกนัดแนะมาเพื่อให้การช่วยเหลือชาวโลกจุดประสงค์เพื่อสร้าง

หรือถอดแบบยานพาหนะลักษณะนี้(Reverse Engineer)

ก็ืคือลูกเืรือทั้งสี่คนนี้ถูกส่งมาช่วยสร้างยูเอฟโอบนโลกนั่นเอง

ในตอนนี้การสื่อสารกับลูกเรือทั้งสี่ใช้ภาษามือ

หรือพูดอีกนัยหนึ่งยูเอฟโอลำนี้ก็คือของขวัญที่มนุษย์ต่างดาว

สายพันธุ์ Zeta Reticulan ส่งมาให้เป็นของขวัญนั่นเอง

ซึ่งยูเอฟโลลำที่ส่งมานี้เป็นลำที่มีเทคโนโลยีที่ง่ายสุดไม่ซับซ้อน



สี่คนที่ถูกส่งมานี้ตามข่าวช่วยเหลืออะไรไม่่ค่อยได้มากนัก

ไม่ค่อยโต้ตอบ

ความพยายามในการสอนภาษาจำเป็นต้องใช้เวลานานอันนี้ทราบได้

จากประสบการณ์กับ Ebe #1

แต่ว่าการถอดแบบเทคโนโลยีนั้นจำเป็นต้องรีบทำ


กระบวนการถอดแบบเริ่มทำในทันทีที่เครื่องต้นแบบมาถึง

ซึ่งคนคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ทำงานตรงจุดนี้ชื่อคุณ Bill Uhouse

เป็นอดีตนักบินของกองทัพเรือ(ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) 



คลิปนี้เป็นคลิปที่ท่านให้สัมภาษณ์ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ครับ

ท่านเป็นนักบินและถูกส่งมาเพื่อดูแบบของยานพาหนะลำนี้เจตนา

เพื่อจะจำลองแบบให้ได้ใกล้เคียงที่สุด

จุดประสงค์เพื่อให้ยานพาหนะที่จำลองขึ้นมานี้เคลื่อนที่ได้ใน

ลักษณะเดียวกับยานพาหนะต้นแบบ ตามคลิปนี้ทีมงานถอดแบบ

Reverse Engineering ใช้เวลาอยู่โดยประมาณ 5 - 6

ปีในการจำลองแบบและผลิตยานหนะลำนี้ขึ้นและเคลื่อนที่ได้

คือสำเร็จราวในปี ค.ศ.1958

ทั้งนี้คนที่มีส่วนสำคัญในการให้การช่วยเหลือในการถอดแบบ

เป็นมนุษย์่ต่างดาวอีกสายพันธุ์หนึ่งครับ คือมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์

Grays สังเกตุว่ามีนิ้วสามนิ้วดูเหมือนมีเล็บด้วย

มนุษย์ต่างดาวคนนี้ตามข่าวแ้ล้วเป็นนักวิทยาศาสตร์

เป็นช่างเทคนิค มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี

ทั้งนี้แล้วมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์นี้ไม่จำเป็นต้องอาศัยการสื่อสาร

ด้วยเสียงอย่างเดียว

แต่ว่าสามารถสื่อสารทางจิตได้ด้วย เรียก Telepathic

คือสามารถอ่านจิตใจคนได้

จึงทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มนุษย์ต่างดาวคนนี้ดูเหมือนจะชื่อ J-rod มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์

Grays นี้มาจากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กับดาวฤกษ์

Alpha Centauri A ตามข่าววงในแล้ว J-rod

เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ถูก Clone ขึ้น คือถูก Clone โดยมนุษย์

Ebens นั่นเอง เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อนมาก

ไม่มีคนรู้อะไรเกี่ยวกับ J-rod มากนัก

ถึงขนาดคนในเองก็ยังไม่ค่อยรู้ คนในเองถึงกับกล่าวว่า J-rod

คนนี้ถึงกับสามารถจำแนกได้เป็น "Above Top Secret"

หรือความลับเหนือความลับขั้นสุดได้เลยทีเดียว

มนุษย์ต่างดาวที่ถูกเรียกว่า J-rod คนนี้อายุยืนมาก ๆ ทีเดียว

ครั้งหนึ่งก็ไม่น่าจะนานนัก เขาเคยป่วยหนัก

และคล้าย ๆ กับว่าเขาคนนี้จะเป็นบุคคลที่สำคัญมาก

ไม่สามารถปล่อยให้เสียชีวิตไปได้

ต้องช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ

มีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งชื่อคุณ Dan Burisch เป็นนักจุลชีววิทยา

เคยถูกเชิญให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามในเขต Area 51 ชื่อพื้นที่ S-4

เพื่อเข้าไปเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งในร่างกายของ J-rod คนนี้

สุดท้ายก็คุณ Dan Burisch

คนนี้เองนำเอาเรื่องที่เขาเข้าไปปฎิบัติงานในพื้นที่นี้ว่า

เขาเข้าไปทำอะไรบ้างกับ J-rod มาปูดให้คนนอกฟััง มีคลิปครับ

เข้าไปศึกษาได้ครับ


      จากปากคำของวงในมนุษย์ต่างดาวทั้งหมด(เวลาปัจจุบัน)

ที่ทราบได้ว่ามีปฎิสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ

มีทั้งสิ้นโดยประมาณ 9 สายพันธุ์

บางสายพันธุ์แปลกมากคือมีลักษณะเป็นหุ่นยนต์

แต่ว่าที่แปลกกว่านั้นอีกก็คือ เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถคิดเองได้

มีความคิดเป็นของตัวเองและสามารถตัดสินใจได้เอง

โดยไม่ต้องมีใครอื่นมาบังคับลักษณะเหมือนกับถูกสร้างถูกผลิตขึ้น

ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เกิดหรือคลอดออกมาเองตามธรรมชาติ


มนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ต่าง ๆ นี้

ทางการประเทศมหาอำนาจใช้ Code ในการเรียก ก็คือเรียกรวม ๆ

ไปก่อนว่า ETE ก่อนและค่อยมาแยกแยะเป็นแต่ละสายพันธุ์

ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าเป็นมนุษย์พันธุ์ Ebens ที่กล่าวถึงนี้จะใช้ Code

ว่า ETE-2 ส่วนมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Grays จะแทนด้วย Code

ETE-3 เป็นต้น



ซึ่งคุณ Bill Uhouse

ก็พูดถูกต้องว่ายานพาหนะที่เป็นต้นแบบเพื่อนำมาจำลองนี้

ถูกนำมาจากยานพาหนะที่ตกที่ Kingman Arizona ก็คือคุณ Bill

เองท่านก็ยังไม่ทราบเช่นกันว่ายานพาหนะลำนี้แท้จริงแล้วไม่ได้ตก

แต่เป็นความร่วมมือของมนุษย์กับมนุษย์ Ebens เขามอบมาให้

คลิปนี้ที่คุณ Bill ให้สัมภาษณ์

คุณ Bill ให้สัมภาษณ์ในปี ค.ศ.2000 ซึ่งตอนนั้นยังไม่ถึงปี

ค.ศ.2005 คือปีที่กลุ่ม Anonymous นำเรื่อง Project Serpo

มาเปิดเผย

จะเห็นว่ากระบวนการรักษาความลับของประเทศมหาอำนาจ

เขาแบ่งหน้าที่การทำครัับ

ทุกคนมีหน้าที่มีความลับที่จะรู้ในส่วนของตนเอง

ไม่สามารถไปล่วงรู้ความลับในส่วนอื่น หรือที่คนอื่นรู้ได้

ยานพาหนะลำนี้ไม่จำเป็นต้องมีเข็มขัดรัด(Seat Belt)

เพราะว่าถึงแม้มันจะเคลื่อนที่บินตีลังกา หรือบินไปทิศทางใด

คนที่อยู่ในยานพาหนะนี้ก็ยังคงสภาพเป็นปกติคือนั่งอยู่ในท่าทาง

เดิม ยานพาหนะนี้หากเข้าไปนั่งแล้ว จะมีแรงโน้มถ่วงอยู่เสมอ

คือจะไม่อยู่ในสภาพสุญญากาศ

ยานพาหนะลำนี้หากบินขึ้นได้แล้วจะเคลื่อนที่ได้แทบจะทุกมุม

ซ้ายขวาบนล่าง


  ในเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อ J-rod นี้

น่าสงสัยเหมือนกันว่ามีที่มาหรือเดินทางมาจากจุดไหน

อันนี้ต้องอาศัยการสืบค้นโดยหาอ่านข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ

เพื่อจะนำมาปะติดปะต่อเชื่อมโยง คล้าย ๆ

กับว่ามนุษย์ต่างดาวคนที่ชื่อ J-rod นี้

เป็นไปได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้โดยสารทั้ง 4 ที่มากับยานพาหนะลำนี้

มนุษย์ต่างดาวที่ชื่อ j-rod นี้ อายุขัย ณ เวลานั้นโดยประมาณ 200

ปี(เทียบกับอายุมนุษย์บนโลก) J-rod ไม่ใช่มนุษย์ Ebens

แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ถูก Clone ขึ้น โดยมนุษย์ Ebens

จุดประสงค์เพื่อให้เป็นมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง

มนุษย์ Ebens

มีข้อจำกัดกับมนุษย์โ่ลกคือไม่สามารถสื่อสารกันทางภาษาได้

โดยง่าย อุปสรรคนี้จะยิ่งเกิดขึ้นหากต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี

J-rod คุณ Bill Uhouse ได้ให้สัมภาษณ์ในคลิปด้านล่าง

ซึ่งเมื่อครั้งหนึ่งท่านก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้

แต่ตอนนี้ปิดบังไม่ให้เห็นใบหน้าและไม่เปิดเผยชื่อ J-rod

สามารถสื่อสารได้ทางโทรจิต(Telephatic) ตามคลิปที่คุณ Bill

อธิบายไว้คือ คุณ Bill จะตั้งคำถามขึ้นมาในใจต่อหน้า J-rod

จากนั้นแล้ว หาก J-rod มีคำตอบให้ จะมีเสียงของคุณ Bill

เองนี่ละที่ดังขึ้นมาในหััวสมอง เสียงนี้จะมีขึ้นเองโดยที่คุณ Bill

ไม่ต้องอ้าปากเลย ชมคำอธิบายในคลิปครับ

   อีกประการหนึ่งดูเหมือนกับว่าคุณ Bill จะพอทราบคร่าว ๆ

เหมือนกันว่า ยูเอฟโอที่มาตกโดยบังเอิญที่ Kingman

มลรัฐอริโซน่านี้ สุดท้ายมนุษย์ต่างดาวทั้ง 4

ได้ถูกส่งไปตรวจร่างกาย, กักกัน และสอบปากคำ

ที่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ (Los Alamos)

ท่านให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไว้เช่นกัน คุณ Bill Uhouse

นี้จัดเป็นบุคคลอีกคนที่มีความน่าสนใจ ท่านเหมือนจะรู้ความลับดี ๆ

อยู่เยอะเหมือนกัน

และก็แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านออกมาให้สัมภาษณ์นี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็น

เพียงเศษเสี้ยวไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ท่านรู้ท่านทราบ

แต่ไม่สามารถจะพูดออกอากาศได้


    ปี ค.ศ.1962 ประสบความสำเร็จระบบ Antigravity

ระบบเดียวกันกับยูเอฟโอที่ลงจอดที่ Kingman

ปี 1962

ช่วงเวลานี้คุณเคนเนดี้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

แล้วแต่ว่ากรณีเหตุการณ์ที่ CIA

ประสบความสำเร็จในการผลิตยานพาหนะยูเอฟโอนี้ได้

ถูกปิดเป็นความลับขั้นสุด ไม่บอกแม้กระทั่งคุณเคนเนดี้

คุณเคนเนดี้ จะรู้เป็นแค่บางเรื่อง เช่นเรื่อง Exchange

Programe

หรือโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาว Ebens

ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยการ Approve จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ก็คือท่านต้องเซ็น เป็นเรื่องใหญ่

         ถ้าเป็นเรื่องของอวกาศการสำรวจอวกาศแล้ว คุณเคนเนดี้

ไม่เคยยอมใคร ดูจากคลิปครับ ถ้าเป็นเรื่องอวกาศแล้วสหรัฐฯ

ต้องอยู่แถวหน้าในเรื่องนี้ และก็คงต้องอยู่หน้าสุดด้วย ไม่ใช่ที่สอง

คุณเคนเนดี้ Approve ยินยอม เซ็นให้โครงการ

Exchange Programe เกิดขึ้นได้

ขั้นตอนต่อไปคือการคัดคนที่จะปฎิบัติภารกิจนี้ ภารกิจ

Exchange Programe นี้ทั้งลับและทั้งสำคัญ

เพราะแม้แต่คนที่จะคัดเลือกเข้าโครงการเองก็ยังต้องถูกโกหก

ถูกหลอกว่าเป็นภารกิจที่จะไปปฎิบัติบนดวงจันทร์หรืออวกาศ

มีคำกล่าวนานมาแล้วว่า

ก่อนที่ท่านจะโกหกศัตรูท่านได้ที่ถูกต้องแล้วท่านคงต้องโกหกพวก

เดียวกันเองให้สำเร็จก่อน

เพราะถ้าศัตรูท่านได้พวกของท่านไปเป็นพวกของเขาแล้ว

ความลับทั้งหมดที่ท่านมีก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป 



      เรื่องนี้ดูเหมือนกับจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น

ขอบเขตของความลับที่เคยรักษาไว้

ตอนนี้จำเป็นต้องมีบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง

ซึ่งก็คือบุคคลที่จะคัดเลือกให้ไปในโครงการ Exchange

Programe เริ่มต้นโดยลงประกาศสรรหาทางหนังสือพิมพ์ทหาร

ผู้ที่มีสิทธิ์สมัครจำเป็นต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่มีอายุงานราชการ

ไม่ต่ำไปกว่าสี่ถึงห้าปี ตรงนี้จำเป็นมาก ๆ

เพราะทั้งการฝึกฝน การเดินทาง มันเกี่ยวข้องกับระเบียบวินัยล้วน ๆ 

ซึ่งบุคคลที่เป็นทหารจะรับผิดชอบและมีวินัยมากกว่าพลเรือนทั่วไป

ก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของหน่วย MI6(CIA ของอังกฤษ)

ที่มีส่วนรับทราบเกี่ยวกับการสรรหาครั้งนี้

ภายหลังออกมาให้ข้อมูลว่า(ให้ข้อมูลเข้าไปในเวบ serpo.org)

เป็นการสรรหาบุคคลเ้จ้าหน้าที่ทหารที่จะให้ไปปฎิบัติภารกิจทาง

อวกาศ ไปดวงจันทร์

ก็คือไม่บอกเรื่องจริงว่าจะให้ไปปฎิบัติภารกิจในโครงการ

Exchange Programe

บุคคลที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการฝึกในการปฎิบัติภารกิจพิเศษ

มีเจ้าหน้าที่โดยประมาณ 500 คนเศษยื่นใบสมัคร

จากนั้นคัดกรองเหลือ 160

คนแต่ว่ามีคนที่มีความเฉพาะด้านบางสาขาขาดไป เช่น แพทย์

ซึ่งก็ต้องสรรหาบุคลากรทางด้านนี้มาให้ได้

ทั้งนี้แล้วการรับสมัครบุคคลครั้งนี้ยังปรากฎเงื่อนไขที่ฟังแปลก ๆ

อาทิเช่น ต้องเป็นคนโสด

ไม่เคยมีประวัติการแต่งงานมาก่อน ไม่มีบุตร

และถ้าเป็นไปได้ควรจะเป็นลูกกำพร้า(พื้นฐานมาจากเด็กกำพร้า)

สุดท้ายคัดได้ 16 คนที่ผ่านคุณสมบัติ 12 คนจะได้เป็นตัวจริง

ส่วนอีก 4 คนก็เป็นสำรองเผื่อเรียก ตามข่าวแล้วใน 16

คนนี้มีสุภาพสตรีอยู่ 2 คน จุดนี้เป็นข้อถกเถียงถึงวันนี้เหมือนกันว่า

ในตัวจริง 12 คนนี้มีสุภาพสตรีทั้ง 2 คนนี้อยู่หรือไม่

ท้ายสุดผู้ที่เกี่ยวข้อกับเหตุการณ์นี้จะสรุปว่า 12

คนตัวจริงนี้ไ่ม่น่าจะมีผู้หญิงอยู่ บุคคลทั้ง 12 หรือ 16

คนนี้สุดท้ายก็ถูกแก้ไขเปลี่ยนประวัิติครั้งยิ่งใหญ่ เรียก

Sheep-Dipped

ผู้ถูกคัดเลือกมานี้

ให้แจ้งกับทางครอบครัวเขาว่าเสียชีวิตในระหว่างการฝึก

ประวัติทางการเงิน ประวัติส่วนบุคคล ประวัติทางการแพทย์

ถูกลบทิ้งหมด บุคคลทั้ง 12

จะใช้เป็นเลขสามหลักเรียกแทนชื่อของคนคนนั้น



       ตรงนี้เป็นหมายเลขสามหลักที่เป็นตัวแทนของบุคคลทั้ง 12 คน

หมายเลขสามหลักนี้สำััคัญมาก ๆ

เพราะตั้งแต่นี้่ต่อไปจะไม่มีการเรียกชื่อจริงและนามสกุลจริงของ

บุคคลทั้ง 12 อย่างเด็ดขาด และเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าภารกิจจะสิ้นสุด

บุคคลทั้ง 12 นั้นตอนนี้ถือได้ว่าจากโลกไปแล้ว

ตามที่ได้แจ้งไว้กับญาติพี่น้องของเขา

การเรียกกันในหมู่พวกเดียวกันเอง

หรือทางการจะเรียกชื่อพวกเขาต้องอ้างอิงหมายเลขสามหลักนี้

เสมอ นอกจากตอนออกไปจากนอกโลกแล้ว ตามข่าวว่าบุคคลทั้ง

12 จะตั้งชื่อเล่นให้กัน เช่น Team Commander ให้ชื่อว่า Skipper

แพทย์ทั้งสองคนให้ชื่อว่า Doc-1, Doc-2 นักบินให้ชื่อว่า Sky-king

และ Flash-gordon

ซึ่งโดยตามจริงแล้วถ้าคนทั้งสิบสองออกไปนอกโลกแล้ว

เขาจะกลับมาเรียกชื่อจริงกันก็คงไม่ผิดอะไร ไม่มีใครรู้

แต่เขารักษาวินัยการเรียกชื่อนี้ได้อย่างดี


เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 12 คนนี้ต่อไปจากนี้ห้ามกลับบ้าน

ห้ามไปพบเพื่อนฝูงทั้งเพื่อนส่วนตัว หรือเพื่อนในหน่วยทหาร

ห้ามมีสังคมกับคนภายนอกอย่างเด็ดขาดเพราะว่าพวกเขาทั้งหมด

ได้ถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็นบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว

ถูกส่งเข้าคอร์สฝึกหนักที่ The Farm

ก็คือสถานที่บ่มเพาะหน่วยสืบราชการลับอันขึ้นชื่อของสหรัฐฯ หรือ

CIA ในภาพยนต์บางเรื่องที่ ทอม ครุย แสดง เรียกเจ้าหน้าที่ CIA

ว่า Farm Boys



   การฝึกฝนครั้งนี้มันเข้มข้นน่าทึ่ง ถูกส่งไปที่ ฐานทัพอากาศ

Tyndal เพื่อฝึกฝนการอยู่ในที่สูงอยู่ในอวกาศ ส่งไปฝึกที่ชิลี,

เม็กซิโก 

บางกรณีต้องลงไปอยู่ภายใต้พื้นดิน คล้าย ๆ โลงศพ

เป็นเวลา 7 วัน โดยมีเพียงแค่อาหารกับน้ำดื่มให้เท่านั้น

เพื่อให้แน่ใจได้ว่าบุคคลทั้ง 12 ไม่มีใครเป็นโลกกลัวความมืด

กลัวการอยู่คนเดียว เรียก Claustrophobic

ก็ทุกคนผ่านการทดสอบหมด

ผู้ฝึกถูกฝึกให้ใช้ยาสายลับคือยาพิษในกรณีที่หากมนุษย์ Ebens

จับไปเค้นไปสอบจะกินยานี้เพื่อฆ่าตัวตาย

(ก็คือเป็นยาฆ่าตัวตายของสายลับนั่นเอง)

ผู้เข้ารับการฝึกในส่วนที่เป็นนักบินทั้งสี่คน จะถูกฝึกให้ขับยูเอฟโอ

คือยูเอฟโอลำที่ถูกจำลองแบบมาแล้ว

ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องพากันกลับมายังโลกด้วย

เหตุการณ์ที่คาดการณ์ไม่ถึง ในกรณีที่มนุษย์ Ebens

มีทีท่าจะเปลี่ยนจากมิตรเป็นศััตรูมีอาวุธลับอีกอย่างคือกระป๋องที่

บรรจุไนโตรเจนเหลว ซึ่งจะฉีดออกมาแล้วมันจะเป็นไอที่เย็นมาก ๆ

จะฉีดใส่หน้าแล้วจะสามารถป้องกันตัวได้

ตรงนี้เคยใช้ทดสอบกับ Ebe#1 แล้วพบว่ามนุษย์ Ebens

ไม่ชอบสภาพอะไรที่เย็นมาก ๆ 


    โปรแกรมการฝึกมีประมาณ 167 วัน มีเวลาให้ลาพักแค่ 15 วัน

แต่การพักนี้ไม่ใช่ปล่อยกลับบ้าน

แต่ว่าต้องถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิดว่าไม่ได้ไปพบปะพูด

คุยกับคนอื่น และอยู่ในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้

ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการฝึก

นัักบินผู้ที่เข้ารับการฝึกจะได้รับการบอกถึงปฎิบัติการภารกิจ

จริงว่า ปฎิบัติการที่จะ้ต้องทำนี้จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่

ก่อนที่จะบอกถึงปฎิบัติการจริง ๆ กับตอนที่บอกว่าปฎิบัติการจริง ๆ

ที่นักบินจะต้องทำออกไปแล้ว และนักบินทั้ง 12 นายรับทราบแล้ว

ตามข่าวที่รับมามีนักบินบางคนต้องการถอนตัวออกจากปฎิบัติการนี้

คือจะไม่ขอเดินทางไปยังดาวดวงอื่นที่เขาเองไม่สามารถจะทราบ

ชะตากรรมได้ว่า สุดท้ายตัวเองจะมีชะตากรรมเช่นไร

แต่ว่าความลัับคือความลับ ไม่ทราบไม่เสี่ยง ทราบแล้วเสี่ยง

หากนักบินคนใดจะขอถอนตัวก่อนที่ทางการจะแจ้งภารกิจลับ

สุดยอดจริง ๆ ให้ทราบ

อาจจะสามารถทำได้โดยไม่มีผลอะไรตามมา

หรือถ้าจะมีก็จะเป็นผลที่น้อยกว่า ในกรณีที่นักบินทั้ง 12

นายทราบปฎิบัติการลับสุดยอดนี้ว่าจริง ๆ

แล้วคืออะไรแน่แล้วต้องการจะถอนตัว ทำได้

แต่สิ่งที่ตามมารุนแรงกว่า คือ นักบินคนนั้นจะต้องถูกกักกัน

จองจำ(Confine) ไม่ให้กลับบ้านหรือไปพบปะพูดคุยกับใครอื่น

เป็นเวลาไม่น้อยกว่าระยะปฎิบัติการของนักบินทั้งหมดที่เดินทาง

ไปยังดาวดวงนี้และสามารถเดินทางกลับมายังโลกได้

ก็น่าจะเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป

เพราะว่าคุณทราบความลับขั้นสุดแล้วนั่นเอง

เดิมพันของคุณก็ย่อมจะต้องสูงขึ้นนั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ท้ายสุดนักบินนายนั้นยินยอมที่จะเดินทางไปกลับบุคคลที่เข้ารับการ

ฝึกมาแต่โดยดี เพราะมันน่าจะเหมาะสมกว่าที่จะต้องมานั่งติดคุก

ฟรี ๆ เป็นเวลาสิบปีเศษ ซึ่งมันอาจจะแย่กว่าก็เป็นได้


    ที่เจ๋งกว่านั้นคือในโปรแกรมการฝึกนี้ ต้องหลอกครูฝึกด้วย

แม้แต่ผู้ที่กำหนดมาให้เป็นครูฝึก มาทำหน้าที่ฝึกบุคคลทั้ง 12 นี้

ครูฝึกเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่า ภารกิจของบุคคลทั้ง 12 นี้จริง

ๆ แล้วคืออะไร ทราบแต่เพียงว่าออกไปปฎิบัติภารกิจนอกอวกาศ

ซึ่งก็คือภายหลังนี้ละครับคือปีที่เรื่องนี้ถูกแฉออกมา ค.ศ. 2005

บุคคลหรือกลุ่มบุคคลครูฝึกที่รับหน้าที่ให้การฝึก

บุคคลทั้ง 12 ในช่วงระยะนี้นั้น ออกมาให้การไปยังเวบไซต์

Serpo.org มายอมรับว่าได้ทำการฝึกบุคคลทั้ง 12 จริง ๆ

ในช่วงระยะเวลาปีที่กล่าวอ้างในอดีต บุคคลทั้ง 12

นี้เป็นชายล้วนครับ ไม่มีสุภาพสตรี 8 คนจากหน่วย USAF, 2 คน

จาก U.S. Army และ 2 คนจาก U.S. Navy สองคนเป็นแพทย์

สามคนเป็นนักวิทยาศาสตร์

สองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาศาสตร์

สองคนเป็นเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยให้การอารักขา

สองคนเป็นนักบิน และหนึ่งคนเป็นหัวหน้าชุดทั้งหมด


    นั่นก็คือสุดท้ายแล้วอนุมานได้ว่า เจ้าหน้าที่ผู้หญิงทั้งสองคนนี้

ที่ผ่านการคัดเลือกได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มบุคคล

สำรองเผื่อเรียก 4 คนนั่นเอง



    ชาร์ตด้านบนนี้เป็นโปรแกรมการฝึกที่สามารถร่างมาได้

ที่น่าสนใจคือหัวข้อที่ 19 Other Training which is still

considered extremelyy highl classified even after 40 years

(ค.ศ. 1965 - 2005) ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมปี ค.ศ.2005

เรื่องนี้จึงพอจะเปิดเผยได้


      ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 12 คนในโครงการ Exchange

Programe นี้ พร้อมแล้ว

การนัดหมายกับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ Zeta Reticulan

จากดาวของเขา ถูกตั้งขึ้นในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1964

ซึ่งคุณเคนเนดี้ถูกลอบสังหารไปในปี 1963 เพราะฉะนั้นในปี 1964

นี้จึงเป็นภาระของประธานาธิบดีคนใหม่ คุณจอห์นสัน

มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมว่าคุณเคนเนดี้

กำลัังจะใช้ความพยายามเปิดเผยเรื่องนี้ให้กับชาวโลกไ้ด้ทราบ

และอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติได้


     เดือนธันวาคม ค.ศ. 1963 มนุษย์ Ebens

ส่งข้อความกลับมาอีกครั้งยืนยันถึงเรื่องสถานที่ วันเวลา

ที่จะมาถึงและลงจอด ในข้อความนี้กล่าวอีกว่า

จะส่งยานอวกาศทั้งสองลำได้ออกเดินทางมาแล้ว


    24 เมษายน ค.ศ.1964 ใช้เวลาเตรียมการมาแล้ว 25 เดือนเศษ

เป็นวันที่นัดแนะว่าจะเป็นวันเริ่มต้นโครงการ Exchange Programe

กับ Zeta Reticulan บริเวณที่ยานอวกาศของ Zeta Reticulan

จะต้องลงจอดถูกกำหนดไว้สองจุด

คือจุดแรกจะเป็นจุดหลอกพิกัดหลอก(คนอื่นที่อาจจะล่วงรู้)

ส่วนจุดจริง จะอยู่ในที่ฐานทัพอากาศ Holloman ติดกับบริเวณ

White sand proving ground

ซึ่งเป็นหน่วยที่ตั้งทางทหารที่มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีเลิศ

นักบินอวกาศทั้ง 12

คนพร้อมแล้วกับสัมภาระที่จะนำไปด้วยโดยประมาณ 41.05 ตัน

หรือ 90,500 ปอนด์

ตัวเลขตรงนี้เป็นข้อกำหนดของมนุษย์ต่างดาวครับว่าน้ำหนัก

ต้องห้ามเกินกว่านี้อย่างเด็ดขาด

กระบวนการให้การต้อนรับพร้อมแล้ว 


    ท่านครับมีเหตุการณ์หนึ่งในวันนั้น คือวันศุกร์ที่ 24 เมษายน

ค.ศ.1964 เวลาโดยประมาณ 17.50 น. ที่เชื่อมโยงกับโครงการ

Exchange Programe

นี้ก็คือว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งชื่อคุณ Lonnie Zamora

         ก็คือว่ายานอวกาศของมนุษย์สายพันธุ์ Zeta Reticulan

หลงทางเกิดการเข้าใจผิด

อาจจะเป็นเพราะมนุษย์ให้พิกัดการลงจอดเป็นตัวเลขจึงทำให้เกิด

ความสับสน ยานอวกาศลำนี้ไปลงจอดผิดที่ผิดจุดที่ควรจะลงจอด

คือไปลงจอดที่ North Corona

บังเอิญว่ามีประชาชนที่ขับจักรยานยนต์

ผ่านมาไปพบเห็นก็เลยแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ว่าเจอยานพาหนะรูปร่างแปลก ๆ

ลงจอดอยู่ข้างทางและมีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ สองคนยืนอยู่

เจ้าหน้าที่คนนั้นที่ไปตรวจสอบก็คือคุณ Lonnie Samora นี้เอง

เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์ของเรื่อง ๆ นี้

ว่ามีบุคคลภายนอกพบเห็นยานอวกาศจากต่างดาวในวันนั้น



    สิ่งที่คุณ Lonnie เห็นก็คือยานพาหนะรูปร่างแปลก ๆ

ที่จอดอยู่และมีคนตัวเล็ก ๆ สองคน รูปร่างประมาณเด็กโต

ยืนอยู่ข้าง ๆ ยานพาหนะลำนี้ คุณ Lonnie

วิทยุขอความช่วยเหลือไป

คนตัวเล็กสองคนนี้หันมาเจอเข้าจึงรีบขึ้นยานพาหนะของเขาแล้วขับ

หนีออกไปจากที่นั่นทันที สุดท้ายยานอวกาศลำนี้ก็ไปจอดถูกจุดครับ

จากการประสานกับทีมงานทหารที่กองทัพอากาศ

        การลงจอดนั้นสุดท้ายเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง

16 คนของทางการสหรัฐฯ ให้การต้อนรับ เป็นนักการเมือง

เจ้าหน้าที่ระดับสูง เจ้าหน้าที่ทหาร ยานอวกาศของมนุษย์ Ebens

ถูกเปิดออก เขาเดินลงมาจากยานตามทางเดิน

เขามาพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารบางอย่างที่จะทำให้สามารถสื่อสาร

กับมนุษย์ได้อย่างคร่าว ๆ ลัักษณะคล้าย ๆ คทา คือเป็น

เครื่องแปลภาษาไม่เีพียงเท่านั้นครั้งนี้แล้วมนุษย์ Ebens

ยังได้มอบของขวัญอีกชิ้นให้กับชาวโลกด้วย

ยังจำได้ไหมของขวัญชิ้นแรกที่เขามอบให้คือยานอวกาศของเขาที่

ให้เรามาแกะเทคโนโลยี ส่วนของขวัญชิ้นที่สองนี้เรียกว่า

สมุดปกเหลือง "Yellow Book" การมาครั้งนี้มนุษย์ Ebens

บอกว่ายัง คือยังไม่รับมนุษย์โลกไปยังดาวเขาตามโครงการ

Exchange Programe

แต่มาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและขอรับศพนักบินของเขาทั้งสิบคน

ที่ประสบอุบัติเหตุในปี ค.ศ.1947 กลับไป

การพบปะครั้งนี้แหล่งข่าวกล่าวว่าใช้เวลาโดยประมาณ 4 ชั่วโมง


"Yellow Book" เป็นเทคโนโลยีอันสุดล้ำของมนุษย์ต่างดาว Ebens

เป็นวัตถุมีขอบเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ ขนาด 8 x 11 นิ้ว

หนาประมาณ 2.5 นิ้ว ดูใส ๆ ถ้ายกขึ้นมาแล้ว

จะมีภาพปรากฎเป็นภาพสามมิติและดูเหมือนจะมีข้อความด้วย

ประมาณ 80 ภาษา อธิบายถึงจักรวาล ดวงดาว

ชีวิตของมนุษย์ ebens ดาวของเขา

อธิบายว่าเขามาเยี่ยมโลกของเราเมื่อประมาณสองพันกว่าปีมาแล้ว

ประวัติศาสตร์ของโลกเป็นภาพไปเรื่อย ๆ

หนังสือเล่มนี้อธิบายไปเรื่อย ๆ ไม่มีจบ แต่ว่าที่บอกว่าไม่มีจบก็คือ

หากว่าคนอ่านวางวัตถุนี้ลงไปเมื่อไร ถ้ายกขึ้นมาอีกทีเพื่ออ่าน

วัตถุนี้จะอธิบายเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ก็คือไม่มีที่คั่นหน้าหนังสือ

เจ้าหน้าที่ DIA ที่มีโอกาสได้เห็นและได้อ่านกล่าวว่า

เขานั่งอ่านนั่งดูไปสองวันติดกันโดยไม่ได้วางหนังสือเล่มนี้ลงเลย

ภาพก็ยังคงปรากฎขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง

ฉะนั้นจึงไม่สามารถทราบแน่ชัดว่าหนังสือเล่มนี้จะไปจบลงตรงที่ใด

เพราะว่าเขาจะอ่านต่อไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ไม่ได้ เขาต้องพักผ่อน

ต้องนอนนั่นเอง


        มนุษย์ Ebens กลับมาอีกครั้งใีนปี ค.ศ.1965 เดือนกรกฎาคม

วันที่ 16 เพื่อให้การลงจอดครั้งนี้เป็นความลับและไม่เป็นที่ผิดสังเกตุ

กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในรอบ ๆ

บริเวณที่จะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้ จึงจำเป็นต้องนำเครื่องบิน

U-2 และเครื่อง SR-71

จำนวนหลายเครื่องทีเดียวขึ้นทำการบินทำให้ดูเสมือนเป็นการ

ฝึกซ้อมของกองทัพตามปกติ และเป็นการฝึกซ้อมหลอก ๆ

บุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมาเห็นยานพาหนะของมนุษย์

Ebnes ที่จะลงจอดนั่นเอง ครั้งนี้มนุษย์ Ebens

ลงจอดยานพาหนะของพวกเขาได้ถูกจุดคือที่

Nevada Test site มาเพื่อจุดประสงค์ Exchange Programe

และจะนำมนุษย์ Ebens จำนวน 1 คนมาแลกเปลี่ยนด้วย

คือทางการไม่ต้องการให้ไปจอดในสถานที่แห่งเดิมที่ยานอวกาศมา

ในปี 1964 เนื่องจากเกรงว่าข่าวจะรั่ว จึงขอแจ้งสถานที่ลงจอดใหม่

แหล่งข่าววงในบอกว่าวันนี้ จริง ๆ แล้ว

มีบุคคลระดับสูงของอเมริกามาด้วย แต่หลบอยู่หลังฉาก

ไม่ปรากฎตัว



สิ่งของสัมภาระที่นำไปด้วย

และที่ลืมไม่ได้บทสวดของพระในนิกายทิเบต มนุษย์ Ebens

กล่าวว่านี่เป็นเสียงเพลงบนดาวของเขา จะเป็นโทนเสียงนี้



      ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น คือวันที่ 16 กรกฎาคม 1965

กล่าวว่า ยานอวกาศที่มาลงจอดในวันนั้น เป็นยานพาหนะที่ใหญ่

มาก ๆ ทีเดียวน่าจะเรียกว่าน้อง ๆ กับยานอวกาศที่เห็นในภาพยนต์

The independence Day ได้เลย มากันสองลำ

นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจึงอนุญาตให้นำสัมภาระไปได้มากขนาดนี้

คือนำสัมภาระไปได้ 90,500 ปอนด์ มีทั้งสิ้นสามชั้น

สัมภาระถูกขนเข้าไปชั้นแรก นักบินทั้งสิบสองอยู่ชั้นที่สอง

ส่วนมนุษย์ต่างดาวที่บังคับยานอยู่ชั้นบนสุด

มาทราบภายหลังว่าแท้จริงแล้ว

หลังจากภาระกิจทั้งหมดเสร็จสิ้นในระยะเวลา 13 ปี(ค.ศ.1978)

จากปากคำของนักบินทั้งหมดที่มีชีวิตรอดเดินทางกลับมา

เดือนสิงหาคม ค.ศ.1978 นักบินที่รอดชีวิตเดินทางกลับมา

มีทั้งสิ้น 8 คน(ถูกกักตัวไว้เพื่อสอบปากคำเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม)

สองคนเสียชีวิตไปคนแรกเสียชีวิตระหว่างการเดินทางเที่ยวไป

ส่วนอีกคนเสียชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุบนดาวดวงนี้

ส่วนอีกสองคนสมัครใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปบนดาวดวงนี้

กล่าวว่ายานอวกาศลำนี้ไม่ใช่ยานพาหนะที่จะพามนุษย์โลกทั้ง 12

คนไปยังดาวของเขาครับ เป็นเพียงแค่ยานรับส่ง เรียก

Shuttle UFO


(ภาพด้านบนนี้เป็นภาพจากแฟ้มลับ ถูกถ่ายโดยนักบินอวกาศคนแรกที่ก้าวเท้าลงไปเหยียบบนดวงจันทร์ คือ Neil Armstrong วัตถุที่เห็นนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยฟุตเลยทีเดียว ซึ่งวัตถุนี้สร้างความตื่นตะลึงกับนักบินอวกาศทั้งสามในโครงการ Apollo 12 เป็นอย่างยิ่ง มันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ามนุษย์โลกเรานี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่ไปถึงดวงจันทร์ของเราเอง วัตถุนี้ตามขนาดแล้วเทียบเคียงได้กับ Shuttle UFO เลย)


เพราะว่าอีก 6 ชั่วโมงหลังจากที่ยานนี้บินขึ้น

ยานนี้จะต้องเข้าไปเทียบท่ากับยานแม่ เรียก Mother UFO

ยานแม่ของพวกเขานี้ลอยลำอยู่ระหว่างจุดใดจุดหนึ่งในอวกาศ

ซึ่งอยู่ระหว่างดวงจันทร์ของเรา กับ ดาวอังคาร

ซึ่งยานลำแม่นี้ละที่จะเป็นยานอวกาศที่จะพาบุคคลทั้ง 12

ไปยังดาวของพวกเขา ยาน Shuttle UFO ที่ว่าใหญ่มาก ๆ แล้ว

สามารถบินเข้าไปเทียบท่าจอดอยู่ในยาน Mother UFO ได้เลย

ยานแม่ของเขาเรียกว่าใหญ่จนน่าทึ่งทีเดียว (ให้การกล่าวว่า That

THE ALIEN CRAFT WAS ENORMOUS.)



   ถอดจากคำให้การของนักบินคนหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์ไว้

       หมายเลข 899 และ 203

จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาวุธที่นำขึ้นเครื่องไป 700 และ 754

จะเป็นตรวจสอบความพร้อมของเราทั้งหมดก่อนขึ้นยูเอฟโอลำนี้

   โอเคทุกอย่างพร้อมสััมภาระถูกนำขึ้น ยูเอฟโอลำนี้แล้ว

แต่อย่างไรก็ตามถึงจุดนัดหมาย(นอกโลก)

เราจะถูกย้ายไปยังยูเอฟโออีกลำ ตื่นเต้นมาก

ข้างในยูเอฟโอลำนี้ใหญ่มาก มีสามชั้น

ซึ่งต่างจากยูเอฟโอลำแรกที่เราเูห็นหรือถูกฝึกมาอย่างสิ้นเชิง

ยูเอฟโอลำแรกนั้นน่าจะเป็นแค่ Scout UFO

หรือยูเอฟโอสอดแนมเสียมากกว่า ลำนี้น่าจะเรียกว่า Shuttle UFO

หรือยูเอฟโอรับส่ง สัมภาระทั้งหมดที่ขึ้นเครื่องมาถูกบรรจุอยู่ชั้นล่าง

ส่วนพวกเราโดยสารอยู่ในชั้นที่สอง

และนัักบินที่ควบคุมยูเอฟโอลำนี้(มนุษย์ Eben)

บังคับยานอยู่ชั้นบนสุด

ผนังของยูเอฟโอดูแปลกมากเหมือนกับจะเป็นภาพที่มีมิติ

ที่ที่เขาจัดให้เรานั่งมีลักษณะไม่เหมือนที่นั่ง(Seat)

แต่น่าจะเรียกว่าม้านั่ง(ฺิBench) เสียมากกว่า คือ แบ่งเป็นสามแถว

นั่งแถวละ 4 คน

ซึ่งพวกเราคงจะนั่งในที่นั่งของนักบินไม่ได้เพราะว่ามันดูเล็กมาก

และก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษให้เรา คือไม่มีทั้งหมวกนิรภัย หรือ

อ็อกซิเจน ไม่มีสายรัดเข็มขัดรัดเหมือนเครื่องบิน

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร จะออกไปนอกโลกด้วยสภาพนี้ได้

โอเคสุดท้ายออกเดินทาง ประตูถูกปิดลง มีไม้กั้นมาช่วยกั้นเรา

ข้างในยูเอฟโอไม่มีหน้าต่างพวกเ่ีีีรามองไม่เห็นข้างนอก

เครื่องยนต์ยูเอฟโอเริ่มทำงาน

ลักษณะเครื่องยนต์กล่าวว่าลักษณะเป็น energy thruster

คือเป็นรูปแบบของพลังงานขับดัน ไม่ใช่ engine thruster

หรือเครื่องยนต์ขับดันอย่างเช่นยานพาหนะที่มนุษย์บนโลกใช้ ๆ กัน

สุดท้ายยูเอฟโอบินขึ้น


         475 ดูมีท่าทางตื่นเต้นประสาทมาก ซึ่ง 700 สังเกตุเห็นได้

ซึ่งแปลกที่สังเกตุได้คือ เรารับรู้ว่ายานพาหนะนี้กำลังเคลื่อนที่

(อย่างแน่นอน) แต่ที่แปลกกว่าคือภายในยานพาหนะลำนี้

ดูเหมือนไม่มีอะไรที่ขยับเลย ไม่เหมือนกับรถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน

ที่หากยานพาหนะเหล่านี้มันเคลื่อนที่แล้ว สิ่งของในรถ เรือ เครื่องบิน

หรือคนก็คงจะต้องขยับบ้างไม่มากก็น้อย

ยานพาหนะลำนี้มันนิ่งเสียจนเราสามารถจะเขียนหนังสือได้สบาย ๆ

เลยทีเดียว แต่รู้สึกได้ว่ามีอาการคลื่นเหียน จนหมายเลข 102

ซึ่งนั่งติดกับผมอยู่มีอาการหน้ามืดออกมา อีกอย่างที่แปลกคือ

เรายังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ขาดอากาศไปเสียก่อน

และก็ยังอยู่ในสภาพที่มีน้ำหนัก

ซึ่งหากเดินทางมากับกระสวยอวกาศธรรมดาในสภาพนี้เห็นคงจะ

ต้องเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว


        ประมาณวันที่สอง ไม่แน่ใจว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนในอวกาศ

แต่อาการคลื่นเหียนมึนคงยังคงมีอยู่

ตอนที่เราออกเดินทางนาฬิกาบนข้อมือบอกว่าเป็นเวลา 13.25 น.

ตอนนี้นาฬิกาบนข้อมือเป็นเวลา 19.39 น. ไม่แน่ใจเรื่องวันที่

ยานพาหนะของเราที่โดยสารมา

บินเข้าจอดเทียบท่ากับยานยูเอฟโออีกลำที่ใหญ่กว่ามาก

ก็คงจะเป็นยานแม่ (Mother UFO)


(ภาพบนนี้เป็นวัตถุที่ถูกยานอวกาศ Voyager 1 บันทึกไว้ได้ปรากฎอยู่ที่ในบริเวณวงแหวนของดาวเสาร์ ขนาดของมันใหญ่พอ ๆ กับโลกของเราเลย เรียกว่า Luminous Source เคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งได้ในบริเวณของวงแหวนดาวเสาร์ วัตถุนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสรุปแน่ชัดว่าเป็นอะไรแน่ เป็นไปได้ว่าจะเป็น ยูเอฟโอชนิดหนึ่ง เรียก Mother Ship UFO)



พวกเราทั้งหมดถูกสั่งให้ลุกขึ้น

มีมนุษย์ Ebens หลายคนเข้ามาช่วยเหลือเรา

ดูเหมือนว่าเขาจะรู้อาการของเราเหมือนกัน

สัมภาระถูกทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังยูเอฟโอลำใหญ่นี้

ยูเอฟโอลำใหญ่นี้ท่าจะใหญ่มากจริง ๆ

ขนาดเรามองขึ้นไปบนเพดานของยูเอฟโอลำนี้และประเมินแล้วน่าจะ

สูงถึงระดับ 100 ฟุตเลยทีเดียว

เราทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังอีกจุดของยูเอฟโอลำใหญ่นี้

ใช้เวลาเดินไปนานประมาณ 15 นาที(ใหญ่จริง ๆ)

ก็ถึงยังสถานที่ที่พวกเขาจัดไว้สำหรับพวกเรา เก้าอี้ใหญ่ขึ้น

แต่มีแค่ 10 ที่นั่ง

โอเคผมคิดว่าอย่างไรเขาคงจัดที่ต่างหากให้เราอีกสองที่นั่ง

พวกเราเริ่มหิว น่าจะนำอาหารนักบินออกมาทาน สื่อสารกับมนุษย์

Ebens

สองคนที่มาช่วยเราไม่รู้เรื่อง มนุษย์ Eben

ที่เป็นล่ามแปลภาษาหายไปไหนก็ไม่รู้ได้ หมายเลข 420

พยายามสื่อสารกับเขาด้วยภาษาของเขาคือออกเสียงสูง ๆ

แต่มันก็ไม่รู้เรื่องและดูตลกมากด้วย

บอกกับเขาว่าเราอยากจะทานอาหาร ด้วยภาษามือ เขารู้เรื่องดี

นำภาชนะใส่อาหารที่มีอาหารของพวกเขามาให้ ดูคล้าย ๆ เห็ด

และข้าวโอ๊ต 899 จะขอเป็นคนแรกที่ทดลองทานดูก่อน

รสชาดบอกว่าคล้าย ๆ กับกินกระดาษ


    สุดท้าย มนุษย์ Eben ที่เป็นล่ามแปลภาษาปรากฎตัวขึ้น

บอกกับเราว่าการเดินทางไกลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นเีร็ว ๆ นี้

พวกเราคิดกันว่าการรับประทานอาหารเข้าไปตอนนี้อาจจะ

ไม่เหมาะนัก

เขาแนะนำกับเราอย่างหนักแน่นว่าให้นั่งในที่ที่เขาจัดไว้ให้กับเรา

โดยเฉพาะ อย่าลุกหรือเดินไปไหน

ที่ที่เรานั่งดูเหมือนจะเป็นลูกโป่งหรืออะไรบางอย่างที่เป็นทรงกลม

(Bubble or sphere) มองเห็นข้างนอกได้

เราสามารถมองเห็นและหายใจได้ตามปกติ แต่ค่อนข้างจะมึนงงมาก

ผมเผลอหลับไปด้วยอาการแปลก ๆ นี้

ตื่นขึ้นมาอีกทีประมาณหนึ่งชั่วโมง

แต่ผมคิดว่าเวลาคงจะผิดไปหมด น่าจะเป็นอีกวันมากกว่า

อุปกรณ์บอกเวลาของเราอยู่ในสัมภาระของเราซึ่งจะอยู่อีกจุดหนึ่ง

ในห้องเดียวกันนี้ ตอนนี้เรายังอยู่ใน Sphere

ของเราแต่ละคนก็รู้สึกดีเหมือนกัน หมายเลข 899

ดูเหมือนจะรู้วิธีที่จะออกจาก Sphere นี้ได้เขายืนขึ้น และเปิด

Sphere ให้ผม ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเราสองคนควรจะออกจาก

Sphere นี้ดีหรือไม่ เพราะมนุษย์ Eben

เขาเตือนเราแล้วให้เราอยู่แต่ในนี้ มีมนุษย์ Eben คนหนึ่งเดินมาเห็น

เขามองมาที่เราและก็จากไป

มองไปที่เพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นเห็นว่านอนหลับกันหมด

เราสองคนลองเดินสำรวจพื้นที่ในห้องนี้

ผมไปนำอุปกรณ์บอกเวลาออกมาจากสัมภาระ

อุปกรณ์บอกว่าเราเพิ่งเดินทางมาได้แค่ 24 ชั่วโมง

หรือมากกว่าก็น่าจะเล็กน้อย แต่สำหรับเรามันดูเหมือนนานมาก

ในห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง ตอนออกเดินทาง มนุษย์ Eben

บอกกับเราว่าการเดินทางไปยังดาวของเขาใช้เวลาที่หากนับเป็น

เวลาบนโลกแล้วจะอยู่โดยประมาณ 270 วันของโลกมนุษย์

แต่ที่นี่มันเป็นอวกาศ เป็นคนละสถานที่บนโลกมนุษย์

เพราะฉะนั้นแล้วเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก็ไม่อาจจะทราบได้

มนุษย์ Eben คนหนึ่งเดินมาเห็นเรา เขาชี้นิ้วไปตรงที่นั่งเรา

อันนี้ก็อนุมานได้ว่าเขาให้เรากลับไปยัง Sphere ของเราน่าจะดีกว่า


         ก็เป็นเพราะว่าตอนนี้เราบอกไม่ได้ว่ามันเป็นวันไหนเวลาไหนแล้ว

หลายเวลาผ่านไปโดยไม่อาจจะบอกได้ ผมบันทึกวันที่ไม่ได้แล้ว

มันหลงวันและเวลาไปหมดบอกอะไรไม่ได้ อาการคลื่นเหียน มึนงง

ท้องไส้ปั่นป่วนยังคงเป็นกันอยู่ทุกคน หมายเลข 700 และ 754

แจกยาแก้แพ้กับเรา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ดีขึ้นเท่าไร

อาการคือไม่รู้บนรู้ล่าง นั่งก็งง ๆ และก็หลับไปอย่างงง ๆ ทุกครั้ง

ยาช่วยได้เพียงเล็กน้อย 700 และ 754

แนะนำให้เราทานอาหารและน้ำดื่มที่นำมาเอง ให้มากขึ้น

ก็ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ผมเริ่มเขียนอะไรไม่ได้มันงงมาก


      หลายวันต่อมา มนุษย์ Eben เข้ามาเยี่ยมเรา

เขาทำอะไรบางอย่างกับห้องของเรานี้

ก็ทำให้อาการมึนงงของเราเริ่มดีขึ้น เริ่มทานเริ่มดื่มได้มากขึ้น

เขาเริ่มยอมให้เราออกมาจาก Sphere ได้

แต่อย่างไรก็ต้องกลับเข้าไปเป็นบางครั้ง ก็คือว่าในห้องนี้

มีแผงไฟอยู่ ก็จะแสดงไฟมีสามสีด้วยกัน คือ สีเขียว สีแดง

และสีขาว ถ้าแผงไฟนี้ขึ้นเป็นสีแดง เราทั้งหมดจำเป็นต้องอยู่ใน

Sphere ของเรา ถ้าเป็นสีขาวแปลว่าโอเค พอจะออกมาได้

แต่เขาไม่ได้อธิบายถึงสีเขียวว่าหมายถึงอะไร

แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่ดีอย่างแน่นอน เขาไม่อธิบาย


      ไม่แน่ใจวันนี้เป็นวันที่เท่าไร แต่นาฬิกาเราบอกว่าเป็นเวลา

23.19 น. หมายเลข 633

บอกว่าเราน่าจะเดินทางมาได้แค่เพียงสิบวันตามความเข้าใจ

ของเขา ก็เนื่องด้วยเราถูกกักให้อยู่แต่เพียงในห้องนี้

และตามความเข้าใจของเราแล้ว ห้องนี้นี่ละน่าจะเป็นห้องที่มนุษย์

Eben

เตรียมหรือสร้างไว้เฉพาะสำหรับพวกเราที่เป็นมนุษย์เพื่อให้พวกเรา

ปลอดภัยที่สุด

เขาถึงไม่ค่อยจะยอมให้เราเดินไปยังจุดอื่นบนยูเอฟโอลำนี้ได้

เราปรึกษากันแล้วคิดว่าอยู่ในห้องนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด

ในห้องมีสภาพปกติ ไม่ใช่สภาพไร้น้ำหนักเหมือนกับอยู่ในอวกาศ

แต่เวลาเดินในห้องนี้ดูจะงงนิด ๆ

ในห้องดูเหมือนจะปรับความดันอยู่ด้วย เพราะว่าเรารู้สึกหูอื้อ ๆ

แต่ถ้าขืนต้องนั่งในห้องนี้เป็นเวลา 270 วัน มันก็คงจะน่าเบื่อ

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก อีกอย่างสัมภาระของเรา 90,500 ปอนด์

ก็ถูกเก็บไว้ยังอีกสถานที่หนึ่ง


        จริง ๆ แล้วพวกเราอยากจะอาบน้ำ ไม่ได้อาบน้ำมานาน

หาห้องอาบน้ำไม่เจอบนยูเอฟโอลำนี้

ที่มนุษย์ Eben ให้มาจะเป็นภาชนะโลหะใช้สำหรับการเก็บสิ่งขับถ่าย

ซึ่งพวกเขาจะจัดการให้กับสิ่งปฎิกูลของเรา มนุษย์ Eben

นำอาหารให้เราทาน

แต่อาหารของพวกเขาไม่่ค่อยถูกปากเราเสียเลย

มันรสชาดคล้ายกับกระดาษจริง ๆ

แต่เราคิดว่าอาหารเหล่านี้น่าจะเป็นอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ

ในอวกาศ หมายเลข 700

พยายามอย่างที่สุดที่จะทำความคุ้นเคยกับอาหารเหล่านี้

แต่กลับทำให้เขาปวดท้องเป็นบางครั้ง เครื่องดื่มที่มนุษย์ Eben

นำมาให้เราดื่ม สีเหมือนนม แต่แปลกรสชาดคล้าย ๆ น้ำแอปเปิ้ล

ก็พอดื่มได้ บันทึกในสมุดเลย 


   จะบ้าหรือ ยูเอฟโอลำนี้เป็น Mother Ship

ขนาดของมันกว้างใหญ่ไพศาล แต่กลับบังคับให้มานั่ง ๆ นอนแต่ใน

Sphere แคบ ๆ ไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าเราเดินทางมาได้สัก 25 วัน

แต่ว่าจะให้นั่งไปอย่างนี้เรื่อย ๆ คงจะแย่แน่ ๆ เราน่าจะได้พักบ้างสัก

5 วัน นะ ว่าแล้วต่างคนก็พากันเปิด Sphere

ของแต่ละคนและออกมาเดินเล่น

และก็ได้ผลจริง ๆ แต่เป็นผลร้าย คือ มึนงง คลื่นไส้ สับสน

บางคนถึงกับเดินต่อไปไม่ได้ หนักถึงขั้นปัสสาวะลำบาก

แต่แปลกเหมือนกัน ที่หมายเลข 700 และ 754

ที่ยอมจะทานอาหารของมนุษย์ Ebens เข้าไปพอควร

กลับจะแสดงอาการที่น้อยกว่า ทันใดนั้นมนุษย์ Ebens

คนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถืออุปกรณ์บางอย่างด้วย

เขาปล่อยแสงสีน้ำเงินออกมาจากอุปกรณ์นั้นมายังศีรษะของพวกเรา

หลังจากที่เราได้รับแสงนั้นแล้ว

มันทำให้อาการของพวกเราดีขึ้นอย่างมาก ๆ เลยทีเดียว


      ก็เป็นเช่นเดิมเขาชี้นิ้วให้เรากลับไปยังที่นั่งที่เขาจัดไว้ให้

พวกเราแสดงให้เขาเห็นว่าภาชนะขับถ่ายที่เขาให้เรามานั้นมันจะ

เต็มแล้ว และก็ชี้นิ้วไปยังที่นั่งของเรา

ด้วยจะเป็นเชิงถามเขาว่าเพราะเหตุใดจึงต้องให้แต่เรานั่งอยู่ในที่นั่ง

ตรงนี้ ดูเหมือนมนุษย์ Ebens

พอจะเข้าใจการสื่อความหมายท่าทางของพวกเราดี

เขากลับออกไปและกลับเข้ามาพร้อมกับภาชนะขับถ่ายอันใหม่มา

ให้พวกเรา ไม่เพียงเท่านั้น

เขากลับมาพร้อมกับเหยือกใส่เครื่องดื่มที่เป็นเครื่องดื่มสีขาวขุ่นดู

คล้าย ๆ กับน้ำนม แล้วแสดงท่าทางดื่ม

ก็คือต้องการให้พวกเราดื่มเข้าไป

ซึ่งสุดท้ายพวกเราก็ยอมปฎิบัติตามแต่โดยดี คือ กลับไปยัง Sphere

ของแต่ละคนแล้วดื่มน้ำที่เขาให้มา

หลังจากดื่มเข้าไปร่างกายรู้สึกได้ว่าดีขึ้นมาก ยกเว้นหมายเลข 518

ซึ่งดูเหมือนจะป่วย แต่เราก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะตอนนี้อยู่ใน

Sphere แล้ว


    บันทึก ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเราอยู่ใน Sphere นานเท่าไร

แต่ครั้งนี้มนุษย์ Ebens

เดินเข้ามาและแสดงท่าทางว่าตอนนี้เราออกมาจาก Sphere ได้แล้ว

คราวนี้แปลกคือเราสามารถออกมาจาก Sphere

ได้และเดินได้อย่างปกติโดยไม่มีอาการมึนงง

ตอนนี้เขายอมให้เราออกมาจากห้องนี้ได้แล้ว

ซึ่งเราเดินไปตามทางแคบ ๆ ผ่านห้องโถงใหญ่

น่าจะใช้เวลาประมาณ 20

นาทีได้มาถึงลิฟท์อันหนึ่งซึ่งเป็นลิฟท์ที่เคลื่อนที่ได้เร็วมากจนเรา

รู้สึกได้ ลิฟท์เปิดออกมาโดยเรามาอยู่ในห้อง ๆ

หนึ่งที่ใหญ่มากและมีมนุษย์ Ebens

อยู่ในห้องนี้หลายคนทีเดียวและนั่งอยู่บนที่นั่งของแต่คนละ

เป็นไปได้ว่าห้องนี้อาจจะเป็นห้องควบคุมยานพาหนะลำนี้

(Control Center) มนุษย์ Ebens

ที่พาเรามาแสดงท่าทางให้เราเดินเข้าไปในห้องนี้

ซึ่งเรามองเห็นแผงวงจรควบคุมเครื่องที่แสดงด้วยสัญญาณไฟ

หลายหลากสี เท่าที่มองเห็นจะมีสี่สถานี(Station) ด้วยกัน

โดยแต่ละสถานีจะมีมนุษย์ Ebens ควบคุมอยู่ 6 คน เป็นชั้น ๆ

ลดหลั่นกันไป


      ชั้นบนสุดมีที่นั่งเดียว และมีมนุษย์ Ebens แค่คนเดียวที่นั่งอยู่

ซึ่งตรงนี้เราเข้าใจกันได้ทันทีว่ามนุษย์ Ebens

คนนี้ละที่เป็นผู้บัญชาการควบคุมยานพาหนะลำนี้

ดูเหมือนเขากำลังยุ่งมากทีเดียวกับการบังคับยานพาหนะลำนี้

ลักษณะดูเหมือนจะเป็นจอโทรทัศน์

ที่ประกอบไปด้วยเส้นสีในแนวนอนและแนวตั้ง ดูคล้ายเส้นกราฟ

รวมทั้งอักษรอะไรบางอย่างที่เข้าใจไม่ได้

พวกเราสามารถเดินไปเดินมาในห้องนี้ได้ โดยไม่มีมนุษย์ Ebens

คนใดเลยมาขัดขวางเรา หมายเลข 633 และ 661

ให้ความสนใจกับห้อง ๆ นี้มาก 633 ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วด้วย

ในห้องนี้มีหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง

แต่เรามองออกไปข้างนอกก็มองไม่เห็นมีอะไร มองเห็นเป็นแสงเส้น

ๆ คล้าย ๆ กับว่ายานพาหนะนี้เคลื่อนที่ไปเร็วมาก ๆ

จนมองเห็นจุดแสงเป็นเส้นแสง

เป็นไปได้ว่ายานพาหนะลำนี้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากอย่าง

น่าทึ่ง มนุษย์ Ebens ที่เป็นล่ามแปลภาษาเดินเข้ามาหาเรา

เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษผิด ๆ ถูกไวยกรณ์

อธิบายว่าตอนนี้เราเดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อยู่ในการควบคุม

และอาการของเราจะเริ่มดีขึ้นหากว่าเราผ่านพ้นไปจากคลื่นเวลา

(Time Wave) นี้ ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก

ล่ามแปลภาษาบอกกับเราว่าเราสามารถจะเดินไปที่ไหนของ

ยานพาหนะลำนี้ได้ แต่ข้อแม้ืคือต้องไปด้วยกันหมดทั้ง 12 คน

จะแยกไปไหนคนเดียวไม่ได้


       มนุษย์ Ebens ที่เป็นล่ามแปลภาษา

เขาสอนพวกเราว่าในยานพาหนะลำนี้หากเราจะเดินทางต้องทำ

อย่างไร ก็ง่าย ๆ คือเดินทางไปด้วยลิฟท์(Elevators)

เช่นเดียวกับที่เราเดินทางจากห้องของเรามายังที่ห้องนี้ ง่าย ๆ

คือเข้าไปยัง Elevators แล้ว วางมือข้างหนึ่งลงไปยังแผงควบคุม

ก็จะมีไฟสองสี คือสีขาว กับ ไฟสีแดง

ถ้าวางมือลงไปยังแผงไฟสีขาวหมายถึงให้ Elevators เคลื่อนที่

หรือถ้าจะให้หยุดก็วางมือลงไปบนแผงไฟสีแดง

เราได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายเสียงกระดิ่งซึ่งเราก็ถามเขา

เขาบอกว่าไม่มีอะไร เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของอวกาศนั่นเอง

ก็เราก็เริ่มสำรวจยานพาหนะลำนี้ตามคำแนะนำของเขา

ซึ่งก็ยังทำให้เรางง ๆ อยู่ดีว่า

ยานพาหนะที่มีขนาดใหญ่มหึมาขนาดนี้จะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว

ขนาดนี้ได้อย่างไร หมายเลข 633

ประสงค์ที่จะเห็นห้องเครื่องยนต์ของยานพาหนะลำนี้

ซึ่งล่ามแปลมนุษย์ Ebens ก็ยอมพาไป พบว่าเป็นห้องที่ใหญ่มาก

ประกอบไปด้วยระบบท่อ วัตถุจัดเรียงกันในแนวกลม

จุดกึ่งกลางของวงกลมนี้เห็นเป็นคล้าย ๆ ขดลวด

จากด้านบนมีแสงฉายลงไปบนขดลวดนี้ เครื่องยนต์มีเสียงครางเบา

ๆ หมายเลข 661 ตั้งสมมติฐานว่า

เครื่องนี้เป็นไปได้ว่าเป็นการทำงานระหว่างระบบ Negative matter

และ Positive matter


         เป็นอีกวันที่ผมตื่นนอนขึ้นมาอย่างงุนงง คราวนี้แปลก

ผมไม่ได้อยู่ใน Sphere เดิมแต่อยู่ในอีกที่นอนหนึ่งที่ดูแล้วคล้าย ๆ

กับชามอ่างแก้ว(Bowl)

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

หรือใครเป็นคนพาผมมา

ความคิดแรกก็คือแล้วเพื่อนร่วมทีมคนอื่นละเป็นอย่างไรบ้าง

ผมเปิดด้านบนของชามที่เป็นกระจกออก มันเปิดออกได้ง่าย ๆ

มีเสียงดังเบา ๆ ตอนเปิด ผมไม่ได้อยู่ในห้องเดิมแล้วตอนนี้

เพื่อนร่วมทีมทุกคนอยู่ใน Bowl ของแต่ละคนกำลังหลับอยู่

ขาของผมเมื่อยมาก ผมตรวจสอบดูแล้ว พบว่ามีแค่ 11

ชามอ่างแก้วเท่านั้น มีบางคนในทีมสูญหายไป เขาเป็นใคร

ผมกระหายน้ำมาก แต่หาน้ำไม่เจอ

ตาของผมก็โฟกัสไม่ค่อยได้ด้วย ห้อง ๆ นี้ดูใหญ่มาก

เพดานด้านบนดูคล้าย ๆ กับผ้าคลุมที่นอน

ผนังของห้องไม่แข็งแต่นิ่ม ในห้องนี้ดูแล้วไม่มีวัตถุอื่นใด

นอกจากชามอ่างแก้วที่พวกเรานอนอยู่

มีท่อบางอย่างต่ออย่างชามอ่างแก้วลงไปบนพื้น

มีแสงกระพริบตรงพื้นทุก ๆ ชามอ่างแก้วของแต่ละคน

บนเพดานมีแสงสว่างคล้ายจะอยู่ด้านบนของเพดานอีกที

ผมเปิดชามอ่างแก้วของเพื่อนคนอื่นไม่ได้ด้วย

ตรงนี้ตอนอยู่บนโลกผมพอจะทราบแล้วว่าการเดินทางในอวกาศมี

ผลต่อร่างกายและจิตใจของมนุษย์ได้

แต่พวกเราเดินทางมานานและไกลกว่ามนุษย์โลกคนอื่น ๆ จะมาได้

เราเป็นเหมือนหนูทดลองมากกว่า

ผมมองไปที่นาฬิกาข้อมือมันบอกว่าเป็นเวลา 18.00 น.

แต่ไม่ทราบวัน เดือน ปี ที่มุมห้องมองเห็นจอคล้าย ๆ จอทีวี คล้าย ๆ

กับจะเอาไว้จับอาการของพวกเรา

มีภาษาอะไรบางอย่างที่อ่านไม่ออกบนจอนี้ บนมือตอนนี้มีผื่นขึ้น

ด้วยความมึนงงอย่างมาก จึงกลับเข้าไปนอนต่อใน Bowl 


      ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มีมนุษย์ Ebens อยู่ในห้อง

ชามอ่างแก้วของผมถูกเปิดออก

พวกของเราบางคนออกมาเดินก่อนหน้านี้แล้ว

ผมปืนออกมาจากชามอ่าง มนุษย์ Ebens

แปลภาษามองเห็นผมและเข้ามาหา ผมถามเขาไปว่า

ลูกทีมของผมทุกคนปลอดภัย(Alright) ดีไหม มนุษย์ Ebens

แปลภาษาไม่เ้ข้าใจความหมายของคำว่า Alright

ผมชี้นิ้วไปที่เพื่อนรวมทีมผมและบอกกับเขาว่ามีแ่ค่ 11 คน

แล้วคนที่สิบสองละหายไปไหน มนุษย์ Ebens

แปลภาษาชี้นิ้วไปที่ชามอ่างแก้วชามหนึ่งที่ว่างเปล่า

และบอกว่าตอนนี้เขาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เขาบอกต่อไปว่า เป็นเพราะ

Space Sick หรือจากไปด้วยอาการแพ้อวกาศอย่างรุนแรง

รู้แต่เพียงว่าเราเดินทางกันมาค่อนข้างนาน นานเ่ท่าไรไม่รู้ได้

มนุษย์ Ebens นำอาหารและเครื่องดื่มเหมือนเดิมมาให้พวกเราทาน

ก็ช่วยได้มาก ทำให้อาการของพวกเราดีขึ้น

โอเคตอนนี้อาการเราดีขึ้นพร้อมแล้ว หมายเลข 203 สั่งรวมพล

พบว่าคนที่หายไป คือหมายเลข 308

ซึ่งก็คงจะเป็นคนที่เสียชีวิตไปนั่นเอง มนุษย์ Ebens

แปลภาษากลับมาอีกครั้งแล้วพาพวกเราไปยังชามอ่างแก้ว

ของหมายเลข 308

ร่างของเขานอนอยู่ในชามอ่างแก้วที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับโลงใส่ศพ

หมายเลข 700 และ 754 ต้องการจะตรวจร่างกาย ชันสูตรพลิกศพ

แต่มนุษย์แปลภาษา Ebens ห้ามหรือเตือนเราไว้

บอกว่านำร่างของเขาออกมาไม่ได้

ซึ่งตรงนี้พวกเราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจในคำเตือนนี้สักเท่าไรนัก

ผมแจ้งกับเขาว่า บุคคลทั้งสองนี้เป็นแพทย์

เขาต้องการจะตรวจสอบชันสูตร มนุษย์ Ebens แปลภาษาบอกไม่ได้

เพราะว่ามันอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ หรือว่าหมายเลข 308

เสียชีวิตไปด้วยอาการติดเชื้องั้นหรือ เราควรเชื่อเขาดีกว่า

หมายเลข 700 และ 754 มองเข้าไปในชามอ่างแก้วของ 308

แล้วกล่าวว่าเป็นไปได้ว่าเขาคงจะเสียชีวิตแล้วจริง ๆ

แต่คนอื่นยังคงปกติดูดีอยู่

เป็นไปได้ว่าอาหารของพวกเขาจะช่วยเราได้จริง ๆ

เพราะว่าเราสามารถมีกำลังและคิดได้ตามปกติทุกครั้งที่ทานอาหาร

นี้เข้าไป

ก็ไม่มีใครในพวกเรารู้ว่าพวกเราเข้ามานอนอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร

ทุกคนเริ่มเป็นห่วงสถานภาพของพวกเราเองในตอนนี้ ถึงแม้มนุษย์

Ebens

จะดูเป็นมิตรแต่พวกเขาก็ไม่ค่อยจะยอมบอกอะไรพวกเรามากนัก

หมายเลข 899

เป็นห่วงว่าพวกเราอาจจะถูกพวกเราล็อกเอาไว้ให้อยู่ในห้องนี้เรื่อย ๆ

หมายเลข 633 และ 661

แนะนำว่าเราทุกคนควรจะระมัดระวังตัวเองให้ดี จริง ๆ

สัมภาระของเราก็อยู่ในห้อง ๆ นี้ละ ผมสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม

ตรวจตราสัมภาระว่ายังอยู่ครบถ้วนหรือมีสิ่งใดหายไปบ้างไหม

ตอนนี้บนนาฬิกาข้อมือบอกเวลา 04.00 น. เช่นเดิมไม่รู้วัน เดือน ปี

หมายเลข 899 บอกว่าต้องการพกอาวุธ ผมห้ามไว้

พวกเรานำเข็มทิศออกมา แต่เข็มทิศไม่ทำงาน

นำวิทยุสื่อสารออกมาพกติดตัว

แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะทำงานได้ไหมบนยูเอฟโอลำนี้

ทดลองเปิดใช้ทดลองดู ปรากฎว่ายังใช้ได้อยู่

โอเคเราสื่อสารกันได้แล้วตอนนี้ แต่ก็คงต้องระวังการใช้งานด้วย

เพราะว่าแบตเตอรี่สามารถใช้ได้แค่สองวันเต็มที่

ผมแนะนำให้ทุกคนจดบันทึกทุกอย่างที่รู้และเห็นเช่นเดียวกันกับที่

ผมทำอยู่ หมายเลข 661 ออกความเห็นว่า

พวกเราควรจะทำปฎิทินขึ้นมาใหม่ ให้ตรงกับเวลาของพวกเราในที่นี้

ยานพาหนะลำนี้

         

      ถูกต้องแล้วเป็นความคิดที่ดีมาก

เพื่อไม่ให้หลงวันเวลาไปมากกว่านี้อีก

ก็ทำปฎิทินโดยอ้างอิงกับเวลาบนโลกคือ เป็นวัน สัปดาห์ เดือน ปี

เวลาใช้เวลาบนโลกคือ 1 วันมี 24 ชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งมีเจ็ดวัน

ให้อ่านเวลาจากนาฬิกาบนข้อมือเป็นหลักแล้วสมมติไปได้ตามจริง

โดยอ้างเวลาจากนาิฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 05.15 น. บนข้อมือ

เราจะเริ่มบันทึกอย่างเป็นทางการครั้งแรก

โดยยึดเอาเวลาบนข้อมือที่ 06.00 น. ซึ่งก็คืออีก 45 นาทีข้างหน้า

หมายเลข 518 นำเครื่องตรวจสอบอากาศมาด้วย

เขาเปิดเครื่องนี้ขึ้นและทำการตรวจทดสอบ

พบว่าอากาศที่พวกเรากำลังหายใจกันอยู่ตอนนี้

เป็นอากาศปกติที่เราหายใจอยู่บนโลก(Regular air) 


     โอเค เวลา 06.00 น. เริ่มนับใหม่เป็นวันแรก บนยานพาหนะลำนี้

หมายเลข 661 จะรับมอบหมายให้เป็นผู้รักษาเวลาและปฎิทิน จริง ๆ

เรื่องนี้เราควรจะทำกันมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มทำ

เพียงแต่ที่เราไ่ม่ได้เิริ่มทำแต่แรกก็เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าบนอวกาศ

ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปหมด

ไม่มีอะไรให้อ้างอิงเวลาเหมือนกับตอนที่อยู่บนโลก เช่น พระอาทิตย์

พระจันทร์ ดาว น้ำขึ้น น้ำลง ฯลฯ


       มนุษย์ Ebens แปลภาษาเดินเข้ามาหาเรา แจ้งกับพวกเราว่า

พวกเราใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว เดินพาพวกเราไปยังห้องโถงใหญ่

เดินผ่านส่วนอื่น ๆ ของยานพาหนะลำนี้ พบเห็นอุปกรณ์แปลก ๆ

บนยานพาหนะลำนี้อย่างมากมาย พาพวกเราไปที่ห้อง ๆ

หนึ่งที่มีโต๊ะและมีอาหารวางอยู่ บอกให้เราทานเข้าไป หมายเลข

700 และ 754 บอกพวกเราว่าทานได้ให้ทานเสีย

จานอาหารของพวกเขานั้นดูสีคล้ายเซรามิกแต่ว่ามีน้ำหนักมาก

ผมทานอาหารบางอย่างที่ดูคล้าย ๆ กับซุปสตรู อาหารที่ดูคล้าย ๆ

กับขนมปัง ส่วนเครื่องดื่มบรรจุอยู่ในภาชนะโลหะ

ก็เป็นเครื่องดื่มเดิมที่ดื่ม ๆ กันมานั่นเอง

อาหารของพวกเขารสไม่จัดเลย จืดชืดมาก แต่ทานได้

มีอาหารบางอย่างดูคล้ายผลไม้แอปเปิ้ล

เพียงแต่ว่ารสชาดไม่เหมือน รสหวานและนิ่ม ผมทานไปผลหนึ่ง 


      สุดท้ายมนุษย์ Ebens แปลภาษาเดินเข้ามาหาพวกเรา

และบอกกับพวกเราด้วยภาษาอังกฤษไวยกรณ์ผิด ๆ ถูก ๆ ว่า

ถึงเวลาแล้วให้เตรียมตัว Landing กันได้

ให้กลับไปยังชามอ่างแก้วของพวกท่านเหมือนเดิม และ

ลงไปอยู่ในชามอ่างแก้ว พวกเราทำตามที่เขาแนะนำ

ผมเผลอหลับไป


           ฝาชามอ่างแก้วถูกเปิดออกมา นาฬิกาข้อมือผมบอกเวลา

11.00 น. ผมเดาว่านี่ยังคงเป็นเวลาของวันแรกที่เราบันทึกกันอยู่

ผมปืีนออกมาจากชามอ่างแก้ว มนุษย์ Ebens

บอกกับพวกเราว่าถึงจุดหมายแล้ว พวกเรารวบรวมสัมภาระทั้งหมด

หมายเลข 700 ไม่ลืมที่จะเตือนพวกเราให้ใส่แว่นกันแดดที่พกไป

ทันทีที่เราออกไปข้างนอก พวกเราเดินผ่านห้องโถงใหญ่

จนถึงจุดหนึ่ง ประตูถูกเปิดออก พวกเราอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งที่ใหญ่มาก

สัมภาระจำนวน 90,500 ปอนด์ของพวกเราอยู่ในห้องนี้นี่เอง

ทั้งนี้ยังเห็นยานพาหนะขนาดเล็กของพวกเขา

ซึ่งก็คือยูเอฟโอชนิดลำที่ตกบนโลก หลายลำทีเดียวในห้อง ๆ นี้



       ประตูขนาดใหญ่เปิดออก ข้างนอกแสงสว่างมากทีเดียว

และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เห็นดาวดวงนี้

ดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ไม่ใช่โลกของเรา

พวกเราเดินลงมาตามทางเดินของยานพาหนะลำนี้ มีมนุษย์ Ebens

หลายคนเลยที่กำลังรอต้อนรับเราอยู่ เราเห็นมนุษย์ Ebens

คนหนึ่งที่ร่างกายใหญ่มาก ก็รูปร่างใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น

คือมีส่วนสูงมากกว่ามนุษย์ Ebens คนอื่นประมาณ 1 ฟุต(30 cm.)

เขาเดินเข้ามาหาพวกเราและพูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาเขา คือ

เสียงสูง ๆ ล่ามแปลภาษาแปลให้พวกเราฟัังว่า ยินดีต้อนรับ

ซึ่งนั่นทำให้พวกเรารู้ไ้ด้ทันทีว่าคนคนนี้น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ของ

พวกเขา พวกเราถูกพาไปยังที่เปิด บนท้องฟ้าเหมือนโลกคือมีสีฟ้า

เป็นท้องฟ้าที่ใสมาก บนดินบนพื้นลักษณะเป็นฝุ่น

บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์สองดวงด้วยกัน

ดวงแรกจะสว่างกว่าดวงที่สอง เท่าที่มองเห็นภูมิทัศน์ดูแล้วคล้าย ๆ

ทะเลทราย(พื้นที่รัฐอริโซน่า หรือ นิวเม็กซิโก)

เท่าที่เห็นด้วยสายตาไม่มีพืช มองเห็นเทือกเขาอยู่ไกล ๆ

ก็ดูแล้วเป็นภูเขาฝุ่น ส่วนที่ลงจอดนี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นเมืองหลวง

มองเห็นสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่ใหญ่มาก ดูคล้าย ๆ

ประภาคาร(Tower) ข้างบนของประภาคารนี้มีอะไรบางอย่างตั้งอยู่

ประภาคารนี้น่าจะสูงสัก 300 ฟุตได้ ข้างบนคล้าย ๆ

เป็นกระจกติดตั้งอยู่ สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ

บ้านเรือนดูแล้วลักษณะจะทำด้วยดินเหนียว(adobe or mud)

ก็มีเล็กใหญ่ต่างกันไป ดูคล้าย ๆ กันไปหมดทุกหลัง มนุษย์ Ebens

บนดาวดวงนี้ แต่งกายคล้าย ๆ กัน ยกวันมนุษย์ Ebens

ที่ได้รับมอบหมายให้ไปสำรวจอวกาศจะแต่งกายด้วยชุดเฉพาะเรียก

Dark Blue Outfit


     มนุษย์ Ebens ที่เห็นทุกคนมีเข็มขัดลักษณะเฉพาะเป็นกล่องเล็ก

ๆ ต้องสวมใส่ทุกคน มองไปโดยรอบไม่พบเห็นเด็ก ๆ ชาว Ebens

รูปร่างส่วนใหญ่ใกล้เคียงกันมาก

ทางที่เดินไปก็เป็นฝุ่นเสียส่วนใหญ่มองเห็นรอยรองเท้าแต่ละคนได้

อย่างชัดเจน แสงอาทิตย์บนดาวดวงนี้จ้ามาก ๆ

ถ้าจะไม่สวมใส่แว่นตากันแดดอย่างดีคงจะไม่เหมาะนัก

มองไปโดยรอบนอกจากสิ่งปลูกสร้างและืพื้นที่ที่แห้งแล้ง

ก็ยังไม่เห็นจะมีพืชหรือต้นไม้

ซึ่งผมก็เริ่มสงสัยเหมือนกันว่าแล้วเขาปลูกพืชหรือหาอาหารมา

รับประทานกันอย่างไรแล้วพวกเรายังต้องมาอยู่ที่นี่นานถึงสิบปี

มีมนุษย์ Ebens หลายคนเข้ามาต้อนรับพวกเรา

พวกเขาดูเป็นมิตรมาก แ่ต่ที่น่าทึ่งคือ มีมนุษย์ Ebens

คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษ และพูดได้ค่อนข้างดีด้วย

เราขอตั้งชื่อหรือเรียกเขาคนนี้ว่า EBE2 ก็แล้วกัน

แต่ที่ดูผิดไปก็คือดูเหมือนกับเขาจะออกเสียงตัวอักษร W

ในภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็พอจะสื่อสารได้ EBE2

พูดกับพวกเราว่ายินดีต้อนรับสู่ดาว Serpo

ซึ่งตรงนี้เป็นครั้งแรกของพวกเราที่ได้ทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว

ดาวเคราะห์ดวงนี้ที่เรามามีชื่อว่า Serpo นั่นเอง EBE2

กล่าวกับเราว่ามีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่พวกคุณทุกคนต้องพกติดตัวเสมอ

ว่าแล้วก็ส่งอุปกรณ์ชิ้นนี้ให้ มันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ดูคล้าย ๆ

กับทรานซิสเตอร์ในวิทยุ พวกเราทุกคนติดมันไว้ในหัวเข็มขัด


         อากาศรอบ ๆ ตััวพวกเราตอนนี้เรียกได้ว่าร้อนมาก

หมายเลข 633 ทำการวัดอุณหภูมิของอากาศและแจ้งกับพวกเราว่า

วัดอุณหภูมิขณะนี้ได้ 107 องศาฟาเรนไฮน์ หรือประมาณ 41.67

องศาเซลเซียส ทุกคนถอดเสื้อแจ็คเก็ตชั้นนอกออก เหลือแต่ชั้นใน

มนุษย์ Ebens ดูพวกเราอยู่

บางคนของพวกเขาแต่งกายโดยใ่ส่บางอย่างดูคล้ายกับผ้าคลุมไหล่

ตรงนี้เราก็ถาม EBE2 ไปว่ามันคืออะไร EBE2

บอกว่ามนุษย์ Ebens คนนี้เป็นสุภาพสตรี

ตรงนี้พวกเราจึงเพิ่งทราบว่าพวกเขามีเพศเหมือนกัน

แต่แทบจะดูไม่ออกบอกไม่ได้เลยว่าเป็นชายหรือหญิง

หากดูแต่ลักษณะภายนอก

ต้องดูเครื่องแต่งกายที่เขาสวมใส่จึงจะบอกได้ มนุษย์ Ebens

บางคนสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีสีที่ต่างออกไปจากคนอื่น

ตรงนี้เราก็ถาม EBE2 เขาตอบมาว่าคนนี้เป็นทหาร

คือแต่งเครื่องแบบทหาร EBE2 พาเราชมบ้านเมืองของพวกเขา

ลักษณะคล้าย ๆ บ้านดินเหนียว ข้างในบ้านจะมีห้องเก็บของ

ห้องธรรมดา ห้องทุกห้องถูกสร้างอยู่ใต้ดิน

เขาพาพวกเราไปยังบ้านหรือที่ที่จะให้เป็นที่พักของเรา

ลักษณะประตูทางเข้าดูคล้าย ๆ

กับประตูโรงเก็บระเบิดนิวเคลียร์ที่เห็นบนโลกมนุษย์ ดูเผิน ๆ

คล้ายกับว่าจะทำมาจากคอนกรีตแข็งแต่เอามือจับดูมันกลับจะนิ่ม

กว่า แต่ยังคงความแข็งอยู่ข้างใน

พวกเราเดินเข้าไปในบ้าน เดินตามทางลาดลงไปยังห้องชั้นล่าง

พื้นดูคล้ายกับจะทำจากวัสดุบางประเภทที่พวกเราไม่รู้จัก

ห้องด้านล่างพบว่าเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มาก

บนเพดานมีแสงออกมา คล้ายแสงจากสปอร์ตไลท์

ก็คือพวกเขามีำไฟฟ้าใช้นั่นเอง 

และอากาศตรงนี้ก็เย็นกว่าข้างนอกค่อนข้างมาก สัมภาระของเรา

90,500 ปอนด์อยู่ที่นี้แล้ว

เนื่องด้วยพวกเราจำเป็นต้องตรวจสอบสัมภาระสิ่งของที่นำมาว่าอยู่

ครบถ้วนหรือไม่ พวกเราจึงแจ้งกับ EBE2 ว่า ขอบคุณมาก

แต่ตอนนี้เป็นไปได้ขอความเป็นส่วนตัวกับพวกเราก่อน EBE2

รับทราบในความต้องการของพวกเรา และกล่าวว่าโอเค

ซึ่งพวกเราก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เช่นกันว่า

EBE2 คนนี้ที่พูดกับเราและนำเรามาที่นี่เป็นมนุษย์ Ebens เพศหญิง

ผมถามถึงเรื่องศพของ หมายเลข 308

ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรอยู่ที่ไหนแล้ว แต่ EBE2 ดูเหมือนจะงง ๆ

กับคำถามนี้

ดูเหมือนเขายังไม่รู้เรื่องการเสียชีวิตของคนคนหนึ่งของเรา

เหมือนกัน ผมอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เธอฟัง

ซึ่งก็ดูเหมือนเธอก็เสียใจกับเหตุการณ์นี้มาก

เธอรับปากว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้จาก Trainer ของเธอ

ซึ่งตรงนี้ยิ่งทำให้ผมสับสนขึ้นอีกว่า

หรือว่าเธอคนนี้ถูกฝึกอะไรมาบางอย่างให้เข้ามาในกลุ่มของพวกเรา

สุดท้ายเธอเดินออกจากห้องนี้ไป 


      ผมสั่งรวมพลอีกครั้ง จะมีการประชุมทีม หมายเลข 633

กล่าวว่าเราควรจะเริ่มปฎิทินใหม่บนดาวดวงนี้อีกครั้งหนึ่ง

ขณะนี้เวลาบนข้อมือบอกเวลา 13.00 น.

ให้นับเวลานี้เป็นเวลามาตรฐานของวันที่ 1 บนดาว Serpo นี้


     เราพบว่าปัญหาต่อไปคือเราจะอธิบายเรื่องวิทยาศาสตร์ให้กับ

มนุษย์บนดาว Serpo นี้ให้ทราบได้อย่างไร

เนื่องด้วยเรากับเขามีวิวัฒนาการและความคิดที่ต่างกัน EBE2

ดูจะเป็นมนุษย์ Ebens ที่ฉลาดที่สุดเท่าที่พวกเราเคยเจอมา

ก็ลองกันอย่างง่าย ๆ ด้วยพีชคณิตเบื้องต้น 2 +2 ได้ผลลัพธ์เท่ากับ

4 และทดสอบต่อด้วยพีชคณิตที่ยากขึ้น ดูเหมือน EBE2

จะเข้าใจคณิตศาสตร์ของพวกเราได้ดี เขาอัจฉริยะมาก ๆ

และสามารถคิดหาคำตอบได้เองด้วยตัวเลขที่ยากขึ้น สุดท้ายแล้ว

EBE2 สามารถจะคูณเลข 1000 x 1000

และหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง EBE2 ดีกับพวกเรามาก

เป็นห่วงเป็นใยพวกเรา

เธอเตือนเราเรื่องของแสงสว่างจากดวงอาทิตย์บนดาวดวงนี้ว่า

มันแรงและแสงจ้ามาก

บนดาวดวงนี้ไม่มีกลางคืนเหมือนโลกที่เราเคยอยู่อาศัย

คือจะมีแต่กลางวัน ซึ่งผมก็สงสัยว่าเธอรู้ได้อย่างไร

หรือว่าเธอเคยไปเยือนโลกของพวกเรามาแล้ว หรือเธอมีหนังสือ

มีการศึกษาจากมนุษย์ Ebens คนอื่นที่เคยไปโลกของเรา

เธอเตือนพวกเราว่าจะมีลมแรงมาก

หากว่าดวงอาทิตย์ดวงแรกลับขอบฟ้าไปแล้ว

แต่ดวงอาทิตย์อีกดวงจะไม่มีวันลับขอบฟ้าไปแต่จะอยู่บริเวณแถว ๆ

เส้นขอบฟ้า

ลมที่แรงจะพัดฝุ่นผงเข้ามาในบ้านในที่พักอาศัยของพวกเราได้

ในคืนแรกที่ดวงอาทิตย์ดวงแรกลับขอบฟ้าไปแล้ว

พวกเราถือว่าหมดเวลาไป 1 วัน คำว่าวันนี้ EBE2

ดูเธอจะไม่ค่อยจะเข้าใจมากนัก เธอเรียกเวลานี้ว่า periods of time

พวกเราจะเรียกว่าเป็นเวลากลางคืน พวกเราเข้านอนกัน

เธอเองก็พักผ่อนเช่นกัน แต่เป็นเวลาสั้น ๆ ไม่นานนัก

จากนั้นเธอลุกขึ้นแล้วออกไปทำธุระของเธอ



      พวกเราตื่นนอนขึ้นมาไม่แน่ใจเวลาเวลาใด

เดินออกไปนอกกระท่อม เห็น EBE2 ยืนรอพวกเราอยู่แล้ว

สงสััยเหมือนกันว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราตื่นนอนกันแล้ว

หรือว่าในบ้านหลังนี้ติดตั้งอุปกรณ์ที่เฝ้าสังเกตุพวกเราอยู่

เธอบอกว่าให้ไปสถานที่ทานอาหารกัน เธอไม่ได้ใช้คำว่า Dinning

Hall แต่ใช้คำว่า Eating place แทน พวกเราเรียกรวมพล

เดินเท้าผ่านหมู่บ้านมนุษย์ Ebens

เข้าไปยังสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่งที่ดูแล้วใหญ่มากถ้าเทียบกับบ้านเรือน

ของมนุษย์ Ebens ทั่วไปที่เห็นอยู่ มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะ มีมนุษย์

Ebens หลายคนนั่งทานอาหารอยู่ พวกเรามองมาที่เรา

แต่ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทานอาหารไปเรื่อย ๆ

ตรงนี้ทำให้เราสงสัยเหมือนกันว่า

หรือว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ทานอาหารรวม

คือพวกเขาจะไม่ปรุงอาหารกันเองในบ้านของตัวเอง

อาหารของพวกเขาที่มองเห็นอยู่บนโต๊ะก็เป็นอาหารที่เคยทาน ๆ

กันมาแล้วบนยานพาหนะ

ยกเว้นอาหารบางประเภทยังไม่เคยเห็นไม่เคยทาน

ในชามมีอาหารที่ดูคล้ายผลไม้บางชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

มองเห็นอาหารที่ดูคล้าย ๆ กับชีส รสชาติคล้ายนมเปรี้ยว

พอทานกันได้ ผมลองทานและดื่มก่อนคนแรก

และบอกให้คนอื่นในทีมทานกันได้

ผมแนะนำให้พวกเราทำความคุ้นเคยกับอาหารหรือรสชาดอาหาร

ของมนุษย์ Ebens ให้เร็วที่สุด

เพราะว่าเราต้องอยู่กับพวกเขาเป็นเวลานาน แต่หมายเลข 700

บอกกับพวกเราว่าช่วงแรก ๆ

แนะนำให้ทานอาหารของพวกเขาแค่วันละมื้อก่อนและค่อย ๆ

สังเกตุอาการว่าทานอาหารเขาเข้าไปแล้วจะเกิดความผิดปกติไหม

มีผลเสียต่อร่างกายไหม คือ

มื้อที่เหลือจะทานอาหารของเราที่นำมาจากโลกกันเอง

ส่วนหนึ่งก็คือมันจะเป็นการค่อย ๆ

ปรับร่างกายของพวกเราให้เข้ากับอาหารของมนุษย์ Ebens

อย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป

ไม่ควรทานอาหารของพวกเขาเข้าไปมาก ๆ ทีเดียวในวันแรก ๆ

แบบนี้

โต๊ะอาหารของพวกเขาดูเล็กกว่าโต๊ะอาหารของเราบนโลกมนุษย์

ก็พยายามนับจำนวน มนุษย์ Ebens ในที่นี้

นับได้ประมาณร้อยคนเศษ

ก้มหน้าก้มตารับประทานในจานโดยไม่กวนใจพวกเราแต่อย่างใด

แต่ก็นาน ๆ ครั้งเหมือนกันที่จะเห็นมนุษย์ Ebens

บางคนมองมายังพวกเรา

แต่ตอนนี้เราทั้งสิบสองคนคงจะดูเป็นตััวประหลาดของพวกเขา

เสียมากกว่า ตอนนี้เราทั้งสิบสองคนเป็นผู้มาเยือน

ครั้งหนึ่งพวกเราเคยเรียกพวกเขาว่าเป็น "มนุษย์ต่างดาว"

แต่ว่าตอนนี้พวกเราต่างหากที่ควรจะต้องถูกเรียกว่าเป็น

"มนุษย์ต่างดาว" เพราะว่ามีรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมือนพวกเขาเลย

สำหรับพวกเขาแล้วพวกเราดูแปลกมาก ผมมองเห็น EBE2

กำลังทานอาหารอยู่กับมนุษย์ Ebens คนอื่น ผมเดินเข้าไปหาเธอ

เธอลุกขึ้นยืนแล้วก้มศีรษะให้คล้ายเป็นการทักทาย 


     ในสถานที่ทานอาหารแห่งนี้มีมนุษย์ Ebens

ที่ดูแล้วไม่มีความเหมือนหรือคล้ายกับมนุษย์ Ebens คนอื่นเลย

ด้วยเหตุนี้ผมจึงเดินเข้าไปถาม EBE2 ว่า มนุษย์ Ebens

ตกลงแล้วมีกี่สายพันธุ์กันแน่ แล้วสิ่งมีชีวิต(Creature)

ที่ผมเห็นว่าดูไม่เหมือนมนุษย์ Ebens คนอื่นนี้คืออะไร ตอนแรก

EBE2 ดูจะไม่เข้าใจความหมายภาษาอังกฤษของคำว่า Creature

สุดท้ายผมชี้นิ้วไปยังสิ่งมีชีวิตที่ผมมองเห็นว่าดูแปลก และแล้ว

EBE2 ก็เข้าใจคำถามของผม เธอบอกกับผมว่า

สิ่งมีชีวิตที่คุณเห็นนั้น ไม่ใช่มนุษย์ Ebens แต่เป็นเหมือนคุณ ๆ

นั่นละ คือมาจากดาวดวงอื่น

ตอนนี้แล้วผมก็เข้าใจได้เช่นกันว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์ Ebens

มีปฎิสัมพันธ์ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหลายสายพันธุ์อยู่ และก็คงจะมี

Exchange Programe เช่นเดียวกันกับพวกเราที่มาที่นี่

พวกเราคงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวสายพัันธุ์แรกที่มาเยือนดาวดวงนี้

แต่ว่าเป็นหนึ่งในหลาย ๆ สายพันธุ์ที่ได้มีโอกาสเยือนดาวดวงนี้

และถ้าพวกเราเข้าใจไม่ผิด

พวกเราก็คงจะไม่ใช่สายพันธุ์แรกสุดที่ได้มาเยือนดาวดวงนี้ด้วย


     ผมถามซอกแซกต่อไปอีกว่าแล้วมนุษย์ต่างดาวสายพันธุื์์อื่นที่มา

เยือนดาวของคุณนี้มาจากที่ไหนบ้าง EBE2

บอกว่าก็อาทิมาจากดาวที่ชื่อว่า CORTA

ผมฟังแล้วเธอออกเสียงไม่ชัดก็ให้เธอพูดอีกครั้ง เธอยืนยันคำว่า

CORTA คราวนี้เธอพาผมไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีจอมอนิเตอร์อยู่

ดูแล้วคล้าย ๆ กับจอทีวี เธอวางมือลงไปบนจอนี้ มีภาพปรากฎขึ้น

เป็นภาพดวงดาว ภาพจักรวาล

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นส่วนไหนของจักรวาล

เธอชี้มือไปที่กลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งแล้วบอกว่าตรงนี้คือดาว CORTA

ผมลองถามต่อไปว่าแล้วโลกที่ผมอยู่ละ อยู่ตรงไหน

เธอชี้ไปที่แผนที่ที่อยู่บนจอแล้วบอกกับผมว่า

โลกที่คุณอยู่นั้นอยู่ตรงจุดนี้ ผมคำนวนจุดที่ EBE2 ชี้

หากนำระยะทางจากโลกไปยังจุดที่เธอชี้ดาว CORTA แล้ว

มันไม่ได้ไกลกันมากเลยในแผนที่ของมนุษย์ Ebens

เป็นเพียงแต่ว่าผมไม่รู้ระยะห่างหรือสเกล Scale

ที่แน่นอนของแผนที่ดาวของมนุษย์ Ebens

ว่ามันเป็นอัตราส่วนเท่าไร

เป็นไปได้ว่ามันอาจจะไกลห่างจากกันเป็นสิบปีแสงก็เป็นไปได้

มนุษย์บนโลกมีเทคโนโลยีทางอวกาศที่จำกัดมาก

จำกัดเสียจนไม่สามารถเดินทางไปยังดาวดวงอื่นที่มีสิ่งมีชีวิต

อยู่อาศัยได้ พวกเราเองจึงยังไม่ค่อยจะรู้อะไรมากนัก

ผมถามเธอว่าถ้าผมจะให้นักวิทยาศาสตร์ในทีมผมดูแผนที่นี้จะได้

ไหม EBE2 บอกว่าได้ไม่เป็นไร ผมกล่าวคำขอบคุณเธอ

เธอบอกให้ผมกลับไปนั่งและทานอาหารต่อ อาหารดีมาก

ผมกล่าวกับเธอว่า สถานที่หากเป็นลักษณะนี้แล้ว

ถ้าอยู่บนโลกภาษาของพวกผมซึ่งเป็นทหารเรียกสถานที่ลักษณะนี้

ว่า Chow Hall(ภาษาไทยน่าจะเรียกว่าโรงประกอบเลี้ยง)

หรือสถานที่ทานอาหารสำหรับชาวโลก EBE2

ออกเสียงภาษาอังกฤษคำนี้อีกครั้งเพื่อจำ

นักบินชาวโลกคนนี้คงทำให้เธอสับสนไม่น้อย

เพราะบนโลกมนุษย์แล้ว

สถานที่ทานอาหารสามารถเรียกได้หลายอย่าง หลายลักษณะ

หลายคำเลยทีเดียว เพียงแต่เขาเป็นทหารเลยเรียกไปแบบนี้


     หลังจากทานอาหารเสร็จ

พวกเรากลับมายังที่พักของพวกเราเองอีกครั้งหนึ่ง รวมพล

ประชุมกลุ่ม พวกเราดูดีทุกคน แต่ข้อสงสัยต่อมาืคือ สุขา

ภาษาทหาร(อังกฤษ) เรียกคำว่าสุขาว่า latrines ละมันอยู่ที่ไหน

อยู่แห่งหนใด EBE2 เดินเข้ามาหาพวกเรา

ดูเหมือนกับเขาจะอ่านใจพวกเราออก

พาพวกเราไปยังจุดหนึ่งของบ้านหลังนี้

จุดนี้เป็นจุดที่เล็กมากหากเทียบกับบ้านหลังนี้ มีวัตถุดูคล้าย ๆ

กับหม้อ(Pot)

ซึ่งเราสงสัยกันมากเหมือนกันว่าเราจะทำธุระส่วนตัวกันในภาชนะ

เล็ก ๆ นี้ได้อย่างไร แต่อย่างไรเราคงต้องปรับตัว ภายใน Pot

นี้ดูเหมือนจะมีสารเคมีบางอย่างบรรจุอยู่

หรือจะมีไว้เพื่อใช้ย่อยสิ่งขับถ่าย บอกไม่ได้เหมือนกัน 


            EBE2 บอกให้พวกเราเดินไปบนพื้น

ซึ่งพวกเราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายนี้มากนัก หมายเลข 420

บอกว่าเธอน่าจะหมายถึงให้เราลองออกไปเดินเที่ยวกันดู โอเค

ดีเหมือนกัน ลองออกไปสำรวจ สั่งรวมพล หมายเลข 102 และ 225

ให้อยู่เฝ้าที่พัก หมายเลข 633 และ 661

ให้ไปตรวจสอบเรื่องแผนที่ดาวที่อยู่ในโรงประกอบเลี้ยงที่ EBE2

บอกว่าสามารถมาดูได้ ตรวจสอบอีกทีว่าดาวเคราะห์ CORTA อยู่ ณ

จุดใดของจักรวาลกันแน่ อยู่ห่างจากโลกของเราเท่าไร

หมายเลข 518

รับมอบหมายให้ตรวจสอบอุณหภูมิและสภาพอากาศของดาวดวงนี้

ให้ละเอียดกว่านี้รู้แต่ว่ามันร้อน ร้อนมาก ร้อนตับแลบ หมายเลข 754

เตือนพวกเราให้ระวังเรื่องของแสงอาทิตย์บนดาวดวงนี้

เพราะว่ามันจ้ามาก

รวมทั้งเสื้อผ้าก็ต้องสวมให้มิดชิดป้องกันรังสีอันมหาศาลด้วย

มันทำให้ผมนึกถึงการทดสอบระเบิดปรมานูลูกแรกที่ทะเลทราย

ในรัฐเนวาด้า ปี ค.ศ.1956

ในทะเลทรายภายหลังจากการทดสอบผ่านไป อากาศร้อนมาก

และมีปริมาณกัมมันตภาพรังสีมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากระเบิด

นิวเคลียร์ลูกนี้ หมายเลข 475 รับหน้าที่บันทึกภาพนิ่ง วีดีโอ

หรือสื่ออื่น ๆ

และต้องคอยระวังสื่อที่บันทึกไม่ให้รับผลกระทบจากรังสีภายนอก

ด้วย คือต้องรักษาสิ่งที่บันทึกไว้ได้อย่างดีที่สุด

แล้วเราจะได้ล่างภาพจาก Negative ได้

โดยที่ฟิล์มที่บันทึกไม่เกิดความเสียหายเสียก่อน

(ในอดีตยังไม่มีกล้องถ่ายรูป Digital) ส่วนตัวผมเองจะไปกับ

หมายเลข 225 


      ผมเดินผ่านสิ่งปลูกสร้างหนึ่งที่ใหญ่มากไม่มีประตูปิด

มองเข้าไปดูคล้ายห้องเรียน แต่ไม่มีนักเรียนอยู่ ไม่มีมนุษย์ Ebens

อยู่ ข้างในสุดมีจอมอนิเตอร์ เดินเข้าไปสำรวจแล้ว

เป็นจอมอนิเตอร์ที่บางมาก ไม่แน่ใจว่ามันทำงานอย่างไร

อากาศข้างนอกนี่ร้อนมาก

เดินต่อไปเจอสิ่งก่อสร้างคล้ายประภาคารขนาดใหญ่

คล้ายหอควบคุมการจราจรทางอากาศ

ข้างบนดูเหมือนจะเป็นกระจก

หอนี้เราเห็นมาตั้งแต่เมื่อวานที่ลงจากยานพาหนะแล้ว

เดินไปเจอมนุษย์ Ebens คนหนึ่งยืนอยู่

ผมลองเดินเข้าไปถามเขาว่าุุคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้บ้างไหม

เขาฟังเราไม่รู้เรื่องแต่ดูเขาเป็นมิตร เรามองไม่เห็นบันไดเลย

ก็คือแม้แต่ในบ้านที่พวกเราอยู่หากเป็นทางต่างระดับแล้ว

จะเป็นพื้นเดินที่เป็นทางลาดทั้งหมด เดินต่อไปเจอห้องกระจกกลม

ได้ยินคนพูดภาษาอังกฤษ หันไปอีกทีเจอ EBE2 ยืนอยู่

คุณมาที่นี่ได้อย่างไร ผมถาม หรือว่าคุณมาสำรวจที่นี่เหมือนกัน

เธอตอบว่าใช่ พวกเราเข้าไปสำรวจในห้องกระจกกันเถอะ

พวกเรากับ EBE2 เิดินเข้าไปในห้องกระจกนี้ ประตูปิดลง

มันน่าจะเป็นลิฟท์แก้วเสียมากกว่า

เดินทางขึ้นเร็วมากจนไปถึงสุดด้วยเวลาไม่นานเลย ผมถาม EBE2

ว่าที่นี่คืออะไร EBE2

บอกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสิ่งบอกสัญญาณกับมนุษย์ Ebens

บนดาวดวงนี้ว่า เวลานี้ควรจะทำอะไร ควรจะทำกิจกรรมอะไร

หรือเปลี่ยนกิจกรรม เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับกระจกนี้แล้ว

มันจะส่องลงไปข้างล่าง มองลงไปข้างล่างจึงเข้าใจได้ว่า

แท้จริงแล้ว ประภาคารแห่งนี้อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของเมืองเลย


         ดวงอาทิตย์ในแต่ละวันบนดาวดวงนี้จะเคลื่อนไปเรื่อย ๆ

มันก็จะส่องกับกระจกไปในแต่ละทิศและแสงก็จะสะท้อนลงไป

ข้างล่าง เป็นการบอกหรือระบุกิจกรรมที่มนุษย์ Ebens

ต้องทำหรือต้องเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำอยู่นั่นเอง มนุษย์ Ebens

ทุกคนบนดาวดวงนี้มีหน้าที่ที่ต้องกระทำอย่างชัดเจน คล้าย ๆ

รัฐตำรวจ

หรือสังคมในระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์

หมายเลข 225

ตอนแรกเข้าใจว่าสถานที่แห่งนี้คือนาฬิกาแดดที่บอกเวลาของ

ดาวดวงนี้ ผมชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือผมกับประภาคาร

เป็นความหมายว่าเป็นสิ่งเดียวกัน คือใช้บอกเวลา EBE2

บอกว่าเวลาของคุณบนโลกใช้ไม่ได้แล้วกับดาวดวงนี้


         ผมเองตอนนี้ก็คงต้องยึดประภาคารนี้เป็นเวลาไปด้วย

เพราะว่าผมอยู่บนดาว Serpo

ซึ่งเป็นดาวดวงอื่นที่ไม่ใช่โลกแต่ทั้งนี้แล้วผมก็คงจะโยนนาฬิกา

ข้อมือของผมทิ้งไม่ไ้ด้เช่นกัน

เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่บอกเวลาว่าผมอยู่ที่นี่นานไป หรือน้อยไป

หรือเวลาที่ควรจะไป ควรจะกลับ เวลาที่ควรจะทำ เวลาที่ควรจะนอน

มันเป็นเวลาของชาวโลกที่ต้องยึดเช่นกัน สิบปีบนดาว Serpo

นี้อาจจะนานเป็นล้านปีบนโลกก็ได้ ผมไม่ควรคิดต่อ

ไม่ควรคิดถึงบ้าน ผมมีหน้าที่ภารกิจต้องทำบนดาว Serpo นี้

เป็นไปไม่ได้ละครับที่ท่านจะให้คนคนหนึ่งจากบ้านมาเป็นเวลานาน ๆ

โดยบังคัับให้เขาไ่ม่คิดถึงบ้านหรือครอบครัว ของเขาเลย

และนี่เองเป็นเหตุผลที่ว่าตอนแรกที่รับสมัครบุคคลเพื่อให้เดินทางยัง

ดาวดวงนี้เพื่อปฎิบัติภารกิจ(ถูกปกปิดไว้ก่อน)

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สมัครที่จะสมัครต้องมีุคุณสมบัติแรกสุด

คือต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น

หรือข้าราชการทหารที่มีอายุราชการไม่น้อยกว่า 5 ปี

มันก็คือเรื่องของวินัยนั่นเอง ระเบียบวินัยที่ต้องปฎิบัติ

ซึ่งทหารจะทำได้ดีกว่าและอดทนกว่าพลเรือนทั่ว ๆ ไป

ซึ่งหากเกิดอาการคิดถึงบ้านแล้ว จะส่งผลเสียอื่น ๆ

ตามมาอย่างไม่คาดคิด ทำให้หมดกำลังใจไม่อยากทำงานต่อ,

ซึมเศร้า, เกียจคร้าน, ไม่อยากเข้าสังคมกับคนอื่น,

งานที่ทำไม่มีประสิทธิภาพ ฯลฯ


         ผมกับ หมายเลข 225 ลงลิฟท์มาที่พื้น

เราเดินผ่านไปยังสิ่งก่อนสร้างชนิดหนึ่งที่ใหญ่โตมาก

ลองแวะเข้าไปข้างใน มองเห็นว่ามีพืชอยู่

เป็นไปได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นตึกสำหรับ Greenhouse

หรือเป็นสถานที่สำหรับผลิตอาหารอื่น ๆ ด้วย มองเห็นมนุษย์ Ebens

อยู่ด้านในนี้หลายคนเหมือนกัน เขาจ้องมาที่เรา

แต่พวกเราก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจพวกเขา มีมนุษย์ Ebens

คนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเรา

จากนั้นพูดภาษาอะไรบางอย่างที่เราฟังไม่รู้เรื่อง

ชี้นิ้วขึ้นไปบนเพดานตึก จากนั้นชี้ไปที่ศีรษะของพวกเรา

ผมเองสงสัยว่าเขาต้องการให้เราสวมใส่อะไรบางอย่างถ้าจะเข้ามา

ในตึก ๆ นี้ ผมว่าครั้งนี้ผมคงต้องพึ่งล่ามแปลภาษาแล้ว EBE2

อยู่ที่ไหน ผมลองเดินออกไปข้างนอกดูเผื่อจะเจอเธอ

และแล้วก็เจอเข้ากับ EBE2 จริง ๆ

เพราะเหตุใดเธอคนนี้จึงมักจะรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน

หรือกำลังทำอะไรอยู่ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก

แต่ตอนนี้ผมว่าผมพอจะรู้แล้วละว่าเป็นเพราะเหตุใด

นั่นเป็นเพราะว่าอุปกรณ์บางอย่างที่ตอนลงมาจากยานพาหนะแล้ว

แจกให้พวกเราทั้งหมดพกติดตัวไว้

และพวกเราก็เก็บไว้ตรงหัวเข็มขัดของพวกเรานี่เอง

คืออุปกรณ์บอกตำแหน่งบอกพิกัดของพวกเรา

ทำให้พวกเขาติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ ผมถาม

EBE2 ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร เธอบอกว่ามีไว้สำหรับผลิตอาหาร

ผมเล่าเรื่องที่เจอมนุษย์ Ebens ข้างใน

เขาพูดอะไรบางอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจ EBE2

เดินเข้าไปข้างในพร้อมเราแล้วไปถามมนุษย์ Ebens คนนั้น

มนุษย์ Ebens

คนนั้นแปลได้ความว่าต้องการให้เราสวมใ่ส่อุปกรณ์ป้องกันการ

ปนเปื้อน สุดท้ายเขาเอาชุดที่เหมาะสมมาให้พวกเราใส่

พวกเราเดินสำรวจด้านใน

มองเห็นเป็นสถานที่เพาะปลูกโดยใช้พื้นดิน มีระบบการให้น้ำ

มีวัตถุที่ดูใส ๆ วางบนพืช ผมชี้ไปที่สิ่งที่ดูคล้ายน้ำแล้วถาม EBE2

ว่าสิ่งนี้ใช่น้ำหรือไม่ เธอบอกว่าใช่ ดื่มได้ ผมทดลองดื่มดู

รสชาดไม่คล้ายกับน้ำบนโลกทีเดียวแต่พอดื่มกันได้


       มนุษย์ Ebens ตัวใหญ่

คนที่เป็นหัวหน้าก็คือคนที่ตอนพวกเราลงมาจากยานพาหนะแล้วเจอ

เขาคนนี้ยืนให้การต้อนรับอยู่ เป็นคนที่เด็ดขาดมาก

ท่าทางหรือแม้แต่คำพูดดูแล้วไม่เหมือนกับมนุษย์ Ebens คนอื่น

มันดูเด็ดเดี่ยว มีอำนาจ ดูเผิน ๆ มองคล้ายกับคนก้าวร้าว

หมายเลข 203

ออกความเห็นบอกกับผมว่ามันก็คงต้องเป็นแบบนี้สำหรับคนที่เป็น

ระดับผู้นำคนอื่น ต้องมีความเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ดี

เขาก็ดีกับเรามาก ให้เกือบทุกอย่างที่เราร้องขอ

แต่ทั้งนี้แล้วเขาคนนี้ก็ขอพวกเราอยู่หลายอย่างเหมือนกัน

สิ่งหนึ่งที่พวกเราคิดว่าแปลกก็คือ เขาขอเลือดของพวกเรา

ขอเลือดทุกคนในหมู่พวกเรา EBE2

บอกกับเราว่าเลือดในภาษาเขาเรียก Health Fluid

เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

เพราะว่าเขาจะได้สามารถให้การรักษาพวกเราได้ในกรณีที่

พวกเราเจ็บป่วย แต่หมายเลข 700 และ 754 เห็นต่างออกไป

เขาบอกว่าพวกเขาน่าจะนำเลือดของพวกเราไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น

เสียมากกว่า พวกเราลงความเห็นว่ายินยอมให้มนุษย์ Ebens

นำร่างไร้วิญญาณของหมายเลข 308

ไปใช้เพื่อการทดลองทางการแพทย์ได้


         ก็เกือบจะมีเรื่องใหญ่ให้ทะเลาะกัน ระหว่างพวกเรากับมนุษย์

Ebens เรื่องก็คือ พวกเรายินยอมให้พวกเราใช้ร่างของหมายเลข

308 เพื่อการทดลองทางการแพทย์เท่านั้น

แต่พวกเขากลับสูบเลือดของหมายเลข 308

ออกจนหมดโดยพวกเราไม่ิยินยอม

เป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดมาก พวกเราทั้ง 11

คนอยู่ในสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่งที่เป็นสถานที่เก็บร่างของหมายเลข

308 มีมนุษย์ Ebens หลายคนอยู่ในที่นั้น หัวหน้ามนุษย์ Ebens

ตัวใหญ่ทราบความประสงค์ของพวกเราว่า

ต้องการร่างของเพื่อนร่วมงานหมายเลข 308 ของพวกเรากลับ

เขาบอกกับพวกเราว่า ร่างของ 308 ตอนนี้ถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี

พวกเราคงจะเอาเขาไปไม่ได้หรอกนะ

พวกเราก็ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นกับมนุษย์

Ebens ตัวใหญ่คนนี้ว่า

พวกเราคงต้องนำร่างเพื่อนของเรากลับไปด้วย 6

คนของพวกเราเดินเข้าไปข้างในสิ่งก่อสร้างนี้

พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามเรา

แต่พอเข้าไปข้างในได้เราไม่สามารถเปิดที่บรรจุที่เก็บศพของ 308

ได้ มันคล้าย ๆ กับต้องมีรหัสผ่าน หรือระบบอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ได้

พวกเราตัดสินใจให้หมายเลข 899

กลับไปที่พักเพื่อนำระเบิดที่ติดมาจากโลก

แล้วนำกลับมาที่ตรงนี้เพื่อใช้งาน EBE2 เดินเข้ามาแล้วห้ามไว้

พยายามพูดภาษาอังกฤษว่า please, Beg

พวกเราถอยกลับมาแล้วบอก EBE2 อย่างสุภาพว่า

พวกเราต้องการศพของ 308 กลับไปและชันสูตร EBE2

แปลภาษานี้ให้หัวหน้าตัวใหญ่ของเขาฟัง ก็คุยกันอยู่นานเหมือนกัน

EBE2 เดินกลับมาหาพวกเราลักษณะดูหัวเสีย เธอบอกกับพวกเราว่า

หัวหน้าใหญ่ของเขา ต้องการให้พวกเราไปยังอีกที่หนึ่ง

ซึ่งที่นั่นจะมีมนุษย์ Ebens ที่เป็นแพทย์รออยู่ และมนุษย์ Ebens

ที่เป็นแพทย์คนนี้ละจะเป็นคนอธิบายทุกอย่างที่เราต้องการรู้เกี่ยวกับ

ศพของหมายเลข 308


      ผมบอกกับ EBE2 ว่าถ้างั้นก็ได้ แต่ว่าผมจะต้องทิ้งคนของผม

คือหมายเลข 899 และ 754

เอาไว้กับศพของเพื่อนผมนี้เพื่อความแน่ใจว่าพวกคุณจะไม่

เคลื่อนย้ายมันไปไหน แล้วคนที่เหลือของผมจะตามพวกคุณไป

EBE2 แปลภาษาให้หัวหน้าตัวใหญ่ของเธอฟัง

คราวนี้ทั้งสองคุยกันนานอยู่ทีเดียว EBE2

กลับมาที่พวกเราแล้วบอกว่า

หัวหน้าตัวใหญ่ของเธอต้องการให้พวกเราัทั้งหมดไปกับพวกเขา

เพื่อไปพบแพทย์ของพวกเขา "ไม่ครับ" ผมแจ้งกับ EBE2 ไป

ผมคงจะทิ้งศพคนของพวกผมไว้คนเดียวไม่ได้

เหตุการณ์นี้ตึงเครียดมาก ผมออกคำสั่งให้หมายเลข 518 และ 420

กลับไปยังที่พัก

แล้วให้นำปืนพกทั้งหมดกลับมายังตรงนี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

(As soon as possible could) EBE2 บอกว่าใจเย็นก่อน

ผมแจ้งเธอให้เธอแปลให้หัวหน้าตัวใหญ่ของเธอฟังว่าพวกเราต้อง

การอะไร เธอหันไปทางหัวหน้าตัวใหญ่ของเธอและพูดคุยกัน

ก็คราวนี้คุยกันนานเช่นเดิม แล้วเธอก็หันมาทางเราและกล่าวว่า

หัวหน้าตัวใหญ่ของเธอจะนำมนุษย์แพทย์ Ebens มาตรงนี้เอง

EBE2

บอกกับพวกเราว่าอย่านำปืนมาเพราะว่าคงใช้แก้ไขปัญหาอะไร

ไม่ได้ ผมก็แจ้งกับเธอไปว่าอย่างไรก็ตามพวกของผมจะไม่ไปไหน

ถ้ายังไม่ได้เห็นศพของ 308 


        หัวหน้าใหญ่มนุษย์ Ebens

ทำบางสิ่งบางอย่างกับเข็มขัดที่เขาสวมมา ประมาณ 20

นาทีต่อมามีมนุษย์ Ebens 3 คนเดินทางมายังจุดนี้ 1 ใน 3

ของมนุษย์ Ebens แจ้งว่าเป็นแพทย์

แปลกมากเขาพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย พูดได้ดี

พูดได้ชัดเสียงคล้ายกับคนเลย เสียงของเขาไม่ได้ฟังเป็นเสียง

High pitch เหมือนมนุษย์ Ebens คนอื่น

แล้วทำไมพวกเราไม่เคยเห็นหมอคนนี้

หมอคนนี้พูดความจริงโดยแจ้งกับพวกเราว่า แท้ที่จริงศพของ 308

ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในที่เก็บตรงนี้หรอก คุณไม่ต้องไประเบิดเปิด

และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราทราบว่ามนุษย์ต่างดาวก็สามารถ

พูดโกหกได้เช่นเดียวกันมนุษย์บนโลก


         ศพของ 308

ถูกนำไปใช้เพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่การทดลอง

ในทางการแพทย์ คือถูกนำไปเป็นตัวอย่างในการ Clone

สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ ผมบอกคุณหมอ หยุดก่อนครับ

ศพของหมายเลข 308 นี้ เป็นทรัพย์สิน(Property)

ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา บนดาวโลกของพวกผม

ศพนี้ไม่ได้เป็นทรัพย์สินของพวกท่านแต่อย่างใด ศพของ 308 นี้

ยังไม่ได้รับความยินยอมให้ผู้ใดผู้หนึ่งนำไปใช้ประโยชน์ในทางใด

ทางหนึ่ง ผมเองส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายถึงเรื่องหลักกฎหมาย

กฎเกณฑ์ใด ๆ ของมนุษย์บนโลกให้มนุษย์ต่างดาวที่อยู่โลกอื่นฟััง

ไม่แน่ใจว่ามนุษย์บนดาวดวงนี้จะมีกฎเกณฑ์ กฎหมาย

ลักษณะนี้หรือไม่หรือจะมีแม้แต่กฎหมายหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้


        แล้วตอนนี้ ศพ 308 ไปอยู่ที่ไหน ผมถามขึ้น มนุษย์หมอ

Ebens คนนี้บอกว่า ศพ 308 ตอนนี้ไม่อยู่แล้วละ เลือด

ตัวอย่างเนื้อเยื่อ อวัยวะภายในศพ ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการ

Clone หมด ก็คือ ศพไม่อยู่แล้ว

แต่อวัยวะต่าง ๆ และเลือด

ได้ถูกกลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่ถูก Clone ขึ้น

คำว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่พูดถึง

มันทำให้พวกเราทั้งหมดกลัวขึ้นมาทีเดียว

พวกเขามีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างน่่าทึ่ง

ทีเีีดียว หมายเลข 899 ฟังแล้วก็โกรธมาก ผมสั่งให้ 899

อยู่ในความสงบดีกว่า ผมสั่ง 203 ให้นำ 899

ออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน ตรงนี้ผมมานั่งคิดดูแล้ว หากมนุษย์

Ebens มีเจตนาจะคุมขัง ทรมาน

หรือทำอย่างหนึ่งอย่างใดกับพวกเรา

ก็คงจะเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก

แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรหรือมีพฤติกรรมอย่างนี้กับพวกเรา

กลับมาคิดอีกทีพวกเราไม่ควรทำอะไรให้เกินเลยไปมากกว่านี้

น่าจะเหมาะกว่า คิดง่าย ๆ ตรงไปตรงมาแล้ว เรามีสิบเอ็ดคนตอนนี้

อยู่บนดาวของพวกเขา ไม่มีทางหรอกถ้ามีเรื่องกับพวกเขาแล้ว

เราที่มีกันแค่สิบเอ็ดคนจะไปชนะพวกเขาได้ ศพของ 308

ก็ได้ถูกใช้งานไปแล้ว เรียกกลับคืนมาไม่ได้แล้ว EBE2

บอกให้พวกเราอยู่ในความสงบและทำใจดี ๆ ไว้ ไม่ควรมีเรื่องกัน


       หมายเลข 203 พูดขึ้นว่า

พวกเราควรจะกลับไปยังที่พักของพวกเราแล้วประชุมกันอีกครั้ง

ผมชี้หน้าไปที่มนุษย์ Ebens ตัวใหญ่แล้วบอกว่า

ถ้างั้นพวกผมก็จะไมเข้าไปยุ่งกับเรื่อง ๆ นี้อีก ผมบอกให้ EBE2

แปลภาษาให้เขาฟัง EBE2 ทำการแปลภาษาแล้วสื่อสารกลับมาว่า

ท่านหัวหน้าก็ทราบว่าพวกเราโกรธมาก แต่ก็เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

ก็คงไม่ทำอะไรแบบนี้อีกในอนาคตขอให้พวกเราเข้าใจและยกโทษ

หมอมนุษย์ Ebens ก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน


           พวกเราเดินกลับที่พักอย่างหมดหวััง โดยเฉพาะหมายเลข

899 ผมบอกให้เราทุกคนอยู่ในความสงบไว้น่าจะเหมาะกว่า

อย่าไปทะเลาะกับพวกเขาเลยไม่มีประโยชน์อะไร

อย่าว่าแต่จะไปทำศึกรบพุ่งหรือใช้อาวุธกับพวกเขาเลย

ตอนนี้เราอยู่บนดาว Serpo ซึ่งเป็นดาวของเขา มีกันแค่ 11 คน

แค่ไปต่อยกับคนของเขาก็แพ้ได้แล้ว

ทางที่ดีตอนนี้พวกเราลืมเรื่อง เรื่องนี้กันให้หมด

แล้วหันมาเรียนรู้กันดีกว่าว่าเขาใช้ประโยชน์จาก

308 ทำอะไรกันแน่ มันเป็นเทคโนโลยีอะไร ประเภทใด

เรียนรู้จากเขาให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของพวกเราเอง


       EBE2 เดินเข้ามาในบ้าน

ผมแจ้งกับเธอว่าคนของผมคือหมายเลข 633 กับ 700

ต้องการทราบและอยากจะทราบว่าส่วนที่เหลือของ 308

ถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง คนของผมอยากจะเข้าร่วมการวิจัยด้วย

ความต้องการของผมทำเอา EBE2

ถึงกับหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัดตรงนี้ผมเองก็เพิ่งเคยเห็นอาการ

แบบนี้ของ EBE2 เป็นครั้งแรก EBE2

กล่าวว่าเรื่องนี้คงจะต้องขออนุมัติ(Approval)ก่อน

ศัพท์คำนี้ดูจะเป็นศัพท์ใหม่สำหรับเธอและเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน

เธอใช้คำนี้ หรือว่าเธอมีการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ของพวกเราเสมอ

ผมบอกเธอว่าถ้างั้นคุณก็ทำเสีย

แต่ว่าตั้งแต่วันแรกที่พวกเราเดินทางมาถึงดาว Serpo นี้

พวกเราไม่ได้ถูกจำกัดให้เดินทางไปที่หนึ่งที่ใดไม่ได้นะ

เธอบอกว่าเธอเองคงต้องไปคุยกับหัวหน้า Ebens ตัวใหญ่ของเธอ


       หมายเลข 633 และ 700

จัดเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็นที่เตรียมจะใช้ในงานวิจัยใน

ห้องวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ Ebens ก็ตามเวลาที่ข้อมือเรา EBE2

เธอเดินกลับมาหาเราหลังจากผ่านไปประมาณ 80 นาที

เธอบอกว่าหัวหน้าเธออนุมัติแล้ว

ผมคิดว่าตัวของผมเองก็ควรจะไปด้วย

ก็สุุดท้ายพวกเราทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปยังห้องทดลองของ

มนุษย์ Ebens โดย EBE2 เป็นคนพาไป

เดินทางกันไปโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ไม่มีใบพัด(Helitransport

Device) ยานพาหนะลำนี้จริง ๆ พวกเราก็เคยนั่งกันมาแล้ว

จากการสังเกตุโดยอ้างอิงจากเข็มทิศ(ซึ่งใช้ไม่ได้แล้วตอนนี้)

พวกเรามุ่งหน้าไปทางเหนือ

สถานที่ที่เราไปถึงนี้ใหญ่มากถ้าเทียบกับบ้านเรือนของมนุษย์ Ebens

ทั่ว ๆ ไป ดูแล้วเป็นชั้นเดียวมองไม่เห็นหน้าต่าง

เราลงจอดบนหลังคาของสิ่งปลูกสร้างนี้ เดินลงไปตามทางลาด

ก็ตามที่เคยเล่าผมไม่เคยเห็นบันไดบนดาวดวงนี้

หากเป็นทางต่างระดับก็จะเป็นทางลาดให้เดิน ก็เดินมาจนถึงห้อง ๆ

หนึ่งมีกำแพงสีขาว

เดินผ่านไปยังห้องโถงใหญ่จนถึงห้องใหญ่อีกห้องหนึ่ง

เราเจอหมอมนุษย์ Ebens คนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี

ก็มองเห็นมนุษย์ Ebens

หลายคนกำลังทำงานอยู่พวกเขาสวมใส่ชุดติดกันสีน้ำเงินเข้ม

ก็เป็นชุดที่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปตามที่ได้เคยกล่าว หมอมนุษย์

Ebens กล่าวกับพวกเราว่าการทดลองต่าง ๆ

จะทำเฉพาะในสิ่งปลูกสร้างนี้เท่านั้น

เขาไม่ได้เรียกห้องนี้ว่าห้องปฎิบัิติการทางวิทยาศาสตร์ เอาไว้ใช้

Clone สิ่งมีชีวิต พวกเราถูกพาไปยังอีกห้องหนึ่ง

ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์วางอยู่เยอะมาก

ดูลักษณะบรรจุภัณฑ์เหล่านี้อธิบายเป็นอ่างอาบน้ำที่ทำด้วยแ้ก้ว

ข้างในอ่างแก้วนี้ดูแล้วมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างบางประเภทอยู่ในนั้น

พวกเราทั้งสามเดินเข้าไปดูแล้วตกใจมากทีเดียว

เพราะว่าในอ่างแก้วเหล่านี้มันเป็นสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดเลยที่

ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนไม่ใช่คน ไม่ใช่มนุษย์ Ebens 

เราทั้งสามเดินสำรวจไประหว่างทางเดินของอ่างแก้วแต่ละใบ

ผมถามหมอที่เป็นมนุษย์ Ebens ไปว่าสิ่งที่เห็นเหล่านี้คืออะไรกันแน่

หมอคนนี้ตอบมาว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น

หมายเลข 700

ถามต่อไปว่าแล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตายก่อนที่จะมาถึงดาว Serpo

ใช่ไหม หรือว่าพวกคุณเป็นคนทำให้มันตาย หมอ Ebens

กล่าวว่าเรานำเขามาตอนที่ยังเป็น ๆ อยู่ หมายเลข 700

ถามต่อไปอีกว่า

แล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกพวกคุณลักพาตัว(kidnaped)

มาหรือเขาถูกพามาโดยยัง

ไม่ได้รับความยินยอมที่จะมาเอง หมอ Ebens

ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของศัพท์คำว่า kidnaped

เขาดูจะงง ๆ กับคำถามของเรา หมอ Ebens ถามทวนคำถามนี้อีกที

หมายเลข 700 อธิบายให้ฟังง่ายขึ้นว่า

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกนำมาที่นี่โดยยังไม่ได้รับอนุญาตจากตัวเขาเอง

หรือจากเจ้าของดาวที่คุณไปเยือนใช่หรือไม่ หมอ Ebens

บอกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกนำมาที่นี่เพื่อใช้ทดลองทางวิทยาศาสตร์

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีสติปัญญาที่ไม่สูงนัก สุดท้าย EBE2

เดินเข้ามาแล้วขอใช้คำว่า สัตว์(animals)

แทนเพื่อให้พวกเราเข้าใจง่ายขึ้น โอเค หมอมนุษย์ Ebens

เองก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกับคำว่า animal เหมือนกัน ก็ให้ทาง

EBE2 อธิบายให้ฟัง สุดหมอบอกว่าถูกต้องเป็นสัตว์(animals)

ผมถามต่อไปว่าแล้วถ้างั้นมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาสูงกว่าสัตว์อยู่ใน

สิ่งปลูกสร้างนี้หรือไม่ หมอ Ebens ตอบว่ามี

แต่ว่าพวกเขาเสียชีวิตไปก่อนแล้วก่อนจะเดินทางมาถึงดาว Serpo

นี้ หมายเลข 700 กล่าวว่าถ้างั้นพวกเราขอดู หมอ Ebens

ขอใช้คำว่า being ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงแทนคำว่า animal

หรือสัตว์


        อันนี้ทางนักบินที่บันทึกเขาบันทึกสิ่งที่เห็นไปตามนี้ครับ

สิ่งมีชีวิตที่ดูแล้วมีลักษณะคล้ายเม่นหรือตัวนิ่ม(บนโลก)

แต่ไม่ใช่เม่นหรือตัวนิ่มที่เห็นบนโลก

มีเข็มแทงเข้าไปในตัวมันปลายเข็มยาวลงไปด้านล่างของอ่างแก้ว

อ่างแก้วบางใบมีสิ่งมีชีวิตที่ดูแล้วคล้ายสัตว์ประหลาด(Monster)

คือมีศีรษะที่ใหญ่ ตาลึก ไม่มีหู มีปากแต่ในปากไม่มีฟัน

ยาวประมาณ 5 ฟุตเศษ ด้านล่างมีขาแต่ไม่มีเท้า

ดูเหมือนจะมีแขนแต่มองไม่เห็นข้อศอก มีมือแต่ไม่มีนิ้ว

เช่นเดียวกันสิ่งมีชีวิตนี้มีเข็มจิ้มเข้าไปในตัวมันปลายเข็มก็ไป

ออกด้านล่างของอ่างแก้วนี้


          อ่างแก้วอีกใบผมเห็นอะไรบางอย่างที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไป

เปรียบเทียบกับอะไรได้ ผิวหนังมีสีแดง

มีจุดสองจุดอยู่กลางตัวคล้ายลูกตา ไม่มีแขน ไม่มีขา มีกลิ่นแปลก ๆ

ออกมา ผิวหนังเป็นรอยด่าง ๆ คล้ายปลา 


          อ่างแก้วอีกใบมองเห็นสิ่งมีชีิวิตคล้ายคน

แต่ผิวหนังเป็นสีขาวไม่ใช่สีของคนผิวขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น

ศีรษะใหญ่มากมีสองตา สองหู หนึ่งปาก คอสั้น หน้าอกบาง

ดูเหมือนกระดูกจะยื่นออกมา แขนบิดงอ มีมือแต่ไม่มีหัวแม่มือ

ขาหงิกงอเช่นเดียวกัน มีเท้าแต่นิ้วเท้ามีแค่สามนิ้ว


           ภาพเหล่านี้ทำเอาพวกผมไม่อยากจะมองหรือเดินสำรวจอีกต่อไป

มันน่าสะอิดสะเอียนมาก

พวกเราเดินผ่านอีกห้องโถงหนึ่งไปตามทางเดิน

เดินลงทางลาดสู่ห้องอีกห้องหนึ่ง ที่ดูเหมือนโรงพยาบาล

ก็คือมีเตียงเยอะ

บนเตียงเป็นสิ่งมีชีวิตก็คือครั้งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ

หมอมนุษย์ Ebens

กล่าวกับพวกเราว่าสิ่งมีชีวิตที่เห็นนี้ถูกดูแลเป็นอย่างดี หมายเลข

700 ถามหมอมนุษย์ Ebens

ว่าแล้วสิ่งมีชีวิตที่เห็นในห้องนี้ป่วยอยู่ใช่หรือไม่ EBE2

แปลคำถามให้หมอ Ebens ฟัง หมอตอบกลับมาว่าไม่ใช่

พวกเขากำลังมีชีวิตอยู่ ตรงนี้พวกเราก็งง ๆ กับคำตอบนี้ EBE2

คุยกับหมอแล้วแปลได้ว่า ขอใช้คำว่า Grown ก็แล้วกัน

ก็คือกำลังถูกทำให้เจริญเติบโต หมายเลข 700 ถามหมอ Ebens

ต่อไปว่าแล้วใช่หรือที่ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ก็คือสิ่งมีชีวิตที่ถูก Clone

ขึ้น เขาตอบกลับมาว่าใช่ เปรียบเทียบง่าย ๆ

ได้กับการปลูกต้นไม้ให้โตนั่นเอง


         หมายเลข 700 สงสัยมากถามหมอ Ebens ต่อไปว่าแล้วมัน

Grown ด้วยวิธีไหนทำอย่างไร

หมอตอบว่าก็คือใช้อวัยวะบางส่วนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นมาปลูก

หรือมารวมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตคนละชนิด

เขาอธิบายเป็นภาษาของชาวโลกมนุษย์ไม่ได้เหมือนกัน

ไม่ค่อยรู้ศัพท์ EBE2 สรุปจากหมอให้ฟังง่าย ๆ ว่า นำเอาเลือด

อวัยวะ มารวมกับสารเคมีบางชนิด เขาอธิบายได้ดีที่สุดเท่านี้

มันเป็นวิทยาการที่ซับซ้อนมาก ผมสั่งให้หมายเลข 700

กลับไปเรียกหมายเลข 420 มาที่นี่น่าจะดี ระหว่างรอ

เราสำรวจกันต่อไปเรื่อย ๆ เจอสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ดูคล้ายคนมาก

แต่แปลกศีรษะกลับเป็นศีรษะของสุนัข มันกำลังหลับอยู่

คล้ายกับว่าถูกวางยา หมายเลข 420 มาถึง ผมบอกให้ 420

คุยกับหมอ Ebens คนนี้น่าจะดีกว่า เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด

เพราะว่า 420 พอจะเข้าใจและพูดภาษาของมนุษย์ Ebens ได้แล้ว


     สรุปว่าคำว่า Grown

คือนำเซลออกมาจากสิ่งมีชีวิตนำมาเลี้ยงแล้วไปรวมกับสารเคมีบาง

อย่าง จากนั้นย้ายเข้าไปยังร่างกายของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง 420

อธิบายได้ดีที่สุดเท่านี้ แต่สิ่งที่เรียกว่า Grown

คงจะเกินขีดความสามารถที่มนุษย์บนโลกจะทำได้อย่างแน่นอน

เขาเจริญกว่าเรามาก และเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีการ Clone ที่ 50

ปีภายหลังมนุษย์บนโลกทำ ๆ กัน

ก็เป็นไปได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากมนุษย์ Ebens นั่นเอง


       ท้ายสุดผมไม่ลืมที่จะถามว่า แล้วหมายเลข 308

ซึ่งเป็นคนของพวกผมละตอนนี้อวัยวะ

หรือเซลของเขาไปอยู่ตรงไหนแล้วคุณนำมันไปใช้ประโยชน์อะไร

บ้าง หมอมนุษย์ Ebens ตอบว่าใช่แล้วพาพวกเราไปดู

สิ่งที่เห็นมันทำให้พวกเราแทบจะเสียสติ เพราะว่าสิ่งที่เห็นคือ มนุษย์

Ebens ที่นอนอยู่ แต่ว่าเป็นมนุษย์ Ebens

ที่มีขนาดร่างกายใหญ่กว่า Ebens คนอื่นที่เคยเห็น

มีมือและเท้าของมนุษย์โลก ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นของ 308

เขาทำได้อย่างไร

นำอวัยวะของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไปต่อเข้ากับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง

แล้วทำให้สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่มีชีวิตขึ้นมา ทำได้เร็วมากด้วย

ตรงนี้จึงพอทำให้มองเห็นภาพที่ว่ายูเอฟโอลำที่สองของพวกมนุษย์

Ebens ที่ตกลงมาบนโลกและถูกค้นพบในภายหลังนั้น

(ห่างจากการพบยูเอฟโอลำแรก 3 ปี)

บนยูเอฟโอลำนี้พบว่ามีชิ้นส่วนของสัตว์บนโลกอยู่บนยาพาหนะลำนี้

ตรงนี้ทำให้พวกเรามองเห็นภาพนี้ชัดขึ้น

 


          ผมบอกกับ EBE2 ว่าพอ พอแล้ว

พวกผมไม่อยากอยู่ในนี้อีกแล้ว คุณพาพวกผมกลับได้

และพวกผมไม่อยากจะเข้ามาในสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้อีกเด็ดขาด

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเรามองเห็นด้านมืดของมนุษย์ Ebens(dark

side of this civilization) ก็วันนี้เอง


they can clone almost

any living tissue into a creature via a method called

"rapid-cycle cloning." ในภายหลัังที่มนุษย์บนโลกรู้จักมนุษย์

Ebens มากขึ้นและเรียนรู้เทคโนโลยีจากพวกเขามากขึ้น

เรารู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับ DNA

ของสิ่งมีชีวิตว่ามันทำงานกันอย่างไรและมีประโยชน์อย่างไร

วิธีการของมนุษย์ Ebens

ที่นำเนื้อเยื่อของสิ่งที่มีชีวิตมาเพาะให้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้เรียก

กรรมวิธีเช่นนี้ว่า "Rapid - Cycle Cloning."





 รูปแบบตัวอย่างภาษาเขียนของมนุษย์ Ebens 



ข้อมูลของดาว Serpo ที่ถูกรวบรวมโดยนักบินทั้ง 12

คนที่เดินทางไป สรุปได้ดังนี้


เส้นผ่านศูนย์กลางของดาวดวงนี้ คือ 7,218 ไมล์

มวลของดาว Serpo คือ 5.06 x 1024

ระยะห่างของดาวถึงดวงอาทิตย์ดวงแรก(Zeta Reticuli 1) 

คือ 96.5 ล้านไมล์

ระยะห่างของดาวถึงดวงอาทิตย์ดวงที่สอง(Zeta Reticuli 2) 

คือ 91.4 ล้านไมล์

ระยะทางระหว่างดวงอาทิตย์ทั้งสองดวงห่างกันโดยประมาณ 100

เท่าระยะห่างระหว่างโลกกับดาวพลูโต


ดวงจันทร์บริวารมีสองดวง


ความเร่งอันเกิดจากแรงโน้มถ่วง คือ 9.60 m/s2


หมุนรอบตัวเอง 1 รอบกินเวลา 43 ชั่วโมง(เวลาชั่วโมงโลก)


โคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบกินเวลา 865 วัน(ของโลก)

มุมเอียงของดาว Serpo 43 องศา

ก็คือมีมุมเอียงที่มากกว่าโ่ลกเพราะฉะนั้นแล้วจะมีสภาพอากาศที่ต่าง

กันไปในแต่ละพื้นที่ หรือเรียกว่า ฤดูกาล

ทั้งด้วยด้วยมุมเอียงที่มากจึงทำให้ยังสามารถมีบางส่วนของดาวนี้

สามารถมีกลางคืนได้

ถึงแม้จะเป็นบริเวณของดวงอาทิตย์ถึงสองดวง


อุณหภูมิพื้นผิว ต่ำสุด 43 องศาฟาเรนไฮน์ สูงสุด 126 องศาฟาเรน


ระยะห่างของดาว Serpo ถึงโลกของเราคือ 38.43 ปีแสง

ใช้เวลาเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงนี้

โดยอาศัยยานพาหนะของพวกเขาใช้เวลา 9 เดือน(เวลาบนโลก)

เพื่อที่จะเดินทางจากโลกไปยังดาว Serpo ดวงนี้

หรือถ้าคิดเป็นอัตราเร็วแล้ว

ยานพาหนะของพวกเขาเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสงถึง 40 เท่าทีเดียว

แสงเดินทางด้วยความเร็ว 186,170 ไมล์/วินาที

ถ้าคิดเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มแล้วแสงจะเดินทางไปได้ระยะทาง

5,871,057,120,000 ไมล์ ตรงนี้ก็อธิบายได้ว่า แสงเดินทาง 1

วินาทีได้ระยะทาง 186,170 ไมล์ แต่ว่า 1 นาทีมี 60

วินาทีเพราะฉะนั้นใน 60 วินาทีแสงเดินทางได้ (186,170 x 60 =

11,170,200 ไมล์) แต่่ว่า 1 ชั่วโมงมี 60 นาทีเพราะฉะนั้น 1

ชั่วโมงแสงเดินทางได้(11,170,200 x 60 = 670,212,000 ไมล์)

แต่ว่าใน 1 วันจะมี 24 ชั่วโมงเพราะฉะนั้นแล้วใน 1

วันแสงเดินทางได้(670,212,000 x 24 = 16,085,088,000 ไมล์)

แต่ว่าใน 1 ปีมี 365 วัน เพราะฉะนั้นใน 1

ปีแสงก็จะเดินทางได้(16,085,088,000 x 365 =

5,871,057,120,000 ไมล์) ระยะทาง 38.43

ปีแสงที่ว่านี้หากจะเปลี่ยนเป็นหน่วยไมล์ก็ นำตัวเลขนี้คูณเข้าไปอีกที

ซึ่งนั่นก็จะมากมายมหาศาลเกินกว่าจะนับได้

อันนี้หากว่าท่านจะศึกษาในเรื่องดาราศาสตร์

หรือศึกษาเรื่องสิ่งมีชีิวิตนอกโลกแล้ว

ตัวเลขมาก ๆ ลักษณะนี้ถ้าจะจำได้ก็ไม่เสียหายอะไรครับ

อีกตัวเลขหนึ่งที่น่าจะต้องจำด้วยก็คือระยะทางระหว่างโลกของเรา

ไปถึงดาวอาทิตย์ของเรา ตรงนี้วัดได้โดยประมาณ 93,000,000

ไมล์ ตรงนี้มีชื่อเรียกตัวเลขนี้โดยเฉพาะว่า Astronomical Unit

(ตัวย่อ AU) แสงเดินทางใน 1 ปีถ้าจะเขียนเป็นเลขยาว ๆ

แบบนั้นก็จำยากหน่อย แต่ถ้าเขียนในหน่วยของ AU

แล้วจะได้เท่ากับ 63,240AU หรือก็โดยประมาณ 63,240

เท่าจากระยะทางของโลกของเราถึงดวงอาทิตย์ของเรา

เพราะฉะนั้นแล้วระยะทาง 38.43 ปีแสงถ้าคิดในหน่วย AU

ก็จะได้เท่ากับ 38.43 x 63,240 = 2,430,313.2AU

ตัวเลขก็จะลดลงและจำง่่ายขึ้นหรือก็คือ 2,430,313

เท่าจากระยะทางของโลกถึงดวงอาทิตย์ของเราจะเป็นระยะทางจาก

โ่ลกของเราถึงดาว Serpo ดวงนี้

ระยะทาง 38.43 ปีแสงที่ว่ามากมายมหาศาลเกินกว่าจะนับได้นี้

ท่านเชื่อหรือไม่ว่าถ้าไปเทียบกับแค่กระจุกกลุ่มดาว หรือ Galaxy

ที่ดวงอาทิตย์ของเรา โลกของเรา และดาว Serpo

อยู่ในกระจุกดาวกลุ่มเดียวกันนี้แล้ว ระยะทาง 38.43

ปีแสงนี้เรียกได้ว่าใกล้กันอย่างมากเลยทีเดียว

มันไม่ไกลกันมากเท่าไรเลย อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่า

ศูนย์กลางของกระจุกกลุ่มดาว Galaxy

ของเรานี้มีความกว้างจากขอบด้านหนึ่งไปยังขอบอีกด้านหนึ่งที่ไกล

ที่สุดจะวัดได้โดยประมาณ 100,000 ปีแสง

และมีความหนาของ Galaxy โดยประมาณ 3,000 ปีแสง

ระยะทางจากระบบสุริยของเราไปจนถึงศูนย์กลางของ Galaxy

ของเราเองก็โดยประมาณ 26,000 ปีแสง




ชื่อของดาวดวงนี้อย่างเป็นทางการคือ SERPO


ดาวเคราะห์ดวงที่อยู่ใกล้ที่สุดชื่อว่าดาว OTTO ห่างออกไปประมาณ

88 ล้านไมล์ ก็ถูกครอบครองโดยมนุษย์ Ebens นั่นเอง

ดาวดวงนี้ไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอาศัยอยู่


ดาว Serpo เป็นดาวดวงที่หก ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของเขา


ดาวเคราะห์ดวงที่อยู่ใกล้กับดาว Serpo

มากที่สุดที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชั้นสูง เช่น มนุษย์

แต่เป็นสัตว์ชั้นต่ำ หรือสัตว์ที่มีวิวัฒนาการไม่สูงนัก ชื่อว่าดาว Silus

มนุษย์ Ebens ใช้ดาวดวงนี้เป็นแหล่งขุดหาทรัพยากร ห่างจากดาว

Serpo 434 ล้านไมล์


            ทางตอนเหนือของดาว Serpo

นี้อุณหภูมิจะต่ำกว่าตอนกลาง คืออุณหภูมิอยู่ระหว่าง 55 ถึง 80

องศาฟาเรนไฮน์ หรือบางครั้งต่ำกว่า มนุษย์ Ebens

ไม่ชอบอากาศเย็น ในส่วนตอนเหนือจึงมีมนุษย์ Ebens

อยู่อาศัยไม่มากนักแต่ก็พอมี


       ดาว Serpo นี้ไม่ใช่ดาวที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของมนุษย์ Ebens

แต่ว่าพวกเขาย้ายมาจากดาวดวงอื่นเมื่อประมาณ 5,000 ปีเศษ

เนื่องด้วยดาวเดิมของเขาเกิดหายนะภััยครั้งใหญ่

เกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างหนักมาก เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน

มนุษย์ Ebens ได้ทำสงครามระหว่างดวงดาว(Star war)

กับมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์อื่น

สูญเสียกำลังพลไปอย่างมากมายร่วมแสนคน

แต่ก็สามารถชนะศัตรูของเขาได้

ก็คือตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยทำศึกสงครามกับมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์

ไหนอีก สงครามที่กล่าวมานี้กินเวลายาวนานร่วม 100 ปี

บนโลกมนุษย์ทีเดียว เป็นสงครามที่รบกันด้วยอาวุธรังสี(Particle

beam weapons) ทั้งนี้แล้วมนุษย์ Ebens

ยังบอกกับพวกเราด้วยว่าในแกแลคซี่ที่เราอาศัยอยู่นี้

มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่ไม่เป็นมิตรอยู่มากเช่นกัน ซึ่งมนุษย์ Ebens

หลีกเลี่ยงที่จะพบปะด้วย


ในส่วนของความสามารถในการเดินทางและสำรวจอวกาศนั้น

มนุษย์ Ebens ทำได้มาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนแล้ว

และก็เช่นกันโลกมนุษย์ของเราก็ถูกสำรวจโดยเขามาตั้งแต่

2,000 ปีก่อนแล้วเช่นกัน


         ประชากรมนุษย์ Ebens บนดาว Serpo นี้มีประมาณ 650,000

คนเท่านั้นเอง ก็คือคล้าย ๆ จะปกครองด้วยระบบรัฐสวัสดิการ,

รัฐตำรวจ หรือระบอบคอมมิวนิสต์ จึงถูกจำกัดการมีบุตร

การสืบพันธุ์เช่นเดียวกับมนุษย์โ่ลก

คือเป็นคนสองเพศโดยมีเพศสัมพันธ์กันเพื่อสืบต่อเผ่าพันธุ์

ทีมนักบินของโลกที่ไปที่ดาว

Serpo นี้ยังไม่เคยพบเห็นครอบครัวไหนมีบุตรเกินกว่า 2 คน

สังคมของมนุษย์ Ebens ให้ความสำคัญกับจำนวนประชากร คล้าย

ๆ กับว่าประชากรบนดาวนี้จะถูกจำกัดหรือควบคุม

โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เพียงพอกับทรัพยากรที่ดาวดวงนี้มี

และเพื่อประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประชากรให้เกิดประสิทธิภาพ

เยาวชนของมนุษย์ Ebens

เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ในเวลาที่เร็วมากหากเทียบกับมนุษย์บน

โลกเรา บนดาว Serpo นี้ มีสถานที่ให้การศึกษา มีช่างเทคนิค

มีแพทย์ มีนักวิทยาศาสตร์ ที่จะให้ความรู้กับมนุษย์ Ebens คนอื่นได้

แต่ว่าสติปัญญาของมนุษย์เผ่าพันธุ์นี้จะสูงมากหากนำมาเทียบกับ

มนุษย์บนโลก คือ น่าจะมีระดับสติปัญญา(IQ) ประมาณ 165

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทีมนักบินมองเห็นครอบครัวของมนุษย์ Ebens

ครอบครัวหนึ่งที่มีลูกมากถึง 4 คน ซึ่งน่าสงสัยมาก

แต่ต่อมาได้ทราบความจริงว่า เด็กอีก 2

คนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นลูกของมนุษย์ Ebens

คนอื่นที่ออกไปปฎิบัติภารกิจสำรวจจักรวาล

หรือแม้แต่หากว่ามีการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรของมนุษย์ Ebens

คนอื่น และมนุษย์คนนั้นมีบุตรที่ยังเล็กอยู่ บุตรของมนุษย์ Ebens

คนนั้นก็จะถูกนำไปอุปการะอยู่ในความดูแลของมนุษย์ Ebens

ครอบครัวอื่น


          ดาว Serpo นี้ไม่ได้ถูกปกครองโดยคนคนเดียว(Single

Ruler) แต่จะเป็นลักษณะเป็นทีม เรียกว่า สภาผู้ว่า(Council of

Governors) ควบคุมทุกอย่างบนดาวนี้

กลุ่มทีมบุคคลนี้ดูเหมือนจะดำรงตำแหน่งมานานมากแล้วด้วย

ไม่สามารถคะเนอายุของมนุษย์ Ebens

บนดาวดวงนี้ได้ว่าแต่ละคนอายุเท่าใด ดูเหมือนจะไม่แก่เฒ่า

แต่จากการสังเกตุจากทีมแล้ว มีหลุมศพอยู่บนดาวดวงนี้ ก็แสดงว่า

พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีอายุขัยเช่นกัน

บนดาวดวงนี้บางส่วนของดาวถูกใช้เป็นที่ขุดหาทรัพยากรธรรมชาต

ิเพื่อนำมาใช้ บางส่วนเช่นซีกโ่ลกใต้ใช้เป็นที่ผลิตอาหารหรือสิ่งของจำเป็นสำหรับ

ใช้ จะมีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน คือมนุษย์ Ebens

ใช้ประโยชน์จากพลังงานน้ำนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

(Hydroelectric)

พวกเขามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มากทีเดียว

มีพลังงานบางรูปแบบที่ผลิตได้

โดยเป็นการดึงพลังงานออกมาจากสุญญากาศ(Vacuum)

คือจับสุญญากาศและดึงพลังงานออกมาจากมัน

ซึ่งมันผลิตพลังงานได้มากอย่างน่าทึ่งทีเดียว

สิ่งนี้เกินความรู้ที่ทีมทั้ง 12 คนจะทราบ

     

สถานที่ที่ทีมนักบินโลกทั้ง 12 คนพักอาศัยอยู่

อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิดพลังงานที่มนุษย์ Ebens

มอบให้ ลัักษณะเป็นกล่องโลหะที่ไม่ใหญ่มากนัก

ซึ่งอุปกรณ์ทุกชิ้นที่นำมาจากโ่ลกและเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการกระแส

ไฟฟ้าเลี้ยงจะเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์ชิ้นนี้

ซึ่งน่าทึ่งมากเพราะมันสามารถคำนวนกระแสที่อุปกรณ์ไฟฟ้า

ต้องการและจ่ายกระแสให้ในปริมาณที่เหมาะสม

ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดทำงานได้ตามปกติ คล้าย ๆ

กับอุปกรณ์จ่ายไฟนี้มันมี Regulator

บางชนิดที่ตรวจจับการกินไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ น่าทึ่งมาก


        ครั้งหนึ่งเราเคยเห็นอุบัติเหตุเกิดขึ้น

จากการชนกันของยานพาหนะทางอากาศของพวกเขาเอง

ถึงขั้นเสียชีวิต ก็คือไม่ว่าจะเสียชีวิตตามธรรมชาติ

หรือจากสาเหตุอื่น จะจัดการกับศพที่เสียชีวิตโดยการฝัง เช่น

เดียวกันกับที่คนบนโลกทำ คล้าย ๆ

กับจะมีศาสนาหรือลัทธิความเชื่อบนดาวดวงนี้เช่น กัน

คือเขาจะบูชาเทพเจ้าแห่งจักรวาล

ก็จะเป็นสถานที่เฉพาะดูเป็นศาสนสถานสำหรับเข้าไปทำพิธี


     การเดินทางมายังดาว Serpo

นี้ตอนขามาโดยสารมากับยานพาหนะของพวกเขา ใช้เวลาประมาณ

9 เดือนบนโลก แต่ขากลับโดยสารไปกับยาพาหนะของเขาเช่นกัน

แต่เป็นคนละลำ ใช้เวลาประมาณ 7 เดือนคือสั้นกว่าขามา


        ในส่วนของเวลา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากจริง ๆ

เพราะว่าบนโลกมนุษย์กับดาว Serpo นี้

เวลาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทีมงานเตรียมการเดินทางรับทราบเรื่องนี้ดีมาตั้งแต่ต้น

ซึ่งนักบินทั้ง 12 คน ได้พกพาอุปกรณ์บอกเวลาไปด้วยหลายชนิด

หลายประเภท

ทั้งแบบใช้แบตเตอรี่และไม่ใช้แบตเตอรี่หรือไม่ใช้ไฟฟ้า

ก็คือนาฬิกาบอกเวลาและวันชนิดต่าง ๆ นั่นเอง

แต่ว่าอุปกรณ์บอกเวลาที่นำไปนี้เป็นอุปกรณ์บอกเวลา

ซึ่งเป็นเวลาและวันที่อยู่บนโลก

อุปกรณ์บอกเวลาเหล่านี้ตอนที่โดยสารไปกับยานพาหนะของ

มนุษย์ Ebens หรือแม้แต่ตอนนี้ลงจอดและอยู่บนดาวของเขาแล้ว

มันยัังคงทำงานได้ดี เที่ยงตรง แต่ปัญหาก็คือเวลาบนดาว Serpo

นี้ไม่ใช่เวลาเดียวกันกับโ่ลกมนุษย์เรา

เพราะว่าโลกมนุษย์เราหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบใช้เวลา 24 ชั่วโมง

แบ่งเป็นกลางวัน 12 ชั่วโมงและกลางคืน 12 ชั่วโมง แต่สำหรับดาว

Serpo นี้หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบใช้เวลานานกว่าคือโดยประมาณ

43 ชั่วโมง(ชั่วโมงบนโลก) เพราะฉะนั้นแล้วเวลา

12 ชั่วโมงบนนาฬิกาข้อมือบนโลกผ่านไป

ซึ่งควรจะเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน

หรือเปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวันแล้ว เวลา 12 ชั่วโมงบนดาว

Serpo นี้จะยังไม่เปลี่ยนสภาพจากกลางวันเป็นกลางคืน

หรือจากกลางคืนเป็นกลางวัน

สรุปคือสำหรับเวลาบนดาวดวงนี้แล้วเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน

จะยาวกว่าบนโลกมนุษย์เรา

แต่ว่าเวลากลางคืนโดยสิ้นเชิงคือมืดสนิทของดาวดวงนี้ไม่มี

เนื่องจากดาวดวงนี้เป็นบริวารของดวงอาทิตย์ 2 ดวง



ฉะนั้นเวลาบนข้อมือและปฎิทินที่นำมาจึงแทบจะยึดหรือใช้ประโยชน์

ไม่ได้ เพราะว่ามันไม่มีจุดอ้างอิงที่ชัดเจน มันสับสนมาก มนุษย์

Ebens

ใช้เวลาที่ดาวเคลื่อนที่ผ่านดวงอาทิตย์ของเขาเป็นเวลาอ้างอิงว่า

เวลานี้ควรจะทำอะไร ถึงเวลาเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำอยู่ได้หรือยัง

เพราะว่าเขาเป็นสังคมในลักษณะสังคมนิยม

ก็สุดท้ายแล้วทีมนักบินทั้ง 12 คน

ยอมแพ้กับเรื่องนี้และหันมาใช้เวลาของมนุษย์ Ebens

เป็นเวลาอ้างอิงแทน

แต่ทั้งนี้เวลาข้อมือที่นำไปยังคงใ้ช้ประโยชน์ได้บ้าง เช่น

เรามาถึงจุดนี้ใช้เวลากี่นาทีกี่ชั่วโมง

การนัดหมายในหมู่พวกเรากันเอง

การตั้งเวลาใดควรจะนอนหรือควรจะตื่นจากที่นอน

คนบนโลกโดยเฉลี่ยควรจะพักผ่อนนอนหลัับโดยประมาณ 6 - 8

ชั่วโมงต่อเวลา 24 ชั่วโมงบนนาฬิกาข้อมือ(ก็คือ 1 วันบนโลก)

ซึ่งไม่ควรจะนอนให้นานกว่านี้หรือน้อยกว่านี้เป็นต้น ปฎิทิน 10

ปีล่วงหน้าที่เราพกพามาด้วยตอนนี้ก็คงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีก


     หลังจากเวลาผ่านไป 24

เดือนจากวันแรกที่ลงมาจากยานพาหนะของเขาสู่ดาว Serpo นี้

นักบินทั้งหมดยอมแพ้กับเวลาอย่างสิ้นเชิง

เพราะว่านาฬิกาบอกเวลาขนาดใหญ่ที่นำมาจากโลก

ซึ่งใช้แบตเตอรี่ และเป็นนาฬิกาอ้างอิง เวลาอ้างอิง

มันได้หยุดลงเพราะว่าแบตเตอรี่หมด

และก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างถูกตรงตรงเวลา

คือควรจะเปลี่ยนโดยทันที

นั่นจึงทำให้เวลาบนโลกทั้งหมดคลาดเคลื่อนไป

ซึ่งแบตเตอรี่ของนาฬิกาสุดท้ายแล้วในเวลา 5 ปี

ก็หมดสภาพและไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าของเขา

ได้ด้วย เพราะว่ามัันไม่ใช่อุปกรณ์ใช้ไฟฟ้า

แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เก็บไฟ


     หลังจากที่นักบินทั้ง 12 คนเดินทางกลับมายังโลกมนุษย์แล้ว

บุคคลทั้ง 12 ต้องถูกกักกัน และแสดงปากคำทั้งหมดที่พบเห็น

ส่งสิ่งที่บันทึกทั้งหมดมาให้กับหน่วยงานต้นสังกัด

คำถามหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยและตั้งคำถามก็คือ

เพราะเหตุใดมนุษย์เผ่าพันธุ์ Ebens นี้จึงมีความเจริญก้าวหน้า

หรือมีวิทยาการที่สูงกว่ามนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น เช่น มนุษย์โลก

จากปากคำที่ได้รับฟังจากนักบินทั้ง 12 คนที่ให้การ

พอที่จะทำให้นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่า หากไม่นับไปถึงแ่ร่ธาตุ

ทรัพยากร บนดาว Serpo นี้

ซึ่งอาจจะมีแร่ธาตุทรัพยากรบางชนิดที่ไม่พบบนโลก

และแร่ธาตุหรือทรัพยากรดังกล่าวมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต

พัฒนาสติปัญญา หรือเป็นส่วนสำคัญในการเดินทางท่องจักรวาล

เช่นเป็นแร่ธาตุซึ่งเป็นแหล่งให้พลังงานกับยานพาหนะที่ใช้เดินทาง

แล้ว จากปากคำของนัักบินทั้ง 12 ชีวิตที่ให้มา มนุษย์ Serpo

บนดาวดวงนี้มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์เดียวและมีจำนวนที่จำกัดคือ

โดยประมาณ 650,000 คน ซึ่งสามารถถูกสั่งหรือควบคุมจำกัดได้

ทำให้การพัฒนาให้การศึกษาเป็นไปได้ดี

สามารถมอบทรัพยากรบนดาวดวงนี้ให้กับประชากรได้อย่างเต็มที่

เนื่องจากทรัพยากรมีมากกว่าประชากร

ด้วยเหตุที่เป็นมนุษย์มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวบนดาว

ทำให้การบังคับบัญชาเป็นไปได้โดยง่าย

ไม่ถูกปฎิเสธมากนักและเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดการพัฒนาได้อย่าง

ต่อเนื่องยั่งยืน

เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่อยู่บนดาวบางดวงในแกแลคซี่เดียวกันกับ

มนุษย์ Serpo ซึ่งมนุษย์บนดาวนี้มีหลากหลายชนเผ่า

แบ่งออกเป็นประเทศแต่ประเทศที่ไม่ขึ้นต่อกัน

ประเทศแต่ละประเทศมากด้วยชาติพันธุ์หรือมีหลายภาษา

ความแตกต่างทางด้านศาสนาหรือความเชื่อ

ความคิดทางการเมืองที่ไม่ไปทางเดียวกันแม้ว่าเป็นชนชาติเดียวกัน

ตรงนี้มักจะทำให้เกิดการแตกแยก ความต่างยิ่งมากการลงรอยยาก

และนำไปสู่การทำสงครามกันเองบนดาวดวงเดียวกันนี้

ทำให้การพัฒนาที่ควรจะไปได้เร็วกลับหยุดชะงัก ช้าลง

หรือบางช่วงเวลาพัฒนาในทิศทางที่ถดถอยลงได้


      เผ่าพันธุ์มนุษย์ Ebens มีวัฒนธรรมเช่นกัน

มีวัฒนธรรมทางดนตรี เสียงดนตรีเขาฟังคล้ายกับเสียงสวด

บางช่วงของวันที่จบการทำงานเขาจบด้วยการเต้นรำ

พวกเขาจับมือกันเป็นวงกลม

เสียงเพลงคล้ายกับมาจากเสียงกลองหรือเสียงระฆังบางชนิด

ในสังคมมนุษย์ Ebens ไม่มีสถานีวิทยุ หรือสถานีทีวี

แต่พวกเขามีการละเล่นบางชนิด ดูคล้ายฟุตบอล

ซึ่งมีกติกาที่ดูแปลก ๆ ยากต่อการเข้าใจ แม้กระทั่งเด็ก ๆ มนุษย์

Ebens ก็มีเกมเล่นเช่นกัน เป็นเกมที่แบ่งคนเป็นกลุ่มเพื่อเล่น

ดูแปลกและยากต่อการเข้าใจเช่นกัน


       ถึงแม้ว่าในสังคมของมนุษย์ Ebens จะไม่มีทีวี

แต่สิ่งที่พวกเขาจะต้องมีทุกคนคือเข็มขัดชนิดพิเศษ

ซึ่งเข็มขัดนี้เองจะมีอุปกรณ์พิเศษใส่อยู่

อุปกรณ์นี้จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนภารกิจที่แต่ละคนจะต้องทำ

ในช่วงเวลาต่าง ๆ (สังคมเขาเป็นสังคมคอมมิวนิสต์) ในแต่ละวัน

มันแสดงภาพในระบบ 3D

อุปกรณ์นี้ภายหลังถูกนำกลับมาเป็นตัวอย่างยังโลกด้วย


       มนุษย์ Ebens ที่เรามีปฎิสัมพันธ์ติดต่อด้วยที่พอจะเข้าใจ

และสื่อสารกับเราด้วยภาษาอังกฤษได้ภายหลังที่อยู่บนดาว Serpo

นี้เป็นเวลาพอสมควรมีน้อยมาก คือ น่าจะมีประมาณ 30 คน

เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "Travelers" คนกลุ่มนี้จริง ๆ แล้วก็คือ

Space Travelers หรือมนุษย์ Ebens

ที่เคยหรือมีประสบการณ์เดินทางท่องจักรวาล

คนกลุ่มนี้จะสามารถเรียนรู้ภาษาได้ดีกว่ามนุษย์ Ebens ทั่ว ๆ

ไปที่เป็นประชากรหลักและดำรงชีวิตเฉพาะอยู่แต่บนดาว Serpo

ก็มิใช่ว่ามนุษย์ Ebens บนดาว Serpo

นี้ทุก ๆ คนจะได้รับโอกาสให้เดินทางท่องไปในจักรวาลได้ทุกคน

คนที่จะไปได้น่าจะต้องมีคุณสมบัติบางอย่าง

หรือผ่านการทดสอบคุณสมบัติบางอย่างจึงจะได้รับการคัดเลือก

แต่ถึงกระนั้นก็ดี

คนกลุ่มนี้ก็ยังเข้าใจภาษาของพวกเราไม่ได้ทั้งหมด

เขาอ้างว่าภาษาของเรานี้เป็นภาษาที่เข้าใจได้ยาก

หรือแม้แต่ภาษาของมนุษย์ Ebens

เองสำหรับพวกเราด้วยแล้วก็เข้าใจได้ยากเช่นเดียวกัน

ไม่สามารถออกเสียงได้ตามเสียงของพวกเขา

ก็แก้ไขปรับตัวโดยให้เขาออกเสียงเรียกวัตถุแต่ละชนิดว่าควรจะ

ออกเสียงอย่างไร เช่นยานพาหนะที่พวกเขาใช้กันอยู่, บ้าน, ถนน,

อาหาร, เสื้อผ้า, ดวงอาทิตย์ของพวกเขา ฯลฯ

อัดเสียงของพวกเขาแล้ว

ค่อยมาฟังอย่างละเอียดในภายหลังว่าเสียงนี้ควรจะแทนด้วย

คำศััพท์ว่าอย่างไร

แต่ว่าคำที่ยากกว่านี้ก็ยังมีอีกมากที่เราเข้าใจไม่ได้

มีกรณีหนึ่งที่นักบินคนหนึ่งของเราเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุอย่าง

กะทันหันมาจากการตกจากที่สูง

ทีมแพทย์ของเราวินิจฉัยแล้วว่าอาการสาหัสมาก

ได้รับการช่วยเหลือไม่ทันท่วงที ตอนแรกมนุษย์ Ebens

ไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรเลยกับการจัดการกับผู้ป่วยของพวกเราเอง

และก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่จะให้การช่วยเหลืออะไรเราด้วย

สุดท้ายมีมนุษย์ Ebens คนหนึ่งเห็นว่าพวกเราร้องไห้กัน

จึงเดินเข้ามาแล้วเสนอความช่วยเหลือ

ทีมแพทย์ของพวกเราพิจารณาดูอย่างละเอียด

แล้วว่านักบินของเราคนนี้คงจะไม่น่ารอด

แต่สุดท้ายก็ยอมรับความช่วยเหลือของพวกเขา

ให้พวกเขาพาคนของเราที่บาดเจ็บนี้ไปยังสถานพยาบาลของ

พวกเขา ทั้งหมดนี้ใช้ภาษามือทั้งสิ้น 


        มนุษย์ Ebens

พาคนของเราที่บาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลของเขาแห่งหนึ่ง

วางคนบาดเจ็บลงบนโต๊ะตัวใหญ่

จากนั้นฉายรังสีน้ำเงินแกมเขียวลงไปยังร่างกายส่วนต่าง ๆ

ของผู้บาดเจ็บ จากนั้นมองไปบนจอมอนิเตอร์ของพวกเขาดูคล้าย ๆ

โทรทัศน์ของบ้านเรา

บนจอมอนิเตอร์ปรากฎขึ้นมาเป็นภาษาของพวกเขาซึ่งพวกเราเองก็

ไม่เข้าใจความหมายว่าคืออะไร มีกราฟขึ้นมาด้วย

คล้ายกับจะเป็นกราฟแสดงคลื่นหัวใจ ไม่ปรากฎคลื่นใด ๆ เกิดขึ้น

ตรงจุดนี้แล้วดูเหมือนทีมแพทย์ของพวกเราจะเข้าใจถูกต้อง มนุษย์

Ebens

ให้สารละลายผ่านทางเข็มขนาดเล็กเข้าไปในร่างกายซึ่งก็ทำหลาย

ครั้ง จนสุดท้ายหัวใจของผู้ป่วยเต้นขึ้นซึ่งปรากฎบนจอกราฟ

อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ของเราก็ทราบดีแต่แรกแล้วว่า

อวัยวะภายในของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก

แต่ว่าไม่สามารถอธิบายเป็นภาษาของเขาให้เขาเข้าใจได้

สุดท้ายมนุษย์ Ebens ส่งสัญญาณมือขึ้นมา

โดยวางมือทั้งสองลงบนหน้าอกของเขา แล้วโค้งคำนัับเรา

ถึงตรงนี้พวกเราทั้งหมดเข้าใจความหมายของเขาทันทีว่า

เขาเองก็คงจะช่วยอะไรคนป่วยไม่ได้แล้ว ท้ายสุดของวันมนุษย์

Ebens ก็เข้าร่วมพิธีศพกับพวกเรา พวกเขาเองก็งง ๆ

กับพิธีศพพิธีกรรมที่พวกเราทำกัน

แต่นั่นทำให้พวกเราซาบซึ้งใจพวกเขามาก


         ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราเห็นพิธีกรรมของมนุษย์ Ebens

ที่เสียชีวิตก็คือมีอุบัติเหตุทางอากาศทำให้มนุษย์ Ebens จำนวน 4

คน ตายในที่เกิดเหตุ

พวกเขาทำพิธีกรรมบางอย่างตรงสถานที่ที่เสียชีิวิตก่อน

จากนั้นส่งคนที่ตายไปยังสถานพยาบาลเพื่อตรวจสอบร่างกายอย่าง

ละเอียดอีกครั้ง พวกเราตามพวกเขาไปดูด้วย

ช่วงสุดท้ายของการทำงานของพวกเขามีพิธีฝังศพ

พวกเขาดูเศร้ากันมาก พิธีศพของพวกเขาคล้ายกับเรา

คือใช้การฝัง ห่อศพด้วยผ้าหลายชั้น

พรมด้วยน้ำหรืออะไรบางอย่างที่เป็นของเหลว

จากนั้นผู้เข้าร่วมยืนเป็นวงกลมแล้วสวด

เสียงสวดของพวกเขาเสียดแทงหูพวกเราเป็นอย่างมาก

พิธีกรรมดำเนินไปใช้เวลานานทีเดียว

สุดท้ายศพถูกใส่ลงไปในที่บรรจุโลหะ

และฝังลงไปในที่ห่างไกลจากชุมชน หลังพิธีกรรมมีงานเลี้ยงกัน

มีการกินอาหารร่วมกัน

และทำกิจกรรมเช่นเล่นเกมส์ตามที่เคยกล่าวมา


        บ้านทั่ว ๆ ไปของมนุษย์ Ebens

ที่เห็นมาจะทำจากวััสดุบางอย่างคล้าย ๆ ดินเหนียว

วัสดุบางอย่างที่ดูคล้าย ๆ กับไม้ และก็โลหะบางชนิด ก็จะดูคล้าย ๆ

กันแทบทุกบ้าน ในบ้านแต่ละหลังจะมีสี่ห้องด้วยกัน

คือห้องนอนสมาชิกทุกคนในบ้านจะนอนในห้องนี้ด้วยกันหมด

ห้องเตรียมอาหาร ห้องนั่งเล่น(ใหญ่ี่ที่สุดในบ้าน) และห้องขับถ่าย

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือห้องขับถ่ายนี่เอง

เพราะว่ามันเป็นห้องที่เล็กที่สุดในบ้านก็ว่าได้ ใช้เนื้อที่เพียงน้อยนิด

เพราะว่าร่างกายของมนุษย์ Ebens

นั้นมีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารที่ดีเลิศ

สิ่งที่เขาขับถ่ายออกมาจากการสังเกตุมีปริมาณมากเพียงเท่า

อุจจาระของลูกแมวตัวหนึ่งบนโลกเท่านั้นเอง ไม่พบว่ามีปัสสาวะด้วย

ต่างจากนักบินทั้งหมดของเราที่เป็นคน

ที่ผลิตของเสียออกมาค่อนข้างมาก มนุษย์ Ebens

อำนวยความสะดวกจัดการหาสถานที่กลบฝังของเสียให้


           ในส่วนของอาหารสุดท้ายพวกเราทั้งหมดยอมรับประทานอาหาร

ของมนุษย์ Ebens อย่างไม่มีทางเลี่ยง

อาหารของพวกเขาไม่มีเนื้อสัตว์ จะเป็นพืช

หรืออะไรบางอย่างที่ดูคล้ายมันฝรั่งบนโลก

เพียงแต่รสชาดไม่เหมือนกัน ผักกาดหอม,

หัวผักกาดและมะเขือเทศ และบางอย่างที่ดูคล้ายองุ่น

พบเครื่องดื่มบางอย่างมีสีคล้ายกับน้ำนม

แต่รสชาดและองค์ประกอบไม่ใช่อย่างสิ้นเชิง

มันมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือของดาวดวงนี้

เป็นเครื่องดื่มสำหรับความบันเทิง

อาหารที่เป็นน้ำของเขาจืดชืดมากจนพวกเราต้องใส่พริกไทย

เกลือลงไปค่อนข้างมากเพื่อให้พอทานได้

มีอาหารบางอย่างคล้ายขนมปัง ทานลำบากพอประมาณ

ต้องดื่มน้ำตามลงไปจึงจะพอทานได้


      แต่อย่างไรก็ตามมีอาหารบางชนิดที่ทั้งพวกเราและมนุษย์

Ebens ชอบเหมือน ๆ กัน จะเป็นผลไม้ เป็นผลไม้แปลก ๆ

รสชาดคล้าย ๆ แตง ผลไม้บางชนิดรสชาดเหมือนแอปเปิ้ล

ในส่วนของน้ำดื่มบนดาวดวงนี้แล้ว

มีรสชาดไม่จืดสนิทคล้ายกับมีสารเคมีบางอย่างเป็นองค์ประกอบ

ในน้ำ พวกเราต้องต้มทุกครั้งก่อนดื่ม สุดท้ายมนุษย์ Ebens

ถึงกับต้องสร้างโรงงานย่อย ๆ

เพื่อผลิตน้ำดื่มเฉพาะให้กับมนุษย์พวกเราเลยทีเดียว


          พวกเรานำอุปกรณ์ในการเล่นกีฬา Soft ball และ Touch

Ball ไปด้วยและเล่นให้เขาดู พวกเขาชอบกีฬาของเรามาก

แต่เมื่อลองให้เขาเล่นกีฬาของเราดู เขาเล่นไม่ได้เลย

เขาไม่สามารถรับลูกบอลก่อนที่ลูกบอลจะตกลงพื้นก่อน(ได้เลย)

แปลกเหมือนกัน


        ในทีมนักบินที่ไปดาง Serpo

ครั้งนี้มีนักธรณีวิทยาเดินทางไปด้วย

ซึ่งภายหลังก็ได้พยายามทำแผนทีู่ภูมิศาสตร์จดบันทึกสิ่งต่าง ๆ

ที่พบเห็นบนดาวดวงนี้ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ ก็เริ่มจากง่าย ๆ

โดยสมมติให้ดาว Serpo นี้เป็นโลกแล้ว กัน

แบ่งครึ่งของดาวออกเป็นสองส่วนก่อนเท่า ๆ กัน คือแบ่งบน - ล่าง

เส้นแบ่งนี้เรียกว่าเส้นศูนย์สูตร หรือเส้น Equator ในส่วนบนของดาว

Serpo แบ่งออกเป็น 4 ส่วน(quadrant) เท่า ๆ กัน

เช่นเดียวกันกับส่วนล่างของดาว Serpo ก็แบ่งเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน

ขั้วบนสุดและล่างสุดเรียก ขั้วดาวเหนือ และขั้วดาวใต้

แค่นี้ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะศึกษาดาว Serpo ดวงนี้


       จุดที่มนุษย์ Ebens อยู่หนาแน่นที่สุดจะอยู่บนแถบเส้นศูนย์สูตร

ซึ่งก็จะเป็นบริเวณที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งที่สุดด้วย

ภูมิประเทศและอากาศดูไปแล้ว คล้าย ๆ

กับทะเลทรายบริเวณที่ยานพาหนะของพวกเขาตกลงบนโลกมนุษย์

ของเราเลย แต่ก็มีเหมือนกันที่จะพบเห็นชุมชนของมนุษย์ Ebens

อยู่บนส่วนอื่นของดาว แต่จะอยู่บนส่วนต่าง ๆ

ทางด้านส่วนบนของดาว ส่วนล่างของดาวจะไม่พบ

อากาศของดาวด้านล่างเส้นศูนย์สูตรจะร้อน และดูเป็นทะเลทราย

หรือภูเขาไฟเสียส่วนใหญ่ ทีมนักบินพบลักษณะของหินลาวา

ซึ่งนั่นหมายถึงว่า มีการระเบิดของภูเขาไฟเกิดขึ้น

ซึ่งก็น่าจะจริงเพราะว่าทีมของเราพบภูเขาไฟมากเหมือนกันบริเวณ

ใกล้เคียงนี้ ตรวจพบว่ามีรอยแยกรอยหินแตก ตากซอกหิน

ซึ่งบางแห่งมีน้ำขังอยู่

ซึ่งจากการทดลองดื่มดูพบว่าเป็นน้ำที่ไม่มีรสชาดจืดสนิท

ดูเหมือนจะมีสารเคมีบางอย่างปะปนอยู่ด้วย เช่น สังกะสี, ทองแดง,

ซัลเฟอร์และสารเคมีชนิดอื่นที่ไม่รู้จัก

พืชบางชนิดขึ้นหรือถูกปลูกอยู่บนส่วนที่สองของดาวด้านใต้นี้

ในส่วนที่สามของดาว Serpo

ด้านใต้นี้พบว่ามีภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาที่ลึกพอควรทีเดียว

บางจุดลึกกว่า 3,000 ฟุต

และก็ในส่วนนี้เองที่ทางทีมนักบินพบว่ามีสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่แมลง

อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ ลักษณะมันดูคล้าย ๆ กับตัวนิ่ม(armadillo)

สัตว์ชนิดนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

พยายามเข้าโจมตีพวกเราหลายครั้ง ซึ่งมนุษย์ Ebens

ที่นำทางพวกเรามาก็ไล่มันไปด้วยอุปกรณ์ส่งสัญญาณเสียง

บางอย่าง ถ้าเทียบกับส่วนของเส้นศูนย์สูตรของดาว แล้ว

อาจจะมีน้ำมากกว่า และน้ำก็จะค่อนข้างสะอาดกว่า มนุษย์ Ebens

ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำนี้เพื่อใช้ประโยชน์

แต่อย่างไรก็ตามพวกเรายังคงต้องต้มดื่มอยู่ดี

เพราะตรวจสอบจากชุดตรวจสอบแล้วมันมีแบคทีเรียที่ไม่รู้จักบาง

ชนิดอยู่


      แต่ถ้าหากเดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือของดาวเรื่อย ๆ

แล้วจะพบว่าภูมิอากาศจะเริ่มเปลี่ยนไป

บางส่วนของพื้นที่พวกเราบางคนตั้งชื่อให้ว่าเป็น Little Montana

พบว่ามีต้นไม้ มีป่าไม้ที่ดูเขียว

ต้นไม้บางประเภทถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้

โดยคั้นเอาสารคัดหลั่งของมันออกมาดื่ม ซึ่งพวกเราก็เคยดื่มมาแล้ว

พืชบางชนิดถูกปลูกในบริเวณที่ราบลุ่มนี้ ดูคล้าย ๆ เห็ด

แต่รสชาดคล้ายแตง


         ในส่วนบนสุดของส่วนที่ 1

ของดาวทางด้านบนนี้มีภูมิอากาศที่ใช้ได้ดีทีเดียว

คือมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 50 - 80 องศาฟาเรนไฮน์

ก็ในส่วนนี้เองมนุษย์ Ebens สร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้พวกเรา

เนื่องจากสภาพอากาศจะเหมาะสมกับพวกเราทั้งหมดมากกว่า

ซึ่งทำการการศึกษาดาว Serpo นี้สุดท้ายจะทำตรงจุดนี้เป็นหลัก

ซึ่งพวกเราทั้งหมดก็เห็นด้วยว่าพวกเราควรจะอาศัยอยู่ ณ

บริเวณนี้ของดาวเพื่อหลีกเลี่ยงภูมิอากาศที่ร้อนจัดและแสงแดดที่

แรงจัดบริเวณเส้นศูนย์สูตรที่พวกเราเคยอยู่มาก่อนหลายปี

ยิ่งพวกเราเดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือมากเท่าไร

อากาศก็ยิ่งจะเย็นลงมากขึ้นเท่านั้น

และภูมิประเทศก็จะเริ่มดูเปลี่ยนไป เช่น

พบเห็นภูเขาที่มีความสูงมากกว่า 15,000 ฟุต และหุบเขาด้านล่าง

มีพืชบางชนิดขึ้นอยู่้ดูคล้าย ๆ หญ้า แต่มีกระเปาะด้านบนคล้ายถั่ว

เกือบจะด้านบนสุดพบเห็นว่ามีหิมะตก มันตกเป็นบริเวณกว้างทีเดียว

ซึ่งจุดที่ลึกที่สุดน่าจะวัดความลึกได้ประมาณ 20 ฟุต

อุณหภูมิบริเวณนี้ตรวจวัดได้โดยประมาณ 33 องศาฟาเรนไฮน์

ซึ่งด้วยอุณหภูมิที่ต่ำขนาดนี้

จึงไม่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมนักสำหรับมนุษย์ Eิbens

เพราะว่าสำหรับพวกเขาแล้วมันหนาวมาก ๆ ถึงขั้นมนุษย์ Ebens

ที่พาเรามาก็ยังต้องสวมใส่เครื่องกันหนาวที่มีเครื่องทำความร้อน

ด้านใน 


          ทีมนักบินพวกเราพยายามจด และเก็บตัวอย่างให้มากที่สุด

ทั้งพืช สัตว์ ดิน หรือสิ่งรอบตัว

เพื่อที่จะนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งบนโลก ก็เจอสัตว์แปลก

ๆ อย่างอื่นอีก สัตว์บางชนิดตัวใหญ่มาก ดูคล้าย ๆ กับวัว

แต่เป็นสัตว์ที่เชื่องไม่ดุร้าย สัตว์บางชนิดดูคล้าย ๆ

กับสิงโตภูเขาแต่มีขนคอที่หนามาก มันเป็นสัตว์ที่ขี้สงสัยแต่มนุษย์

Ebens บอกกับพวกเราว่ามันปลอดภัยไม่อันตราย

ที่ตรงส่วนล่างสุดของด้านล่างของดาว Serpo นี้

ทีมนักบินเราเจอกับสัตว์บางชนิดที่ดูแปลก ลักษณะคล้าย ๆ กับงู

สัตว์ชนิดนี้มนุษย์ Ebens บอกกับพวกเราว่าอันตรายมากถึงตายได้

พวกเราอยู่ห่าง ๆ พบว่ามันมีตาที่ดูคล้าย ๆ กับคน

ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราทดลองใช้อาวุธสังหารสิ่งมีชีวิตนี้

ตอนที่พวกเราสังหารมันมนุษย์ Ebens อยู่ตรงนั้นด้วย มนุษย์ Ebens

ไม่ชอบเป็นอย่างมากที่พวกเราใช้อาวุธ

แต่ไม่ห้ามที่เราที่จะสังหารสัตว์

พวกเรานำอาวุธปืนพก .45 และปืนยาว M2 ไป

หลังจากที่เราสังหารสัตว์ชนิดนี้แล้ว ก็ทดลองผ่าพิสูจน์ดู

อวัยวะภายในของสัตว์ชนิดนี้ดูแปลกมากไม่เหมือนกับงูทั่วไปที่พบ

บนโลก วัดขนาดของมันได้ 15 ฟุต เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 ฟุต

ตาของมันดูคล้ายมนุษย์มาก

สิ่งมีชีวิตชนิดนี้พบเห็นแค่เพียงบางจุดของดาวเท่านั้นไม่พบเห็นได้

โดยทั่วไป หรือพบได้ง่าย เจอสัตว์บางชนิดดูคล้าย ๆ นกเหยี่ยว

หรือ กระรอกบิน ดูไม่ดุร้าย 


         ในส่วนของแมลงที่พบเห็นนั้น จะเป็นแมลงที่เดิน

หรือแมลงบนพื้นเป็นส่วนใหญ่ จะไม่พบเห็นแมลงที่บินได้

เช่นแมลงตัวเล็ก ๆ ที่มีเปลือกแข็งแต่ข้างในตัวมันนิ่ม

มันชอบเข้ามาอยู่ในสัมภาระของพวกเรา ไม่เป็นอันตราย

และแมลงเดินได้อีกหลายชนิดทีมพวกเราก็พบเห็นเช่นกัน


          ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์กับมนุษย์

Ebens นั้น มันไม่ใช่ของง่ายเลย

เพราะว่าติดขัดในเรื่องของการสื่อสาร

แม้แต่ล่ามแปลภาษาของพวกเราซึ่งก็คือ EBE2 นั้น

ก็ยังไม่สามารถรู้คำศัพท์ทุกคำที่เรามี

เราจะอธิบายเรื่องวิทยาศาสตร์ของเราให้เขารู้และให้เขาอธิบาย

วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่เขามีเขารู้ให้เราไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

แต่อย่างไรก็ตามแต่ ด้วยสติปัญญาของมนุษย์ Ebens

ที่มีมากกว่าเราทำให้เขาเข้าใจวิทยาศาสตร์ของเราได้ง่ายและได้ดี

กว่าที่พวกเราจะไปเข้าใจวิทยาศาสตร์ของพวกเขา

ก็เริ่มจากอะไรที่ง่าย ๆ

ก่อนคืออุปกรณ์ติดตามตัวที่พวกเขาให้เรามาและติดอยู่ที่เข็มขัด

ของพวกเราุทุกคน เราพยายามแกะมันออกมา

ถึงขั้นตอนพังมันเพราะว่ามันหาที่แกะไม่ได้

วงจรข้างในเป็นอะไรที่พวกเราไม่เคยพบเห็นเลย

ไม่มีทั้ง transistors, tubes, rectifiers, coils

หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอะไรที่พวกเรารู้จักเลย มันคล้าย ๆ

เป็นสายไฟเล็กที่เชื่อมกันอยู่ แบ่งออกเป็นสองส่วนซึ่งพวกเราไม่รู้จัก

เราไม่สามารถใช้อุปกรณ์ตรวจสอบความถี่ของเรานำมาตรวจสอบ

ที่รับหรือส่งออกจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ มันเกินขีดจำกัด

แม้กระทั่งหมายเลข 633 และ 661

ซึ่งเป็นช่างเทคนิคของเราก็ยังไม่ทราบเช่นกัน

พวกเราลองไปถามนักวิทยาศาสตร์มนุษย์ Ebens

ซึ่งเราขอเรียกเขาว่า EBE4

คนคนนี้พูดภาษาอังกฤษไ่ม่ได้เพราะฉะนั้นเราต้องพึ่ง EBE2

เป็นล่ามช่วยแปล ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจได้หมด เรานำวิทยุสื่อสาร

Motolora FM Radio มีสี่ช่องความถี่

ซึ่งเป็นรุ่นที่ซับซ้อนที่สุดในเวลานั้นมาแสดงให้เขาดู 

หมายเลข 661 แกะอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ EBE4

ดูอธิบายกับเขาในส่วนประกอบต่าง ๆ

เขาฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร EBE2 บอกว่า EBE4

ไม่รู้เรื่องว่าอุปกรณ์นี้ทำงานอย่างไร

นั่นทำให้พวกเราลำบากมากเพราะว่าความเจริญก้าวหน้าที่ถูกต้อง

แล้วจะให้เร็วมันก็ควรจะเรียนจากคนอื่นน่าจะดีกว่ามาพัฒนากันเอง

ซึ่งมันช้าและใช้เวลานานมาก กว่าจะรู้เรื่องหรือทำกันได้

เราลองเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของแสงดู ให้หมายเลข 661

เป็นคนอธิบาย เริ่มจากเรื่องของความยาวคลื่นแสง

แสงในช่วงที่ตามองเห็นและแสงในช่วงที่ตามองไม่เห็น

หน่วยของแสง หมายเลข 661 แสดงถึงสเปคตรัมของแสงให้มนุษย์

Ebens เห็น อธิบายถึงเรื่องรังสี Cosmic และเราจะวัดมันได้อย่างไร

ไปต่อที่ รังสีแกมมา รังสีเอ๊กซ์ รังสีอัลตร้าไวโอเลต

อธิบายว่าแสงนั้นคือสิ่งที่มนุษย์เราเรียกมันว่า

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Electromagnetic waves)

ช่วงของความถี่ของแสง ในช่วงเวลาหลายวันนี้มีมนุษย์ Ebens

คนอื่นเข้ามาฟังเหมือนกันทำให้ล่ามของเราคือ EBE2

ทำงานหนักมาก แต่อย่างไรก็ตาม EBE4

ก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่ดี

แสดงคู่มือการแก้ไขอุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาด้วย

ซึ่งเป็นผังวงจรไฟฟ้า อธิบายถึงกฎของโอมห์ การหากระแส

การหาค่าความต่างศักย์ EBE4

เข้าใจได้น้อยมากและก็มีคำถามที่น้อยมากที่จะถามเรา


    แต่ถึงอย่างไรก็ตามแต่ ในหมู่มนุษย์ Ebens ที่มาัฟัง

มีคนคนหนึ่งสติปัญญาดีมาก ๆ เราเรียกคนคนนี้ว่า EBE5 ก็แล้วกัน

เพราะว่าหลังจากที่เราอยู่ที่นี่มาสามปีเศษเราก็เพิ่งจะพบมนุษย์

Ebens ที่เข้าใจในวิทยาศาสตร์ของพวกเราก็น่าจะวันนี้

แต่ปัญหาก็คือ EBE5 พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เช่นกัน แต่เขามีคำถาม

นั่นแสดงว่าเขาเรียนรู้และสนใจ พวกเราสอนสูตรการคำนวนให้เขาดู

สุดท้ายเขาพอจะเข้าใจได้ คนคนนี้น่าจะีมีไอคิวประมาณ 300 ได้

เขาสามารถแก้สมการที่หมายเลข 661 ตั้งขึ้นได้ สมการไฟฟ้าง่าย

ๆ แก้ไขโจทย์การหาค่าความต้านทาน EBE5

มักจะตามพวกเราไปและมีำคำถามก็ถาม EBE2 ให้ช่วยแปลให้

สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตุก็คือ EBE5 มีรูปร่างและหน้าที่ต่างไปจากมนุษย์

Ebens คนอื่น ยกตัวอย่างเช่น มีศีรษะที่โตกว่าคนอื่นทั่วไป

หน้าตาดูเหมือนจะตากแดดตากลมมามากกว่า EBE5

มาจากทางภาคเหนือของดาวดวงนี้

เขาอยู่ห่างจากที่พักเราทางภาคเหนือไปประมาณ 5 กิโลเมตร

พวกเราค่อนข้างแน่ใจว่า เหนือขึ้นไปอีกก็อาจจะยังมีมนุษย์ Ebens

อาศััยอยู่เช่นกันเพียงแต่พวกเราไม่เคยไปเท่านั้นเอง EBE5

เป็นมนุษย์ Ebens โสดไม่มีูคู่ครอง มนุษย์ Ebens

ที่โสดและไม่มีคู่ครองเท่าที่พวกเราพบเห็น ไม่ได้มีคนเดียว

แต่มีพบเห็นเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ซึ่งผมเองก็ไม่เคยไปถามเขาเหมือนกันว่านั่นมันเป็นเพราะอะไร

แต่หมายเลข 518 อยากรู้มาก ที่แปลกอีกอย่างก็คือสิ่งของบนดาว

Serpo นี้ไม่ได้ถูกเชื่อมด้วยน้อต สกรู อย่างที่เราเห็น ๆ

กันบนโลกมนุษย์

แต่ดูเหมือนกับว่ามันจะถูกเชื่อมหรือกลมกลืนแทบจะเป็นเนื้อ

เดียวกันไปเลยคล้าย ๆ

กับเป็นการเชื่อมหรือผ่านกรรมวิธีบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ได้

ไม่มีส่วนคมมีแต่ส่วนมน

เคยไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และยานพาหนะขนาดเล็ก

ของเขาเหมือนกัน

แต่ว่าสำหรับโรงงานผลิตยานพาหนะขนาดใหญ่ชนิดที่พวกเราโดย

สารกันมานั้นไม่เคยไ้ด้เข้าไปชม

เข้าใจว่าโรงงานนี้ถ้าไม่อยู่ทางภาคตะวันตก

ก็อาจจะไปอยู่ซีกโลกตอนใต้ได้

เรายังเหลือเวลาอีกพอสมควรที่จะไปดูได้


          วันนี้พวกเราและมนุษย์ Ebens มีงานเลี้ยงกัน

พวกเราชาวมนุษย์ได้ทำการสังหารสัตว์บนดาวดวงนี้ 1

ตัวไว้เพื่อเป็นอาหาร มนุษย์ Ebens จะมองเราแปลก ๆ

ทุกครั้งที่เห็นเรารับประทานเนื้อสัตว์ แต่ว่าสำหรับพวกเราแล้ว

พวกเขาก็ดูแปลกเช่นเดียวกัน เพราะว่าพวกเขา มนุษย์ Ebens

มีความสามารถที่จะ Clone สิ่งมีชีิวิตชนิดแปลก ๆ ขึ้นมาได้

แต่กลับไม่บริโภคเนื้อสัตว์ มนุษย์ Ebens

อนุญาตให้พวกเราฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารบริโภคได้

เพราะว่าเราอธิบายกับเขาแล้วว่า ร่างกายมนุษย์ต้องการโปรตีน

ขาดไ่ม่ได้

เกลือและพริกไทยที่นำติดตัวมาครั้งนี้อาจจะได้ใช้เป็นครั้งสุดท้าย

เพราะว่ามันใกล้จะหมดแล้ว

แต่ว่าบนดาวดวงนี้มีเครื่องปรุงเหมือนกัน ดูลักษณะเป็นสมุนไพร

คล้าย ๆ กับออริกาโนมีรสเปรี้ยว งานเลี้ยงผ่านไปด้วยดี มนุษย์

Ebens เต้นรำกันซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก

มีเกมส์บางอย่างของเขาดูคล้าย ๆ กับหมากรุกคน

แต่เราไม่ค่อยจะเข้าใจกติกาของเขามากนัก

จบเกมส์การละเล่นด้วยการเต้นรำตามเคย พวกเราก็เล่นเกมส์

Sofeball ของเราเช่นเคย ซึ่งก็ให้มนุษย์ Ebens ร่วมเล่นด้วย

เท่าที่เราสังเกตุมนุษย์ Ebens มีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ

กับมนุษย์บนโลกคือบางคนก็มีพรสวรรค์ทางด้านการเล่นกีฬา

เ่ล่นได้ดีกว่าคนอื่น แต่บางคนก็ไม่มีพรสวรรค์

ไม่สามารถจะเข้าใจเกมส์หรือเล่นได้ ก็คือเล่นได้ไม่ดีเอาเสียเลย

ท้ายที่สุดฝนตกลงมา การละเล่นทุกอย่างหยุดหมด

กลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน ก็สรุปภารกิจในวันนี้ด้วยการประชุมกลุ่ม

พวกเราทั้งหมดตรวจสอบพวกเราเองด้วยกันทั้งด้านร่างกายและจิต

ใจของแต่ละคนว่ายังพร้อมไหม

พวกเราจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการนอนวันละ 8 ชั่วโมง

ตามแบบฉบับของมนุษย์โลก แต่สำหรับมนุษย์ Ebens

แล้วพวกเขาพักผ่อน 4 ชั่วโมง ต่อการทำงาน 10 ชั่วโมง

แต่เนื่องจากวันของดาว Serpo นี้มันยาวนานกว่าหนึ่งวันของโลก

ทำให้กิจกรรมการนอนหลับพักผ่อนของมนุษย์ Ebens

ดูต่างจากพวกเรามาก ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้นอนหลับกัน EBE2

เธอเดินเข้ามาหา เธอบอกว่าเธอเป็นห่วงอาการป่วยของหมายเลข

754 หมายเลข 754

ป่วยด้วยอาการบางอย่างแต่พวกเราเองก็ไม่ทราบว่าป่วยด้วยโรค

อะไร หมอของพวกเราหมายเลข 700 จ่ายยาเพนิซเซลีนให้เขา

ตอนนี้เขาหายดีแล้ว ก็คือจริง ๆ

แล้วพวกเราทุกคนก็เคยมีอาการป่วยเล็กน้อยบ้างตั้งแต่มาอยู่อาศัย

บนดาว Serpo นี้ ยกเว้นเพียงหมายเลข 899

เขาคนนี้แข็งแกร่งดุจภูผาหิน

เขาไม่เคยป่วยเลยแม้กระทั่งเป็นหวัดเป็นไข้ก็ยังไม่เคย หมายเลข

706 และ 754

ซึ่งเป็นแพทย์ของเราก็บันทึกประวัติการป่วยของพวกเราทุกคนไป

ตามขั้นตอนของเขา

ซึ่งตามจริงพวกเรายังคงยึดถือปฎิบัติในเรื่องของการออกกำลังกาย

ให้สม่ำเสมอตั้งแต่มาถึงดาวดวงนี้แต่แรก

ยกเว้นบางวันที่มีภารกิจมากก็อาจจะไม่ได้ทำ

ถึงอย่างไรทุกคนของพวกเรายังคงมีเรือนร่างที่ดี

ไม่มีใครเป็นโรคอ้วน ยกเว้นในเรื่องของจิตใจ

ลูกทีมบางคนยังดูมีอาการคิดถึงบ้านและครอบครัวของเขาอยู่แต่ก็

ไม่ร้ายแรงถึงกับต้องพึ่งทีมแพทย์ของเรา

พวกเราในการประชุมครั้งหนึ่งลงความเห็นกันว่า

จะยกเลิกการทักทายแบบทหาร คือการทำวันทยาหัต

ทุกครั้งที่เราทำการทักทายลักษณะนี้มนุษย์ Ebens

จะมา้จ้องมองพวกเรามาก ๆ อย่างไรก็ตามแต่แบบธรรมเนียม

ระเบียบปฎิบัติของทหาร วินัยทหาร ยังคงต้องรักษาไว้

เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกไม่ได้ ออกนอกวินัยไม่ได้


         พูดถึงเรื่องการทักทายของมนุษย์ Ebens

ที่พวกเขาทำกันเองแล้ว มีหลายลักษณะด้วยกันอาทิเช่น

บางเวลาเขาจะทักทายกันด้วยการกอด บางเวลาของวันแตะนิ้ว

และบางเวลาของวันโค้งคำนับกัน ซึ่ง EBE2

เคยบอกกับพวกเราว่านั่นเป็นการทักทายในรูปแบบทางการของ

มนุษย์ Ebens ในสัังคมของมนุษย์ Ebens ต้องอยู่อย่างมีวินัย

ลักษณะเป็นรัฐทหาร ทหารของพวกเขาจะทำหน้าที่ดูแลมนุษย์

Ebens ทุกคนให้ปฎิบัติไปตามกติกา

ซึ่งคล้ายกับจะทำหน้าที่เป็นตำรวจไปด้วย ที่แปลกคือ

ทหารของมนุษย์ Ebens ไม่พกพาอาวุธติดตัว

แต่ทหารของเขาจะมีเครื่องแบบเฉพาะซึ่งต่างจากชาวบ้านทั่วไป

และมนุษย์ Ebens ทุกคนต้องให้ความเคารพ ทหาร Ebens

จะเดินตรวจตราตลอดเวลา จะเดินกันไปเป็นคู่

เขาดูเป็นมิตรแต่ว่าก็เคร่งในเรื่องวินัยมาก

มีครั้งหนึ่งที่พวกเราเห็นเหตุการแปลก ๆ เกิดขึ้น คือทหาร Ebens

เดินเข้าไปหามนุษย์ Ebens คู่หนึ่ง ทหารเดินเข้าไปหาอย่างเร็วมาก

แล้วชี้นิ้วให้มนุษย์ Ebens สองคนนี้เดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง

ซึ่งมนุษย์ Ebens ทั้งสองนี้ก็ปฎิบัติตามแต่โดยดีดูเหมือนทหาร

Ebens จะตะโกนบางอย่างใส่คนทั้งสองด้วย ตอนนั้นหมายเลข 420

และ 475 ซึ่งพอจะเข้าใจภาษาของมนุษย์ Ebens

ก็ยังแปลไม่ออกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ว่าจากท่าทางของเขาการแสดงออกของพวกเขาแล้ว

พวกเราพอจะอนุมานได้ว่า มนุษย์ Ebens

สองคนนี้คงจะไปทำผิดกฎ ผิดกติกาบางอย่างเข้า

จึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ถึงแม้มนุษย์ Ebens

จะให้อิสระกับพวกเราชาวโลกที่จะเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้

แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่พวกเราถูกทหาร Ebens เตือนว่า

บางสถานที่ไม่ควรจะเข้าไป ทหาร Ebens สุภาพกับพวกเรามาก

แต่ก็ไม่ยอมให้พวกเขาทำผิดกติกาของสังคมเขาอย่างเด็ดขาด 


          ก็ตามที่พวกเราเล่ามา

ที่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพวกเราไปสังหารสิ่งมีชีวิตบนดาว Serpo นี้

หน้าตารูปร่างคล้ายงู ด้วยอาวุธปืนของพวกเราที่นำติดตัวไป

ภายหลังการสังหาร สิ่งที่ตามมาอย่างรวดเร็วคือมีทหาร Ebens

มาจากไหนไม่รู้ เร็วมากเลย จำนวน 6 คน มายืนตรงที่เรายืนอยู่ ณ

เวลานั้นพวกเราต้องอธิบายใช้การเจรจาการทูตเป็นการใหญ่

กว่าจะเคลียร์เรื่องนี้กันได้

ว่าเราสังหารเพราะว่าเห็นว่ามันอันตรายและจะนำไปรับประทานเป็น

อาหารกัน เนื่องจากพวกเราต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์

สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจดี

พวกเขาปรับตัวเข้ากับพวกเราได้ดีพอควรเช่นกัน

อนุญาตให้เราสังหารสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารได้

เรื่องต้องห้ามอีกเรื่องที่ห้ามทำอย่างเด็ดขาด คือ

การเข้าไปในเคหสถานของมนุษย์ Ebens

คนอื่นซึ่งไม่รู้จักกับพวกเรา

พวกเราเคยทำเหตุการณ์นี้ไปครั้งหนึ่งและก็ต้องถูกทหาร Ebens

เชิญออกมาจากบ้านหลังนั้น ทหาร Ebens จริง ๆ

แล้วพวกเขามีอาวุธใช้กัน

เขาเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งในแกแลคซี่ที่เจริญแล้ว

เขาจะเป็นทหารโดยไม่มีอาวุธได้อย่างไร พวกเราเคยเห็นทหาร

Ebens พกอาวุธอยู่ในเหตุการณ์หนึ่ง


        ก็คือมีอยู่วันหนึ่ง EBE2 เธอวิ่งเข้ามาหาพวกเรายังที่พัก

มันคล้าย ๆ

กับจะมีเสียงเตือนภัยบางอย่างดัังขึ้นจากด้านนอกอาคารที่เราพัก

อาศัยอยู่ EBE2 เธอบอกให้พวกเราอยู่แต่ข้างในนี้

อย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาด

พวกเราก็ถามเธอไปว่าแล้วข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นละ EBE2

บอกกับพวกเราว่า มียานพาหนะบางอย่างที่ไม่ปรากฎสัญชาติ

เดินทางหรือหลุดหรือโคจรเข้ามายังเขตแดนของดาว Serpo

ที่พวกเรากำลังอาศัยอยู่นี้ ซึ่ง EBE2

บอกกับพวกเราว่าเธอมั่นใจว่าทหาร Ebens

จะแก้ไขเรื่องดังกล่าวนี้ได้

พวกเราซึ่งก็เป็นทหารอยู่แล้วก็ไม่ต้องบอกเตรียมพร้อมทันที

ทุกคนพกอาวุธได้ คอยเฝ้าระวังที่อยู่อาศัยของพวกเราเอง

พวกเราทั้งหมดฝ่าฝืนคำสั่งของ EBE2

โดยเดินออกไปดูข้างนอกอาคาร

สิ่งที่พวกเรามองเห็นคือบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอากาศยานของ

มนุษย์ Ebens บินให้เต็มไปหมด

และก็นี่เองที่เป็นครั้งแรกที่พวกเรามองเห็นทหาร Ebens

พกอาวุธเต็มรูปแบบ เต็มกำลังอัตราศึกเลยทีเดียว

แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานมากนัก สุดท้าย EBE2

เธอเดินเข้ามาแล้วบอกกับพวกเราว่า เหตุการณ์สงบลงแล้ว

พวกเราถามเธอว่าแล้วยานพาหนะที่ว่านั้นมันคืออะไร

เธอบอกว่าตรวจสอบแล้ว ทหาร Ebens

แจ้งว่าสิ่งที่หลุดเข้ามาไม่ใช่ยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาว

เผ่าพันธุ์อื่น

เป็นเพียงก้อนอุกาบาตก้อนใหญ่เท่านั้นเองจากนั้นเธอก็เดินจากไป

พวกเราไม่ค่อยจะเชื่อเธอมากนักกับเรื่องนี้ มนุษย์ Ebens

มีความก้าวหน้าขนาดเดินทางสำรวจจักรวาลไ้ด้

พวกเขาจะแยกไม่ออกเชียวหรือว่าก้อนอุกาบาตกับยานพาหนะที่

สร้างขึ้น ถึงออกคำเตือนมา บางทีทหาร Ebens อาจจะขับไล่

หรือสังหารศัตรูไปแล้วก็เป็นได้

แต่พวกเราก็จบแค่นี้ไม่มีคำถามอื่นใด


         ขอกลับมายังอุปกรณ์บางชนิดที่พบอยู่ในยานพาหนะของมนุษย์

Ebens ตอนที่ยานพาหานะของพวกเขาตกลงมายังโลก

อุปกรณ์ชิ้นนี้มีขนาดโดยประมาณ 26 x 17 x 2.5 เซ็นติเมตร

น้ำหนักโดยประมาณ 728 กรัม

เป็นอุปกรณ์ที่แล้วมีลักษณะค่อนข้างใสมองทะลุได้

วัสดุดูคล้ายกับจะทำมาจากพลาสติกบางชนิด

มุมล่างซ้ายและมุมล่างด้านขวาของอุปกรณ์นี้ดูคล้ายเป็นจุดที่ใช้

เชื่อมต่อให้เข้ากับ

อุปกรณ์อื่น ๆ ได้ มีหลายชื่อที่ใช้เรียกอุปกรณ์ชิ้นนี้อาทิเช่น

ED(ย่อมาจาก Eben Energy Device) CR(ย่อมาจาก Crystal

Rectangle), PVEED(Particle Vacuum Enhance Energy

device), magic tube

วัตถุนี้ถูกพบบนยานพาหนะของพวกเขาที่ตกลงมาในปี

ค.ศ.1947 ปี ค.ศ.1949 ก็ถูกค้นพบด้วยกันสองเครื่อง

ไม่แน่ใจนักว่าบนยานพาหนะลำหนึ่งจะมีเครื่องเครื่องนี้เครื่องเดียว

หรือมีสองเครื่องบนยานพาหนะลำเดียว

แต่เนื่องมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไประบุหมายเลขไว้

จึงอนุมานได้ว่าเจอด้วยกันสองเครื่อง เครื่องแรกใ้ห้รหัสว่า

PVEED-1

ตรงนี้จึงอนุมานไว้ว่าอีกเครื่องน่าจะเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน

ให้รหัสไว้ว่า PVEED-2

ทั้งสองเครื่องมีน้ำหนักต่างกันเพียงเล็กน้อยคือ 728 กับ 668 กรัม

นักวิทยาศาสตร์จากห้องทดลองวิทยาศาสตร์แห่งชาิติสหรัฐฯ

เริ่มทำการศึกษาวัตถุชิ้นนี้อย่างจริงจัง

ตอนนั้นยังไม่มีใครทราบอย่างแน่ชัดว่าวัตถุชิ้นนี้จริง ๆ

แล้วคืออะไรกันแน่

นักวิทยาศาสตร์บางท่านตั้งสมมติฐานว่าจะเป็นหน้าต่างของ

ยานพาหนะจะเป็นไปได้ไหม เพราะว่ามันดูใส

ปีค.ศ.1954 Sandia Labs ทำการทดลองหลายอย่างกับวัตถุชิ้นนี้

แต่ก็ไม่ทราบชัดเจนเช่นกันว่ามันคืออะไร 

(เพราะว่ามันดูใส) ปี 1955 วัตถุชิ้นนี้ถูกยืมไปทำการศึกษาต่อที่

Westinghouse ปี 1958 วัตถุนี้ถูกส่งไปที่ Corning Glass

เพื่อศึกษาโครงสร้างของวัสดุที่นำมาทำวัตถุชิ้นนี้ ปี 1962

การศึกษาวัตถุชิ้นนี้ทำให้ทราบรายละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลายปีผ่านไปสุดท้ายแล้ววัตถุชิ้นนี้ถูกสรุปว่าเป็น UNLIMITED

POWER SYSTEM คือแหล่งจ่ายพลังงานที่ไม่มีขีดจำกัด


           จากการตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอนแล้วพบว่า

ภายในวัตถุชิ้นนี้ ประกอบไปด้วยลูกกลม ๆ ฟองกลม ๆ อยู่ด้านใน

ภายในฟองกลม ๆ นี้ประกอบไปด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ที่มีประจุ

บรรจุอยู่ในด้านใน เรียก Antimatter

เมื่อใดก็ตามแต่ที่ปริมาณการใช้พลังงาน

(ไฟฟ้า) ถูกป้อนเข้าไปในเครื่องนี้ อนุภาคเล็ก ๆ ในฟองกลม ๆ

นี้จะหมุนไปในทิศตามเข็มนาฬิกาที่เร็วมากจนไม่สามารถวัดได้

ด้านนอกของฟองกลม ๆ

นี้ถูกล้อมรอบด้วยสารเหลวบางอย่างซึ่งปกติอยู่ในสภาพที่ใส

แต่เมื่อใดก็ตา็็มที่ปริมาณมาใช้พลังงานถูกป้อนเข้ามาในเครื่องแล้ว

สารเหลวที่ใสนี้จะเปลี่ยนสภาพมาเป็นสีชมพูขุ่น ๆ

และอุณหภูิมิของของเหลวนี้ก็จะเพิ่มขึ้นคือ จะอยู่ในช่วงอุณหภูมิ

102 - 115 องศาฟาเรนไฮน์

แต่อย่างไรก็ตามแต่อุณหภูมิของฟองกลม ๆ

นี้กลับไม่เพิ่มขึ้นคือยังเท่าเดิมที่ 72 องศาฟาเรนไฮน์

จากการทดลองกับเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว

อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถให้กำลังไฟฟ้าตั้งแต่หลอดไฟดวงเล็กกินไฟ

0.5 วัตต์

ไปจนถึงสามารถให้กำลังไฟฟ้ากับบ้านทั้งหลังที่มีเครื่องอำนวย

ความสะดวกครบเลย

อุปกรณ์จ่ายพลังงานไฟฟ้าเครื่องนี้จะสามารถคำนวนค่าการกิน

พลังงานใช้พลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อย่างอัตโนมัิติและ

จ่ายไฟให้ตามจริง

แต่มีข้อจำกัดเหมือนกันตรงนี้มันจะใช้กับอุปกรณ์ที่มีสนามแม่เหล็ก

สูง ๆ ไม่ได้ 


      สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ สสาร Antimatter

ซึ่งปกติจะเป็นสสารที่ไม่เสถียร

กลับจะไปเสถียรอยู่ในอนุภาคที่มีประจุได้อย่างไร

เครื่องเครื่องนี้สามารถคำนวนการใช้ไฟฟ้ากับอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ

ได้อย่างไร เมื่อปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าถูกป้อนเข้าไป สสาร

Antimatter

เกิดการเคลื่อนที่และผลิตพลังงานขึ้นมามันทำได้อย่างไร

อุณหภูมิของฟองกลม ๆ ที่คงที่อยู่ที่ 72 องศาฟาเรนไฮน์ทั้ง ๆ

ที่ตอนทำการทดลองได้ให้ความร้อนโดยตรงกับฟองกลม ๆ

นี้แต่อุณหภูมิในฟองกลม ๆ

นี้กลับไม่เพิ่มสูงขึ้นนั่นมีสาเหตุมาจากอะไร ตอนที่ Antimatter

เกิดการเคลื่อนที่อย่างเร็วมันผลิตอนุภาคนิวตรอนขึ้นมาและส่งพลัง

งานไฟฟ้าออกมา

ซึ่งอนุภาคนิวตรอนนี้จะหายไปเมื่อปริมาณการส่งพลังงานสิ้นสุดลง

นั่นเป็นเพราะเหตุใด 

อุปกรณ์ชิ้นนี้ตอนแรกเข้าใจว่าถูกสั่งให้ทำงานมาจากภายนอกระยะ

ไกล(Remote) อาจจะเป็นดาวเทียมของพวกเขาเองที่อยู่นอกโลก

แต่เมื่อลองปิดบังวัตถุ(Shielded)ให้พลังงานไฟฟ้านี้แล้ว

วัตถุนี้ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ

เมื่อใดที่วัตถุนี้อยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้ป้อนพลังงานออกมา

วัดความถี่ของมันได้โดยประมาณ 1.25 KHZ

แต่เมื่อมีการส่งสัญญาณการใช้พลังงานเข้าไปวัตถุชิ้นนี้จะอ่านค่า

ความถี่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 23.450 MHZ

ซึ่งความถี่นี้จะเพิ่มขึ้นได้เป็นสองเท่าคือ 46.900 MHZ

หากส่งสัญญาณการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นเข้าไป

และวัตถุนี้จะไม่ส่งความถี่ออกมาเกินกว่า 46.900 MHZ

ไม่ว่าจะส่งสัญญาณการใช้พลังงานไฟฟ้ามากเพิ่มขึ้นเท่าใด

ก็ตามแต่

อุปกรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานชิ้นนี้ดูแล้วเป็นงานที่เรียบง่ายแต่

ว่ามีความซับซ้อนในเชิงเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก

ถึงขั้นในภายหลังที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามจำลองแบบออกมา

แล้วเดินเครื่องทดสอบการใช้งาน

ถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ก็เป็นมาแล้ว เนื่องจากสสาร

Antimatter เป็นสสารที่มีพลังงานมากมายมหาศาล

ให้พลังงานมากอย่างน่าเหลือเชื่อ


    ก็เป็นเพราะว่าเครื่อง PVEED

นี้เองที่ตอนแรกเป็นอะไรที่ไม่รู้แน่ชัด(ว่าคืออะไรกันแน่)

จึงทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ช่าง

ไปถอดอุปกรณ์สื่อสารบนยานพาหนะออกมา

อุปกรณ์สื่อสารนี้ตามบันทึกลักษณะคล้าย ๆ

จอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก อุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้ถูก

ถอดออกมาเพื่อทำการซ่อมแซมหวังจะให้เครื่องสื่อสารของเขา

กลับมาใช้งานได้

แต่ถึงแม้จะเพียรพยายามซ่อมอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้อุปกรณ์

สื่อสารชิ้นนี้กลับมาทำงานได้

จนกระทั่งสุดท้ายมีทีมช่างนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งหัวใสฉุกคิดขึ้น

มาได้ว่า "หรือมันจะเป็นเพราะความซนของพวกเรา"

เป็นไปได้ไหมว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ที่มากับยานพาหนะติดมา

กับยานพาหนะของพวกเขาเองแต่แรก

ฉะนั้นมันก็น่าจะเป็นไปได้ที่อุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้ถ้าจะให้

มันทำงานได้มันก็ควรจะต้องเลี้ยงด้วยแหล่งพลังงานบางอย่าง

ก็คือจำเป็นต้องมีพลังงานบางประเภทใส่เข้าไปยังอุปกรณ์สื่อสารนี้

เพื่อที่จะให้อุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้ทำงานขึ้นได้ เปิดติดได้ ซึ่งพลังงาน

บางประเภทที่ว่านี้อาจจะเป็นพลังงานที่เราไม่เคยทราบมาก่อน

หรือคิดไม่ถึง แหล่งพลังงานนี้อาจจะอยู่บนยานของเขาก็ได้

ดังนั้นลองดูอีกทีซิ

นำอุปกรณ์สื่อสารชิ้นนี้กลับไปประกอบกลับเข้าไปยังจุดที่

พวกเราถอดมันออกมา

ซึ่งก็คือจุดที่เราเคยถอดออกมาบนยานพาหนะของพวกเขานั่นเอง

ซึ่งหลังจากที่ทำเช่นนี้แล้ว อุปกรณ์นี้ก็กลับมาทำงานได้เป็นปกติจริง ๆ

จึงอนุมานว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นบนยานพาหนะนี้มีแหล่งพลังงานเฉพาะที่

เลี้ยงอุปกรณ์อยู่ ซึ่งวัตถุที่มีรูปร่างใส ๆ

อันนี้เป็นไปได้ไหมว่าจะคืออุปกรณ์แหล่งจ่ายพลังงานที่ว่านั้น 


        กลับมาที่อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา

ที่พบอยู่บนยาพาหนะของพวกเขาที่ประสบอุบัติเหตุตกลงบนโลก

อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาดูคล้ายกับจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่

จะสื่อสารกันได้ด้วยการพิมพ์และการอ่าน

ก็คือต้องสื่อสารใสรูปแบบของการใช้ภาษาที่เฉพาะ

ก็น่าจะเป็นภาษาของพวกเขา

อุปกรณ์สื่อสารที่ว่านี้จะสามารถทำงานได้ก็ต้องเชื่อมต่อกับแหล่ง

พลังงานบนยานพาหนะลำนี้ ก็คือเครื่อง PVEED นั่นเอง

แต่ปัญหาใหญ่ก็คือเราไม่เข้าใจภาษาเขียนของมนุษย์ EBENS

ตอนที่ EBE-1 ยังอยู่เขาได้สอนพวกเราบ้าง แต่เนื่องจากว่า EBE-1

ไม่รู้ภาษาอังกฤษได้ทั้งหมด

จึงทำให้การสื่อสารเรียนรู้ภาษาระหว่างกันเป็นได้โดยลำบาก

เราได้รับสัญญาณการสื่อสารของพวกเขาผ่านมาทางหน้าจอเครื่อง

สื่อสารนี้ แต่ก็ไม่สามารแปลความหมายอะไรออกมาได้

ในตอนแรกก็ได้แต่ก็อปปี้ หรือถ่ายภาพไว้

เผื่อว่าสักวันจะเข้าใจความหมายนี้

แต่ก็ด้วยความพยายามเรียนรู้ภาษาของพวกเขาอย่างต่อเนื่องสุด

ท้าย 70 เปอร์เซ็นต์ของภาษาเขาเราพอจะทราบความหมายของมัน

พวกเขาแจ้งมาว่าพวกเขาต้องการกลับมาบนโลกเพื่อรับศพของนัก

บินของพวกเขากลับไป

มีเทคโนโลยีอันหนึ่งถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้การสื่อสารระหว่างพวกเขา

กับพวกเราเป็นไปได้ง่ายขึ้น ก็คือระบบ TAC-Star

เราเชื่อมระบบของเรานี้กับอุปกรณ์สื่อสารของเขาเพื่อให้การสื่อสาร

ในการพิมพ์ภาษาอังกฤษเป็นไปได้ในอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา

ตรงนี้สุดท้ายทำได้พิมพ์ภาษาอังกฤษเข้าไปในจริง ๆ

และพวกเราก็สอนภาษาของพวกเราให้กับพวกเขาผ่านทางอุปกรณ์

สื่อสารชิ้นนี้ ระบบตัวอักษร ระบบตัวเลข

ของพวกเราได้ใส่เข้าไปเพื่อสอนพวกเขา

และในทางกลับกันก็เพื่อให้พวกเขาสอนภาษาของพวกเขาให้พวก

เราได้เรียนรู้ได้ด้วย

จากการติดต่อสื่อสารผ่านทางอุปกรณ์ชิ้นนี้หลาย ๆ ครั้ง

มันทำให้เราทึ่งเป็นอย่างมาก

เพราะว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาหรือมนุษย์ Ebens

สามารถจะเรียนรู้ภาษาของพวกเราได้มากเสียกว่าพวกเราจะไป

เรียนรู้ภาษาของพวกเขา ซึ่งนั่นบ่งบอกว่าพวกเขาหรือมนุษย์

Ebens มีสติปัญญาที่มากกว่าพวกเราอย่างเห็นได้ชัด


    ก็คือตั้งแต่หลังปี ค.ศ 1960 เป็นต้นมา มนุษย์ Ebens

สื่อสารกับเราผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารลักษณะนี้โดยใช้ภาษาอังกฤษ

ซึ่งเป็นภาษาของพวกเราเอง

โดยที่พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องสื่อสารกันในภาษาของพวก

เขา ถึงแม้ว่าการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษของมนุษย์ Ebens

จะไม่สมบูรณ์ถูกต้องตามไวยกรณ์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์

แต่ก็สามารถจะเข้าใจความหมายได้ ในปี ค.ศ.1962

พวกเราคิดกันออกได้ว่าจะสื่อสารด้วยภาพ

หรือส่งภาพผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารนี้ได้อย่างไร

พวกเราส่งภาพขาวดำที่เป็นสถานที่ที่จะสามารถลงจอดยานพาหนะ

ได้ ในกรณีที่ต้องการพบปะกันให้พวกเขาได้รู้



      มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกจะทราบหรือไม่ว่า

โลกที่ท่านอาศัยอยู่นี้ไม่ได้หยุดนิ่งเฉย ๆ แต่ว่ามันกำลังเคลื่อนที่อยู่

ทั้งเคลื่อนที่รอบตัวเองและเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์

แต่ที่เรารู้สึกว่ามันหยุดนิ่งนั่นเป็นเพราะว่าวัตถุที่เรายืนอยู่มันมีขนาด

ที่ใหญ่กว่าเรามาก ๆ

จนเราเองก็ไม่รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนที่ของมันเปรียบเสมือนกับถ้าเรา

ไปนั่งรถยนต์คันเล็ก ๆ

อย่างไรเราก็ย่อมจะรับรู้ถึงการเคลื่อนที่หรือความเร็วของรถยนต์คัน

นี้ แต่ถ้าเปลี่ยนจากรถยนต์เป็นวัตถุที่ใหญ่ขึ้น เช่นเรือเดินสมุทร

หรือเครื่องบิน การรับรู้ถึงความเร็วของเราก็จะลดลงทั้ง ๆ

ที่ยานพาหนะที่เรานั่งอยู่นี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงก็ตาม

ดวงอาทิตย์ของเราเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกันมันเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ

ศูนย์กลางของ Galaxy ของเรา และหมุนรอบตัวมันเองด้วย

ถ้าวัดเป็นความเร็วแล้วระบบสุริยจักรวาลของเราเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ

ศูนย์กลางของ Galaxy ด้วยความเร็วถึง 250 กิโลเมตร / วินาที

ด้วยความเร็วขนาดนี้ระบบสุริยจักรวาลของเราจะเคลื่อนที่ให้ครบ 1

รอบศูนย์กลางของ Galaxy ต้องใช้เวลานานถึงโดยประมาณ  220

ล้านปีทีเดียว

เพราะฉะนั้นแล้วตั้งแต่เริ่มก่อกำเนิดระบบสุริยจักรวาลของเรา

(โดยประมาณ 4.6 พันล้านปี)

ระบบสุริยจักรวาลเพิ่งจะเคลื่อนที่ครบรอบศูนย์กลางของ Galaxy

ไปโดยประมาณ 20 - 21 รอบเท่านั้นเอง


      ถ้ามองไปตามแผนที่ แกแลคซี่ที่ระบบสุริยที่เราอยู่นั้น ระบบสุริย

ของเราอยู่รอบนอกของกระจุกดาวแกแลคซี่ที่เราอยู่นี้ อยู่ในส่วนที่

เรียกว่า Orion Arm ส่วนภาพด้านล่างเป็นภาพตัดขวาง(milky

way edge view)


ถ้ามองมาจากด้านบนแล้ว จุดที่ลูกศรชี้คือจุดที่โลกระบบสุริยของ

เราอยู่ จุดนี้อยู่บนแขน(Arm) แขนหนึ่งในกาแลคซี่ของเรา เรียก

แขนนี้ว่า Orion arm(แขน Orion) แขน Orion นี้ ตามปากคำที่

มนุษย์ Ebens ให้ข้อมูลมา มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอาศัยอยู่บนดาวต่าง ๆ

ในบริเวณนี้พอสมควรทีเดียว ไม่ได้มีแต่เพียงโลกของเราและดาว

Serpo ของมนุษย์ Ebens เท่านั้น

ภาพด้านล่างนี้ เป็นภาพถ่าย Orion arm(แขน Orion) ที่ถูกถ่ายได้

และน่าจะเป็นภาพที่ชัดเจนที่สุดภาพหนึ่งที่ถ่ายได้บนโลกใบนี้ สถาน

ที่บันทึกได้ แหลมซีนาย ประเทศอียิปต์ แขน Orion นี้ระบุข้อมูลไว้

ว่ามีความกว้างโดยประมาณ 3,500 ปีแสง ความยาวโดยประมาณ

10,000 ปีแสง ชื่อเต็มของแขนนี้เรียก Orion-Cygnus Arm. 


ดาวที่อยู่ในระยะ 20 ปีแสง(ห่างจากโลก)

ดาวที่อยู่ในระยะ 50 ปีแสง(ห่างจากโลก) ดาว Serpo ใน Star Chart นี้จะเป็นดวงที่ 10 ถ้ามองไล่มาจากด้านล่างทางซ้ายมือของภาพ

จากปากคำของมนุษย์ Ebens ที่ให้ไว้กับคณะนักบินที่เดินทางไป

เยือนดาว Serpo ของเขา สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในระบบกระจุกดาว

Galaxy ที่มนุษย์เราและมนุษย์ Ebens อาศัยอยู่นี้มีจำนวนมากมาย

ทีเดียว แต่มนุษย์ Ebens ให้ข้อมูลมา 5 กลุ่มสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตชั้น

สูงและแหล่งที่อยู่ของพวกเขาดังนี้คือ

1. Ebens ซึ่งก็คือมนุษย์ที่ชาวโลกพบอยู่ในขณะนี้ ถิ่นพำนักอยู่ในกลุ่มดาว Zeta Reticuli

2. Archquloids ถิ่นพำนักจะอยู่ในส่วนของ Cygnus Arm(ดูแผนที่แกลแลคซี่ด้านบน) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกโคลนขึ้นโดยมนุษย์ Ebens เรียกว่ามนุษย์ "Greys" สายพันธุ์ "Big nose Greys" ความสูงโดยประมาณ 5 ฟุต 6 นิ้ว ศีรษะรูปร่างคล้ายเห็ด มีสี่นิ้วที่ยาว

3. Quadloids ถิ่นพำนักอยู่ในกลุ่มดาว Zeta Reticuli เป็นมนุษย์ที่ถูกโคลนขึ้น

4. Seplaloids ถิ่นพำนักอยู่ใกล้กับส่วนของ Cygnus Arm อยู่ใน

ดาวที่ชื่อ DAMCo เรื่องก็มีอยู่ว่าประมาณช่วงต้นทศวรรษ 1980 มี

ปฎิบัติการลับปฎิบัติการหนึ่งของทางหน่วยข่าวกรองลับสหรัฐ

ปฎิบัติการนี้มีชื่อเรียกว่า Operation Tango-Sierra หรือปฎิบัติการ

แทงโก-ซีเอร่า เป็นปฎิบัติการที่มีเพื่อติดตาม, ค้นหาหรือจับกุมสิ่งมี

ชีวิตนอกโลกที่เข้ามาพำนักอาศัยอยู่บนโลก โดยอยู่ปะปนกับผู้คน

ทั่วไป ทั้งนี้แล้วยังมีรูปร่างลักษณะหน้าที่ที่แทบจะเหมือนกับคนบน

โลกเป๊ะเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของเขาหน้าตา

เหมือนกับพวกเรา หรืออีกกรณีหนึ่งก็เป็นเพราะว่าเขามีขีดความ

สามารถทางเทคโนโลยีที่จะสามารถจำแลงกายให้ดูเหมือนคนบน

โลกได้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Human Looking ETs ในปี

ค.ศ.1977 มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งอ้างว่าเธอถูกจับลักพาตัวโดยคนที่

ไม่ใช่คนบนโลกไป สุภาพสตรีท่านนี้อายุยังน้อยอยู่คืออายุเพียง 23

ปี เป็นคนโสดและเชื่อถือได้ที่สำคัญเธอเป็นลูกจ้างพนักงานของรัฐ

คนหนึ่ง ก็คือว่าชายคนที่จับตัวเธอไปนี้ไม่ได้ทำร้ายอะไรเธอเพียง

แต่นำตัวเธอไปแล้วแสดงกับเธอด้วยวัตถุบางอย่างเธออธิบายว่า

ลักษณะเป็นวัตถุสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ภาพที่แสดงออกมาจากวัตถุนี้เป็น

ภาพของลักษณะของดาวดวงอื่นในลักษณะสามมิติ ซึ่งเหตุการณ์นี้

ก็เป็นมาโดยตลอดเวลาหลายปีที่เธอถูกลักพาตัว เธออธิบายว่าถูก

ลักพาตัวไปในลักษณะของการเข้าไปในแสง(Veil of light) สถานที่

ที่เธอไปปรากฎลักษณะดูคล้าย ๆ เป็นฟองอากาศ "light bubble"

ซึ่งเธอสามารถนั่งข้างในและชมภาพนี้ได้ ชายคนที่มาลักพาตัวเธอ

ไปนี้มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับชายทั่วไปบนโลกไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอถูกลักพาตัวไป ชายคนที่ว่านี้ได้แนะนำเธอให้

รู้จักกับชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเธออธิบายว่าชายคนนี้ไม่น่าจะใช่มนุษย์

แน่นอนเพราะดูลักษณะแล้วไม่เหมือนกับคนเลย ชายประหลาดคนนี้

ทำการตรวจร่างกายและเก็บตัวอย่างจากเธอ ซึ่งเธอบอกว่าเธอก็ไม่

ยินยอมแต่ว่าทำอะไรไม่ได้เพราะว่าดูเหมือนตอนนั้นร่างกายของเธอ

จะอ่อนแรงเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ หลังจากการตรวจร่างกายเสร็จ

สิ้นเธอถูกนำกลับไปยังที่พักของเธอเหมือนเดิม เธอนำเรื่องนี้ไปเล่า

ให้เพื่อนร่วมงานเธอฟัง เพื่อร่วมงานเธอส่งต่อเรื่องนี้ไปยังผู้บังคับ

บัญชาแต่เนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ เรื่องถูกส่งต่อไปยังหน่วย

ข่าวกรองกลางตามลำดับขั้น เรื่องนี้สร้างความน่าสนใจให้กับเจ้า

หน้าที่หน่วยข่าวกรองกลางเป็นอย่างมาก นำตัวเธอมาสอบถาม ซัก

ประวัติ ตรวจสอบประวัติส่วนตัวและความน่าเชื่อถือทุกวิถีทาง นำ

เข้าเครื่องจับเท็จ สุดท้ายสรุปว่าเรื่องราวที่หญิงคนนี้กล่าวออกมามี

ความน่าเชื่อถือ หญิงผู้นี้อาศัยอยู่ที่ Landover รัฐ Maryland ตอน

นั้นเป็นสมัยที่ท่านประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ เป็นประธานาธิบดี ก็

คือในช่วงต้น ค.ศ.1980 เรื่องเล่าลือที่ว่ามีมนุษย์จากนอกโลกมา

แทรกซึมอยู่กับชาวโลกก็มีมาแล้วไม่เพียงเท่านั้น หน่วยข่าวกรอง

กองทัพอากาศที่ 7602 ทราบแม้กระทั่งว่าเขาแทรกซึมลึกเข้าไป

จนถึงระดับสูงของรัฐบาลเลยทีเดียว เรื่องเหล่านี้จริง ๆ แล้วก็มาจาก

ปากคำของผู้ที่ถูกลักพาตัวนั่นเอง ด้วยการช่วยเหลือของหน่วยที่ 4

ของ AFOSI(หน่วยสอบสวนพิเศษของกองทัพอากาศสหรัฐฯ)

ปฎิบัติการลับปฎิบัติการหนึ่งจึงเกิดขึ้นตั้งชื่อในรหัสที่เรียกว่าปฎิบัติ

การ แทงโก-ซีเอร่า เป็นปฎิบัติการ ตามหา จับตัว ควบคุม สอบ

ปากคำสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก โดยอาศัยปากคำจากผู้ที่ถูก

ลักพาตัวไป อันมีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเขาเหล่านี้

เป็นภัยคุกคามกับสหรัฐฯ หรือไม่ ปฎิบัติการนี้ถูกตั้งไว้ 5 เดือนโดย

ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง 60 คนที่เชี่ยวชาญทาง

ด้านสายงานต่าง ๆ อาทิเช่นการตรวจตราทางอากาศ ดักฟัง

โทรศัพท์ ถ่ายภาพในปฎิบัติการลับ ฯลฯ ก็สุดท้ายไม่รอดชายคนที่

ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวคนนี้ถูกจับได้โดยละม่อม โดยไป

จับได้ใกล้กับร้านสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับฐานทัพอากาศของ

เมืองแมรี่แลนด์ ชายคนนี้ไม่ขัดขืนการจับกุมไม่มีอาวุธใด ๆ และดู

เหมือนกับว่าจะไม่มีอำนาจวิเศษใด ๆ ด้วย ชายผู้นี้ถูกนำไปสอบ

ปากคำและคุมขังที่ Ft. Belvoir Army Post, Virginia ชายคนนี้ถูก

สอบสวนอย่างหนักโดย AFOSI หลายสัปดาห์และยังต้องถูกสอบ

ปากคำจากหน่วยงานอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากในอีกหลายเดือนต่อ

มา สุดท้ายชายผู้นี้ยอมรับบอกว่า เขาเดินทางมาจากระบบสุริย

จักรวาลที่ชื่อว่า Delta Pavonis ดาวของเขาอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์

เป็นดวงที่ 4 ระยะห่างจากโลกก็โดยประมาณ 20 ปีแสง ขนาดของ

ดาวของเขาก็ประมาณเดียวกับโลก เผ่าพันธุ์ของเขารู้จักโลกใบนี้

และมาเยือนเป็นร้อยปีมาแล้ว เขาสามารถจำแลงกายให้เป็นมนุษย์

และใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ได้ จุดประสงค์ที่มาก็เพียงเพื่อจะมาศึกษา

โลกในทุก ๆ ด้าน โครงสร้าง กายวิภาค สังคม ไม่ได้มีจุดประสงค์มา

เพื่อรุกรานใด ๆ สุดท้ายนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกาตั้ง

ชื่อมนุษย์สายพันธุ์นี้ว่า Septeloids ยานพาหนะของเขาที่เดินทาง

มายังโลกใช้เวลาประมาณ 18 เดือน ก็ด้วยตรวจสอบแล้วชายผู้นี้

ไม่มีลักษณะเป็นภัยกับสหรัฐฯ สุดท้ายด้วยคำสั่งโดยตรงของ

ประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ให้ปล่อยชายผู้นี้ในช่วงปลายทศวรรษ

1980 ภายหลังที่ปล่อยไปชายผู้นี้หายตัวไปอย่างรวดเร็วและคงจะ

เดินทางกลับไปยังดาวของเขา(ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะของ

เขา)

5. Trantaloids อยู่บนดาวที่ชื่อ Silus กลุ่มดาว Zeta Reticuli
ลักษณะหน้าตาเป็นแมลง มีความอันตรายและไม่เป็นมิตรที่สุด ต้องให้ความระวังมากที่สุดถ้าจะมีความสัมพันธ์ด้วย Trantaloids จากการสืบค้นยานพาหนะของเขาเคยประสบอุบัติเหตุในเขตแดนของ แคนนาดา เจ้าของยานพาหนะถูกควบคุมตัวได้ อยู่บนโลกในเขตกักกันควบคุมตัวได้ประมาณ 2 ปี เสียชีวิต สิ่งมีชีวิตนอกโลกที่เป็นภัยหรือมีความเป็นอันตรายต่อมนุษย์โลกนั้น MJ-12 ในอดีตประมาณช่วงปี 50 ให้ชื่อไว้ว่า Hostile Alien Visitors(ตัวย่อ HAVs)


   จากปฎิสัมพันธ์ที่มีกับมนุษย์ Ebens แล้วทำให้มนุษย์โลกได้ทราบ

ถึงสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ ที่มีอยู่ในจักรวาลไปด้วย ซึ่งในส่วนของสิ่งมี

ชีวิต Trantaloids นี้ก็ได้ข้อมูลมาจากมนุษย์ Ebens เช่นกัน ข้อมูล

ที่ได้มาสิ่งมีชีวิต Trantaloids นี้ อยู่ในกลุ่มดาว Eridanus ซึ่งอยู่ใน

แถบ Orion Belt ของเรากลุ่มดาวนี้อยู่ใกล้กับโลกมากในทาง

ดาราศาสตร์แล้ว คำนวนห่างแค่ประมาณ 10.5 ปีแสงเท่านั้นเอง

ถือว่าใกล้มาก มีดาวดวงหนึ่งซึ่งมีสภาพคล้ายกับดวงอาทิตย์มาก

เพียงแต่ความสว่างมีน้อยกว่าชื่อว่าดาว Epsilon Eridani ซึ่งดาว

เคราะห์ที่สิ่งมีชีวิต Trantaloids นี้อาศัยอยู่จะอยู่ห่างจากดาว

Epsilon Eridani เป็นดวงที่สาม ดาว Epsilon Eridani นี้สามารถ

มองเห็นได้จากโลกมนุษย์ด้วยตาเปล่า เห็นได้ทางซีกโลกใต้และอีก

ครึ่งล่างของซีกโลกเหนือ จะมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดประมาณเดือน

พศจิกายนถึงมกราคม ประมาณ 22.00 น. ความเจริญของพวกเขา

มากกว่ามนุษย์โลกเป็นพัน ๆ ปี สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์เหมือน

คนได้เพียงแต่เนื้อเดิมแล้วหน้าตาเป็นแมลง จากปากคำที่เจ้าหน้าที่

หน่วยข่าวกรองชั้นสูงสุดที่ได้ให้ไว้กับท่านประธานาธิบดีโรนัล เร

แกน ที่แคมป์เดวิด ประมาณวันที่ 6 - 8 มีนาคม ค.ศ.1981 สิ่งมีชีวิต

สายพันธุ์นี้เดินทางมาถึงโลกด้วยวิธีเดียวเฉกเช่นกับมนุษย์ Ebens

คือมาทางอุโมงค์อวกาศ(Tunnel Space) หรือรูหนอน(Worm

Hole) ตามที่เรียกกัน เพียงแต่ระบบขับเคลื่อนของยานพาหนะของ

เขาจะต่างจากมนุษย์ Ebens คือใช้สารที่เรียกว่า Matter และ

Antimatter เป็นแหล่งพลังงาน สารทั้งสองนี้หากนำมารวมกันหรือ

ทำปฎิกิริยากันแล้วจะได้พลังงานออกมาได้อย่างมหาศาลที

เดียว(จากข้อมูลของมนุษย์ Ebens) ยานพาหนะของ Trantaloids

นี้มีพลังงานบางอย่างออกมาปกคลุมด้านนอกเวลาเคลื่อนที่

    ประมาณวันที่ 6 - 8 เดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1981 ที่ Camp David

มลรัฐแมรี่แลนด์ หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้ทำการให้

ข้อมูลนี้กับประธานาธิบดีคนหนึ่งของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งก็คือท่าน

ประธานาธิบดี โรนัล เรแกน การให้ข้อมูลนี้เป็นไปในภายหลังที่

ภารกิจ Project Serpo สิ้นสุดแล้ว นักบินที่รอดชีวิตทั้งหมดเดิน

ทางกลับมาถึงโลกแล้ว และได้ให้ข้อมูลปากคำทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่

แล้ว การให้ข้อมูลนี้เสียงทั้งหมดถูกบันทึกลงไปในเทปคลาสเซต

(ในสมัยนั้น) สุดท้ายข้อมูลนี้รั่วไหลถูกเปิดเผยออกมาสู่ภายนอก


        ภายหลังที่ Richard E. Byrd ได้เดินทางกลับมาที่วอชิงตัน

ภายหลังเสร็จสิ้นปฎิบัติการกระโดดสูง(Operation Highjump) ใน

เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1947 จากปากคำที่ Richard E. Byrd ได้ให้

ไว้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยข่าวกรองกองทัพเรือและเจ้าหน้าที่คน

สำคัญของรัฐบาลแล้ว สิ่งนี้ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐในขณะนั้นเป็น

กังวลกับปากคำที่ให้มาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากวัตถุบินลึกลับ

ที่ Richard E. Byrd ประสบพบมาและเป็นสาเหตุให้เกิดความพ่าย

แพ้และสูญเสียอย่างหนัก ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเป็นอาวุธของฝ่ายตรง

ข้ามได้หรือไม่(ฝ่ายนาซี) หากอาวุธหรือยานพาหนะที่ว่านี้มาเยือน

สหรัฐอเมริกาโดยตรง เราจะสู้เขาได้ไหม  

     แต่ว่าเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเราอยู่เหมือนกัน เพราะว่าการ

ตกลงมาของยานพาหนะลำนี้มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ก็ด้วยเหตุที่ว่าบนยานพาหนะลำนี้มันมีอุปกรณ์สื่อสารอยู่ชิ้นหนึ่งที่

ยังสามารถทำงานได้ ซึ่งนั่นจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ ซึ่ง

มันก็เป็นไปได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้น การ

ตกลงมาของยานพาหะจากต่างดาวในเดือน กรกฎาคม 1947 นี้ใน

ภาษาอังกฤษเขาใช้ศัพท์คำว่า A New Ball Game(หรือ a whole

new ball game)

         ในความเป็นจริงแล้ว เหตุการณ์ที่มีสิ่งบินลึกลับมาประสบ

อุบัติเหตุตกในเขตแดนประเทศสหรัฐอเมริกานี้ เหตุการณ์ Roswell

ในเดือนกรกฎาคม 1947 เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรก หรือ

เรื่องใหม่แต่ประการใด เท่าที่บันทึกระบุมามีอย่างน้อย 2 ครั้ง(ใช้คำ

ว่าอย่างน้อย) เพราะว่าก่อนหน้านี้เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมา

ก่อนแล้ว ก็คือ ในปี 1941 นอกชายฝั่งแปซิฟิกทางเมืองซานดิเอโก้

ก็เคยกู้สิ่งบินลึกลับที่มาประสบอุบัติเหตุได้  อีกเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นที่

พื้นที่ราบในเขตเมือง St. Augustin ตะวันตกเฉียงใต้ทาง Socorro

ก็อยู่ในเขตมลรัฐนิวเม็กซิโกนี้เช่นกัน วันที่ 31 พฤษภาคม 1947

ครั้งนั้นยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุนอนหงายท้องยานพาหนะหัน

ขึ้นฟ้าตอนนี้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ไปถึงแล้วควันจากการประสบ

อุบัติเหตุยังคงคุกกรุ่นอยู่เลย เจอมนุษย์สายพันธุ์ประหลาดที่ดูคล้าย

ๆ กับมนุษย์โลกอยู่ 4 คนบนพื้น หนึ่งคนเสียชีวิตอีกสามคนยังมีชีวิต

อยู่ บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส วันนั้นคุณ Bob shell ในขณะนั้น

เป็นบรรณาธิการของแม็กกาซีน Shutterbug(หรือ Shutterbug

Magazine) และเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่บันทึกสื่อได้รับมอบ

หมายให้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ จากปากคำที่ถ่ายทอดมามนุษย์

ต่างดาวที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ละคน ต่างจับวัตถุบางอย่างไว้กับตัวอย่าง

แน่น ๆ คล้าย ๆ กับว่าวัตถุชิ้นนี้มีความสำคัญมาก สองในสามคน

ของมนุษย์ต่างดาวที่ยังมีชีวิตอยู่เสียชีวิตภายในเวลา 3 สัปดาห์ต่อ

มาเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วซึ่งก็คือนายทหารที่มีหน้าที่

บันทึกสื่อคนนี้เองละ ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปถ่ายทำวีดีโอการ

ชันสูตรศพมนุษย์ต่างดาวที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ที่ Fort Worth

มลรัฐเท็กซัส ฟิล์มวีดีโอเคลื่อนไหวที่บันทึกได้นี้ทุกวันนี้ยังพอหาดู

ได้ในอินเตอร์เน็ตซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลก ฟิล์มบันทึกนี้มีชื่อเรียก

เป็นภาษาอังกฤษว่า "Santilli autopsy Film"

เท่าที่เราพบเห็นใน

ฟิล์มจะเห็นว่า มีมนุษย์คนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงมีลักษณะที่คล้าย

มนุษย์มาก แต่รูปร่างจะเล็กกว่านิ้วมือนิ้วเท้ามี 6 นิ้ว ถูกชันสูตรโดย

เจ้าหน้าที่แพทย์ทหารที่ใส่ชุดป้องกันสารเคมีอย่างแน่นหนา สุดท้าย

ร่างของมนุษย์ต่างดาวและยานพาหนะของเขาถูกส่งไปพิสูจน์ต่อยัง

ฐานทัพอากาศ Wright-Patterson ใกล้กับเมือง Dayton มลรัฐ

Ohio.
 
             ก็ด้วยเหตุดังกล่าว ทางการสหรัฐฯ จึงพอจะมีประสบการณ์

กับเรื่องนี้ กระบวนการวิธีปฎิบัติ(Procedure) หากท่าว่าจะมี

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจึงถูกกำหนดขึ้นมา ก็สุดท้ายแล้วเรื่อง

อย่างว่าก็เกิดขึ้นมาจริง ๆ ในเดือน กรกฎาคม ค.ศ.1947 ที่เมือง

Roswell รัฐนิวเม็กซิโก สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ห้ามเปิดเผยเรื่องที่เกิด

ขึ้นนี้กับสื่อสารมวลชนหรือสาธารณชนอย่างเด็ดขาด ความน่าสงสัย

และความน่าสนใจเกิดขึ้นว่า ทำไมต้องเป็นที่รัฐนิวเม็กซิโก มลรัฐนี้

ในทางภูมิศาสตร์เป็นสถานที่ที่แห้งแล้ง ไม่มีอะไรให้น่าสนใจให้ดูให้

ชมมากนัก บางส่วนของรัฐอยู่ในเขตทะเลทราย ยานพาหนะลำนี้

ตกลงมาในเขตที่ใกล้กับส่วนที่เรียกว่า White Sand ในยุคปี ค.ศ.

1960 เปลี่ยนชื่อเป็น White Sand Missile Range บริเวณพื้นที่

ตรงแถว ๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ทั้งของสหรัฐฯ และเยอรมันนี ค้นคว้า

วิจัยเกี่ยวกับอาวุธร้ายแรง เช่น จรวด ขีปนาวุธ และก็จุดละแวกนี้เอง

เป็นส่วนที่ใช้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ลูกแรกที่ผลิตได้ในวันที่ 16

เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1945 บริเวณไปทางตอนเหนือห่างออกไป

ไม่มากนักในรัฐนี้ในส่วนที่เรียกว่า Santa Fe จะเป็นที่ตั้งของห้อง

ปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ หรือ Los Alamos ซึ่ง

เป็นสถานที่ค้นคว้าและวิจัยระเบิดปรมาณู ออกไปอีกไม่ไกลนักใน

ส่วนของจุดที่เรียกว่า Albuquerque จะเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศ

ชื่อว่า Kirtland Air Force Base เป็นจุดส่งผ่านเป็นจุดพัฒนาเป็น

จุดพักรักษาระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ ที่ผลิตขึ้นหรือกำลังผลิตอยู่

ฝรั่งใช้คำว่า "feverishly" หรือทำกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเรื่อง

เหล่านี้สถานที่ที่กล่าวมาถึงนี้มันควรจะเป็นความลับขั้นสุด เป็นอีก

จุดบนโลกที่คนเข้าถึงได้ยากสุด จะผ่านเข้ามาได้

       ในยุคสมัยนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงโดยเฉพาะท่านประธานาธิบดี

สหรัฐฯ ในสมัยนั้นคือคุณ แฮรี่ ทรูแมน เป็นห่วงเรื่องนี้มาก ๆ มัน

ไม่ใช่ประเด็นของสิ่งมีชีวิตนอกโลกหรือศัตรูเพียงอย่างเดียวแต่มัน

เป็นประเด็นความมั่นคงของชาติและของโลกด้วย หรือว่าพวกเขา

กำลังวางแผนที่จะบุกโลก เลยส่งยานพาหนะของเขามาสอดแนม

พวกเราก่อน ยานพาหนะของเขาเล่นมาด้อม ๆ มอง ๆ จุด

ยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดแล้วที่พวกเรามีอยู่ อาวุธที่นี่ร้ายแรงที่สุดแล้ว

ที่สติปัญญาของเราจะคิดค้นขึ้นมาได้ในยุคสมัยนั้น หน่วยบินทิ้ง

ระเบิดที่ 509 ที่ Roswell Army Air Field ซึ่งเป็นฐานของของ

เครื่องทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ B-29 ก็คือเครื่องบินที่นำระเบิดปรมาณู

ของสหรัฐไปทิ้งที่ญี่ปุ่นเมื่อสองปีก่อนหน้านี้อยู่ตรงนี้ และหากว่าใน

อนาคตจะมีการทิ้งระเบิดปรมาณูอีกละก็ ฝูงบิน B-29 ก็จะบินขึ้นมา

จากสนามบินแห่งนี้อีก การเข้ามาสอดแนมของยานพาหนะของเขา

นี้มันน่าสงสัยและสร้างความวิตกกังวลกับเราเป็นอย่างยิ่ง ในปี

ค.ศ.1947 มีการประมาณกันว่าสหรัฐฯ ผลิตและเก็บรักษาระเบิด

นิวเคลียร์ได้ไม่ถึง 50 ลูก แต่ว่าสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงได้ด้วย

ระเบิดนิวเคลียร์แค่เพียงสองลูกเท่านั้นเอง แผนการผลิตคือ 150

ลูกที่ควรจะผลิตได้ ระเบิดบางส่วนยังคงทำการผลิตอยู่ที่ Sandia

บางส่วนที่ผลิตสำเร็จแล้วพร้อมใช้งานได้ถูกส่งมาที่ Roswell

Army Air Field มันเป็นประเด็นที่บอบบางมากเพราะว่าหากสถานที่

แห่งนี้ถูกโจมตีหรือถูกทำลายลงแล้วละก็ เราจะหมดสิ้นทุกอย่างที่จะ

ปกป้องตัวเราเองได้ สถานที่ของสหรัฐฯ ที่กล่าวถึงมานี้แทบจะเรียก

ว่าเป็น ปราการด่านสุดท้ายของท่านชายได้เลยทีเดียว

       ปี ค.ศ.1947 สหรัฐฯ ไม่กลัวใครในโลกอีกแล้วครับ เพราะว่า

เขาใช้ระเบิดปรมาณูแค่ 2 ลูกก็เพียงพอแล้วที่จะยุติสงครามโลก

ครั้งที่สองซึ่งเป็นสงครามที่คนรบกับคนกันเอง แต่สำหรับศัตรูที่มา

จากไหนก็ไม่รู้ที่เราเองไม่เคยรู้จัก แต่มีความสามารถในการเดินทาง

ข้ามอวกาศมาหาเราได้ แน่นอน เขาต้องดีกว่าเรา ต้องฉลาดกว่าเรา

ต้องแข็งแรงกว่าเรา เราจะสู้เขาได้ไหมถ้าหากมีการกระทบกระทั่ง

กันจริง อันนี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราไม่ควรจะพูดถึงเขาหรือเอ่ยถึง

เขาในที่สาธารณะเพราะว่าเขาเป็นอะไรที่ใหญ่กว่าเรามาก ๆ นั่นเอง

ซึ่งในประวัติศาสตร์ชนชาติมนุษย์ด้วยกันเอง บางครั้งก็ดูเหมือนจะ

สอดคล้องเป็นเช่นนั้น

เช่นเดียวกัน คือมนุษย์ด้วยกันบางทีหากใหญ่กว่ากันค่อนข้างมาก

หรือแข็งแรงมากจนเกินจะไปถึงบางทีแล้วไม่อาจแม้จะ

          
    A New Ball Game(หรือ a wholenew ball game) ก็คือส่วน

หนึ่งที่ฝรั่งอเมริกันในยุคสมัยนั้นใช้คำนี้ก็อาจจะเป็นเพราะว่า ยาน

พาหนะที่ตกลงมาครั้งนี้ มันไม่ใช่ยานพาหนะหรือยูเอฟโอที่มนุษย์

สร้างขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ แล้วยูเอฟโอ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาได้จากฝ่าย

ตรงข้าม คือฝ่ายอักษะ นำโดยเยอรมันนีนั้น เรื่องนี้ทางฝ่าย

สัมพันธมิตร นำโดยอเมริกากับอังกฤษ เขารู้เรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้วก็

ด้วยสายลับที่เป็นสายลับระดับสูงที่แฝงตัวเข้าไปอยู่กับฝ่ายเยอรมัน

ให้ข้อมูลข่าวสารมาตลอด ตั้งแต่ปี ค.ศ 1933 ถึง ปี ค.ศ.1945 ยาน

พาหนะที่ทางนาซีเยอรมันพัฒนามาโดยตลอดนี้เป็นยานพาหนะที่มี

รูปร่างเป็นวงกลม ซึ่งพัฒนาจนสามารถบินได้ในระดับสูงและ

ทำความเร็วได้อย่างยิ่งยวด แต่ยังติดปัญหาตรงที่ยานพาหนะชนิดที่

พัฒนานี้ไม่ค่อยเหมาะที่จะบรรทุกอาวุธหรือติดอาวุธหนักเช่นระเบิด

จรวด เพื่อการทำลายล้างคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง ทางฝ่ายสัมพันธมิตร

พิจารณาแล้วว่าหากสงครามโลกครั้งนี้ยังยืดเยื้อไปอีกสักสองถึง

สามเดือน ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทางฝ่ายนาซีเยอรมันนีอาจจะคิด

ออกคิดหาวิธีการติดตั้งอาวุธร้ายแรงให้กับยานพาหนะชนิดนี้ของ

เขาได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงความได้เปรียบทางด้านการควบคุม

อากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรจะหมดลงได้ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งที่สุด

ของฝ่ายสัมพันธมิตร ท่านนายพลไอเซนอาวและ วินสตัน เชอชิล รู้

เรื่องนี้มาตลอด จึงเสมือนเป็นไฟต์บังคับให้ปี ค.ศ.1945 จำเป็นจะ

ต้องยุติศึกนี้ให้ได้ 

คลิปด้านบนนี้เป็นคลิปที่สัมภาษณ์คุณ William Tompkins ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2016 คุณ William ครั้งหนึ่งในอดีตเคยทำงานอยู่ในหน่วยข่าวกรองของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งก็คุณวิลเลียมคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบสอบปากคำสายลับของฝ่ายสหรัฐฯ ที่ส่งเข้าไปฝังตัวอยู่กับนาซีเยอรมันนี ซึ่งก็ได้รู้ข้อมูลสำคัญบางอย่างที่น่าสนใจ ก็คือทางนาซีเยอรมันนีได้รับเทคโนโลยีในการพัฒนายานพาหนะบินได้จากมนุษย์นอกโลกสายพันธุ์หนึ่ง คือสายพันธุ์ Reptilians ซึ่งให้เทคโนโลยีและต้นแบบของยานพาหนะ

คุณวิลเลียม ทอมกิน :   ความจริงคือ เยอรมันนีได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากทาง Reptilians เขาจัดตั้งโปรแกรม ให้แผนออกแบบเพื่อสนับสนุนเยอรมันนีและดูเหมือนจะให้ยานพาหนะต้นแบบกับทางเยอรมันนีด้วย

 

Dr. Robert Wood ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ท่านได้รับข้อมูลมาจากสาย

คุณวิลเลียม ทอมกิน : ใช่ครับ

Dr. Michael Salla : แล้วสายของเราไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า Reptilians ให้การช่วยเหลือนาซีอยู่ สายของเราเคยเจอ Reptilians เองหรือ หรือเคยอ่านข้อมูลเอกสารจากวงใน หรือเคยได้คุยกับทางเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ของนาซีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือสายของเราไปรู้ได้อย่างไร

คุณวิลเลียม ทอมกิน : ก็คือว่าหน่วย SS ของนาซีมีการพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลลับหลายระดับ มีองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งมันมีการเผยแพร่ในส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้สายของเราพอจะทราบได้ แต่สายของเราจะไปคัดเอกสารออกมามันยากแต่ว่าเป็นข้อมูลที่เปิดเผยกันในระดับสูงของหน่วย SS จึงพอจะเชื่อได้

Dr. Robert Wood : ความน่าเชื่อถือ

คุณวิลเลียม ทอมกิน : เชื่อได้แน่นอน เรื่องนี้ค่อนข้างดังและเปิดเผย เจ้าหน้าที่ที่ส่วนผลิตยานพาหนะลักษณะนี้ก็ถูกจัดแบ่งหน้าที่กันทำ ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้มาก่อนว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้คืออะไร เช่นเดียวกันกับสายการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับวัตถุดิบในการผลิต มีคนงานกำลังพล การผลิตก็เกิดขึ้นไม่ต้องไปสนใจว่าผลิตแล้วจะส่งต่อไปที่ไหน จำหน่ายอย่างไร ผลิตเพื่ออะไร คนที่จะรู้เรื่องนี้จริง ๆ และรู้ทั้งหมดว่าสิ่งที่ผลิตออกมานี้คืออะไรเป็นเพียงแค่คนส่วนน้อย ก็คือเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีส่วนรับรู้นั่นเอง ก็คือคนระดับสูงนี้อาจจะต้องประสานกับทาง Reptilians โดยตรงได้

 

Dr. Michael Salla : นั่นเป็นสาเหตุให้สายของเรารายงานผลเช่นนี้กลับมาว่า Reptilians ให้การช่วยเหลือนาซีอยู่

 

คุณวิลเลียม ทอมกิน : ข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจและน่าตกใจเราก็ได้รับเช่นกัน อาทิ ทางนาซีได้รวบรวมหญิงสาวชาวรัสเซียเป็นแสนคนไปไว้ในสถานที่บางแห่ง และคัดเลือกชายหนุ่มทหารบางส่วนไว้ เจตนาเพื่อทำให้หญิงสาวเหล่านี้ตั้งครรภ์ขึ้นมา จุดประสงค์ก็เพื่อผลิตประชากร เพราะว่ามันใช้เวลาในการตั้งครรภ์ เลี้ยงดูบุตร ซึ่งนาซีไม่คิดว่าสงครามจะจบในเวลาอันเร็ว  และส่วนของโปรแกรมก็เป็นไปได้ว่า Reptilians ต้องการกองกำลังของเขาเองในการเดินทางไปยังดาวดวงอื่นและทำอย่างเดียวกันกับที่นาซีทำกับยุโรป ก็คือเขาคิดไกลกว่าทิ่เราคิด

Dr. Robert Wood : แล้วเขาจะทำอย่างนี้ไปทั่วแกแลคซี่เลยหรือ

คุณวิลเลียม ทอมกิน : เรื่องบางเรื่องบางทีสายของเราก็ยังไม่สามารถจะเชื่อเข้าไจได้เหมือนกัน นาซีเยอรมันผลิต boiler plate steel อุปกรณ์ส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญในการประกอบยูเอฟโอขนาด 200 ฟุต 250 ฟุต มันฟังดูบ้ามากที่ว่าสิ่งนี้มันผลิตจากโลหะแล้วมันจะบินขึ้นไปได้ แต่มันก็ลอยขึ้นได้จริง ๆ ด้วยระบบการขับเคลื่อนส่งกำลังของยูเอฟโอที่ยากต่อการเข้าใจ 

สังคมนี้ยึดสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นหัว เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าสังคม Kokuryu-Kai หรือสังคมมังกรดำ(Black Dragon Society) เน้นลัทธิชาตินิยม ทหารนิยมและเผด็จการนิยม แทรกซึมแนวคิดดังกล่าวไปในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกไกล ไม่เว้นแม้แต่สหรัฐอเมริกา ไม่เคยลังเลที่จะใช้การลอบสังหาร โฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ญี่ปุ่นจะต้องเป็นเจ้าครองโลก




















KARL HAUSHOFER

 

     นาย KARL HAUSHOFER คนเยอรมันเริ่มอาชีพทหารตั้งแต่ปี 1887

ตอนนั้นอายุ 18 ปี จบโรงเรียนทหารปืนใหญ่และได้แต่งงานกับหญิงที่ชื่อ

Martha Mayer-Doss หน้าที่การงานของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปี 1903

อายุ 34 ปี เคยเป็นครูในโรงเรียนสงครามทหาร หลังจากที่ได้รับราชการ

ในโรงเรียนสงครามทหารแห่งนี้มา 5 ปี ได้ถูกส่งไปที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่นปี

1908 ด้วยความคาดหวังที่จะไปศึกษาวิชาทหารของญี่ปุ่นและเพื่อการ

แลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านทหารปืนใหญ่ ในขณะนั้น ปี 1890 จักรวรรดิ

ทหารของญี่ปุ่นนี้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่งในฝั่งเอเชียตะวันออก มีความยิ่ง

ใหญ่ ทันสมัยทางแสนยานุภาพทางอาวุธ วินัยทหารที่ดี แต่ในสมัยนั้นถ้า

ไปเทียบกับยุโรปแล้วอาจจะด้อยไปบ้างทางด้านทหารปืนใหญ่และทหาร

ม้า ก็ด้วยเหตุนี้นาย KARL HAUSHOFER จึงถูกส่งจากเยอรมันนีไปญี่ปุ่น

เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีและอบอุ่นจากสมเด็จพระจักรพรรดิ ที่ญี่ปุ่น

เขาและครอบครัวได้รับสิทธิพิเศษทางสังคมหลายอย่างซึ่งสร้างความ

ประทับใจให้กับเขาเป็นอย่างยิ่ง นาย KARL HAUSHOFER ปกติก็

เชี่ยวชาญกับการใช้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษารัสเซีย ภาษาอังกฤษ

ภาษาฝรั่งเศส ณ ที่นี้แล้วเขายังเรียนภาษาเกาหลีและญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีกด้วย

ก็เนื่องด้วยชั้นทางสังคมของเขาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในญี่ปุ่นประกอบกับความ

เป็นนายทหารระดับสูง ได้ชักนำให้นาย KARL HAUSHOFER ไปรู้จักกับ

สังคมสังคมหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งสังคมที่ว่านี้มีส่วนมาก ๆ ต่อดุลอำนาจทางกอง

กำลังทหารอันเกรียงไกรของจักรวรรดิญี่ปุ่น 




ยานพาหนะที่ตกลงมาที่เมือง Rosswell

นี้ เป็นของแท้แน่นอน ทั้งตัวยานพาหนะและผู้โดยสารที่อยู่บนยาน

พาหนะนี้ ไม่ใช่คนไม่ใช่ทหารของฝ่ายนาซีเยอรมันนีอย่างแน่นอน

ฉะนั้นแล้วโดยนัยของเทคโนโลยีที่จะได้ประเมินแล้วอย่างไรก็น่าจะ

ดีกว่า อยู่ในระดับที่สูงกว่า ทั้งนี้ยังไม่รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกพบบน

ยานพาหนะนี้ด้วย ซึ่งเขาจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนา

เทคโนโลยีให้ไปได้ไกลขึ้นเพียงแต่เราต้องสื่อสารกับเขาให้รู้เรื่อง

ก่อนนั่นเอง

            ย้อนมาชมภาพจริงในอดีตอีกครั้งครับ ภาพบางภาพหาดูได้

ยากยิ่งจริง ๆ ก็ค้นหามาฝากครับ


         อันนี้เป็นหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวสารบ้านเมืองในยุคสมัยนั้น คือ

เมื่อประมาณ 71 ปีที่แล้ว หากท่านลองอ่านดูจะพบว่ามีบางเรื่องที่น่า

สนใจมาก ๆ เลยคือเรื่องการมองเห็นยานพาหนะลึกลับในส่วนอื่น

ของโลกที่ไม่ใช่ในสหรัฐอเมริกา

           ส่วนภาพนี้เป็นภาพขาวดำ ผู้นำมาลงไว้ยืนยันว่าเป็นภาพ

จากเหตุการณ์จริงในวันที่ยานพาหนะลำนี้ตกลงมา ตรงลูกศรสีแดง

บ่งบอกถึงยานพาหนะลำที่ว่านี้ ว่ามีสภาพเช่นใดในวันนั้น โดยรอบ

ของบริเวณจะพบว่ามีรถจี๊ป รถทหาร ผู้คนเดินไปมาอยู่ ก็คงจะยัง

ไม่รู้อะไรมาก แปลกใจกับสิ่งที่ตกลงมาว่ามันคืออะไร รัฐนิวเม็กซิโก

เป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย มองไม่เห็นต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนั้น คน

บันทึกภาพจึงสามารถบันทึกภาพโดยรอบของสถานที่เหตุการณ์ใน

วันนั้นได้อย่างค่อนข้างชัดเจนทีเดียว



สภาพของมันค่อนข้างจะยับเยินทีเดียว หากดูจากภายนอก แต่

ภายในของยานพาหนะลำนี้ มองไม่เห็น ดูจากภายนอกแล้วลักษณะ

เป็นอะไรบางอย่างกลม ๆ 


ยานพาหนะลำนี้ จากการสเก็ตภาพแล้วก่อนเกิดอุบัติเหตุหน้าตา

ของมันน่าจะประมาณนี้ จากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในเหตุการณ์ยาน

พาหนะลำนี้มีรูปทรงที่เรียกว่าเป็น “biomorphic” คือรูปทรงมัน

คล้าย ๆ กับรูปร่างของสัตว์บางชนิด(รูปร่างละม้ายคล้าย ๆ ปลา

ตะเพียน)อุปกรณ์บางชิ้นส่วนบนยานพาหนะลำนี้ถูก

ส่งไปยัง AT&T และถูกส่งผ่านไปยัง Bell Labs สุดท้ายอุปกรณ์ที่

ถูกผลิตเลียนแบบขึ้นก็คือสิ่งที่มนุษย์บนโลกเรียกมันว่า Transistor

นั่นเอง


ภาพด้านล่างนี้เป็นภาพวาดที่เป็นคำให้การของคุณ Kenneth ตอน

ที่เจอวัตถุประหลาด 9 ลำ เหตุการณ์ของคุณ Kenneth นี้ห่างจาก

เหตุการณ์ที่วัตถุประหลาดตกที่เมืองรอสเวลล์ นี้เพียงแค่สอง

สัปดาห์เท่านั้นเอง ก็อยากให้ลองเปรียบเทียบดูครับ


เป็นข่าวที่ตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น




 ภาพด้านบนนี้เป็นภาพของคุณ Jesse Marcel ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่

ทหารที่ได้รับมอบหมายให้ทำการสำรวจพื้นที่เพื่อเก็บซากชิ้นส่วนที่

อาจจะยังหลงเหลือกระจัดกระจายอยู่ จากปากคำของท่านภายหลัง

และจากหลานของท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านถูกคำสั่งจากผู้บังคับ

บัญชาระดับสูงให้ทำการโกหกว่า เศษซากที่เจอนั้นแท้จริงเป็นเพียง

เศษซากของบอลลูนตรวจอากาศเท่านั้น ตามภาพนี้แล้วภาพหลัง

จากเหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายสิบปี หลานของ คุณ Jesse Marcel

ออกมาให้การยอมรับ โดยบอกว่าสายตาของคุณ Jesse Marcel ไม่

ได้มองหรือสนใจอะไร อยู่ที่วัตถุชิ้นนี้เลยตอนที่ทำการถ่ายภาพ แต่

กลับมองไปยังด้านนอกที่ใดที่หนึ่งที่อยู่นอกซีน ก็คือท่านถูกสั่ง ถูก

ตวาด ถูกด่า ถูกว้าก ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ให้พูดอย่างนั้นอย่างนี้ ก็

คือเหตุการณ์ในภาพเป็นเหตุการณ์ที่ทำไปโดยมีคนกำกับ(ผู้บังคับ

บัญชา) อยู่นั่นเอง ซึ่งเรื่องการพยายามที่จะปกปิด ปิดปากข้อมูล

ทั้งหมดจากบุคคลที่พบเห็นเหตุการณ์โดยตรง หรือแม้กระทั่ง

เจ้าของสถานที่ที่เกิดเหตุคือในพื้นที่ คุณ William Ware "Mack"

Brazel ก็ทำทุกวิถีทางทั้งการข่มขู่ แจกเงิน คุณ William เองซึ่ง

ตอนเกิดเหตุออกมาให้การยอมรับกับเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เพียงแค่

สองวันผ่านไป คุณ William คนนี้เองก็กลับออกมาปฎิเสธทั้งหมด

พร้อมกับขับรถบรรทุกคันใหม่เอี่ยมเข้าไปในเมือง


  สถานที่ที่เป็นที่เกิดอุบัติเหตุการยกของยานพานะลำนี้ ทุกวันนี้ยัง

คงอยู่ครับ มีคนสร้างอนุสรณ์ไว้ให้ด้วย ตามภาพด้านล่าง



     คลิปเสียงที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นเสียงจริงของจริงของสถานีวิทยุ

กระจายเสียง ABC news ในตอนที่เกิดเรื่องการตกของยูเอฟโอลง

มาใหม่ ๆ วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1947 ซึ่งตอนนั้นการปกปิดข่าวยัง

ทำกันยังไม่ได้ดีนัก ข่าวนี้ถูกนำมาแพร่กระจายเสียงลองฟังดูครับ

ถ้าคลิปนี้เป็นคลิปจริง จะเรียกได้ว่าเป็นคลิปเสียงหาฟังได้ยากมาก

ๆ อีกคลิปหนึ่งทีเดียว


ภาพด้านล่างนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Stargate Newsletter ฉบับ

เดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม ค.ศ.1997 โดยคุณ Robert O. Dean 

คุณ Robert ได้รับภาพนี้มาจากแหล่งข่าวภายในตั้งแต่ปี ค.ศ.1994

แล้ว จากการไปประชุม  international UFO conference ที่กรุง

เม็กซิโกซิตี้ ก็คือคุณ Robert อธิบายว่าทุกครั้งที่ได้ไปประชุมใหญ่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขามักจะมีหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

และพอจะเชื่อถือได้ติดไม้ติดมือกลับมาเสมอ ภาพ ๆ นี้คุณ Robert

ไม่ขอบอกแหล่งที่มาว่าได้มาจากผู้ใด แต่เป็นอีกแหล่งข้อมูลหนึ่งที่

พอจะเชื่อถือได้ ภาพ ๆ นี้หากพิจารณาให้ดีแล้ว บุคคลในภาพไม่ได้

เปลือยกายแต่ประการใด แต่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าบางอย่างที่ดูแล้วบาง

มาก ๆ ทั้งนี้ยังมีรูปร่างหน้าตาที่ผิดปกติไปจากคนปกติด้วย ทั้ง

ดวงตา จมูกและปาก แหล่งข่าวที่ให้มาบอกว่าภาพดังกล่าวเป็น

ภาพจริงของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์หนึ่งที่มาจากนอกโลก เรียกว่า

Small Grey Alien ก็จากการสืบค้นอย่างหนักของผมได้ข้อมูลว่าผู้

ที่ได้ให้ภาพ ๆ นี้ แก่คุณ Robert เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งของ

เม็กซิโก ซึ่งเดินเข้ามาหาคุณ Robert อย่างจด ๆ จ้อง ๆ เจ้าหน้า

หน้าที่ตำรวจท่านนี้กล่าวว่าผมมีภาพบางอย่างอยากจะให้คุณไว้

เป็นภาพจริง ของมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกทางการเม็กซิโก

จับกุมตัวไว้ได้เมื่อหลายปีก่อน ในจุดที่ยานพาหนะของพวกเขามา

ประสบอุบัติเหตุ


  ท่านครับสำหรับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของประเทศมหาอำนาจบาง

ประเทศที่สามารถจะเดินทางข้ามดวงดาวแล้ว ก็ไม่ถึงจะเป็นเรื่องที่

งมงานจนเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย เพราะว่ามีคน ๆ หนึ่ง ซึ่งมี

ความน่าเชื่อถือได้มากทีเดียว ออกมาเปิดเผย ซึ่งหลังจากที่เขาเปิด

เผยเรื่องนี้ได้ไม่นานนักเขาก็ถึงแก่กรรม(ด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบ

ได้) คน ๆ นี้เป็นอดีตประธานและซีโอของผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ราย

ใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ  Lockheed Martin’s Advanced

Development Projects (ADP) หรือชื่อทางการที่คนทั่ว ๆ ไปที่คน

รู้จักกันดีในนาม Lockheed Skunk Works


เป็นศูนย์โครงการวิจัย

ลับสุดยอดทางด้านอวกาศ มีฐานที่ตั้งอยู่ที่ Burbank, California. คน ๆ นี้

ชื่อคุณ Ben Robert Rich(Benjamin Robert Rich)

ท่านผู้นี้ได้รับฉายาว่าเป็น "Father of Stealth" ก็คือตามประวัติ

ท่านเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาเครื่องบิน รบชนิดระบบเรดาห์ไม่

สามารถตรวจจับได้(Stealth)


B-2 Spirit Stealth Bomber 


ตามประวัติ

ของ Skunk Works แล้วผู้ก่อตั้งคนแรกจะชื่อคุณ Clarence

“Kelly” Johnson ซึ่งท่านนี้ก็จะเป็นผู้อำนวยการคนแรกของ

Skunk Works ด้วย คุณ Johnson เป็นผู้ออกแบบและพัฒนา

เครื่องบินสอดแนมที่เรียกกันว่า "U-2", เครื่องบินรบตระกูล

Blackbird เช่น A-12, YF-12, SR-71 คุณ Ben Rich เข้ามา

ทำงาน

ใน Skunk Works ตั้งแต่ปี ค.ศ.1954 ท่านเป็นนักเทอร์โมไดนา

มิกซ์อยู่ในโครงการ XF-104 ซึ่งก็ได้ร่วมพัฒนา

อากาศยานหลาย ๆ รุ่นทีเดียว เช่นอากาศยานที่สามารถบรรลุขีด

ความเร็วที่ 1,300 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งสุดท้ายก็คุณ Ben Rich ได้เป็นผู้

อำนวยการคนที่สองของ Skunk Works นั่นเอง(ค.ศ.1975 -

1991) โครงการที่ทางคุณ Ben Rich เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นโครงการ

ลับสุดยอดของกองทัพสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นแล้วการผลิตหรือการ

ทดสอบส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณที่ลับเฉพาะไปด้วยก็คือ area 51

อันลือชื่อเรื่องยูเอฟโอนั่นเอง

ท่านผู้นี้เกิดเมื่อ ค.ศ. 1925 เสียชีวิตไปในเดือนมกราคม

ค.ศ.1995(June 18, 1925 – January 5, 1995)

ท่านเป็นซีโอมาถึง 16 ปีในบริษัทนี้ ซึ่งวาทะเด็ด ๆ ของท่านผู้นี้ที่คน

ทั่ว ๆ ไปฟังแล้วทึ่งก็คือ “We now have the technology to take

ET home,” หรือเรามีเทคโนโลยีที่จะสามารถพามนุษย์ต่างดาวกลับ

บ้านได้ ก็ภายหลังที่ท่านเกษียณอายุ ท่านก็เดินสายสัมนาในที่ต่าง ๆ

หลายแห่งในสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสำเร็จของ Skunk Works.

หลายครั้งหลายเรื่องที่ท่านพูดออกมาจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่

อาจจะทราบได้จะพัวพันถึงเรื่อง ยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาว แน่นอน

บางคนเชื่อบางคนไม่ หลักฐานสุดท้ายที่ไปเจอก่อนที่คุณ Ben Rich

จะเสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน เป็นจดหมายที่ท่านเขียนถึงเพื่อนของท่าน

และบทสนทนาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าก็คือ ยูเอฟโอและ

มนุษย์ต่างดาว


   ก่อนที่คุณ Ben Rich จะถึงแก่กรรม คุณ Ben Rich กล่าวไว้ว่ายู

เอฟโอนั้น มีสองแบบ ก็คือชนิดแรกเป็นแบบที่มาจากนอกโลกโดย

มนุษย์ต่างดาว ส่วนแบบหลังก็คือชนิดที่เราผลิตเองอาจจะด้วยความ

ช่วยเหลือของพวกเขา ซึ่งแบบที่มาจากนอกโลกซึ่งก็จะเป็นตัว

ต้นแบบเป็นแบบที่ส่งผลให้เราผลิตขึ้นได้เองด้วย บริษัท Lockheed

เป็นผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ให้กองทัพสหรัฐฯ ที่เรียกว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้า

ใหญ่แทบจะที่สุดก็ว่าได้ คนทำงานในบริษัทนี้หากเป็นระดับหัวกะทิ

แล้วเรียกว่า Long life employment คือถูกว่าจ้างกันตลอดชั่วชีวิต

เลยไม่ต้องไปทำงานที่อื่นอีก ระดับซีโอท่านยังออกมาพูดมันจะเชื่อ

ถืออะไรไม่ได้เลยหรือ ท่านกล่าวไว้ว่าอย่างไรบ้าง


   ในความเป็นจริงเรารู้และมีวิธีที่จะเดินทางข้ามดวงดาวแล้ว เพียง

ทว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกปิดไว้ สิ่งที่เป็นแค่จินตนาการบางอย่างจริง

ๆ แล้วมันทำได้เรารู้วิธีแล้ว



      ปี ค.ศ. 1993 งานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าของ UCLA คุณ Ben Rich

ท่านปูดออกมาในงานนี้มีใจความว่า "ปัจจุบันนี้เรามีความสามารถที่

จะเดินทางข้ามดวงดาวได้แล้ว แต่

เทคโนโลยีนี้ถูกลงกลอนไว้ในโครงการอันดำมืด และก็คงจะมีเพียง

แต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะมันออกมาเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ชาติ

เราไปได้ไกลได้ถึง 400 ปี รถยนต์ที่บินได้ที่ใช้งานได้จริง(เพียงแต่

เขาไม่ยอมเปิดเผย) เรามีเทคโนโลยีเหล่านี้แล้วเพียงแต่ว่ารัฐบาล

ของประเทศมหาอำนาจบางประเทศไม่ยอมรับในความมีอยู่จริงก็

เท่านั้นเอง ก็คือปูดของคุณ Ben Rich ในงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าที่

UCLA(University of California, Los Angeles) นี้เกิดขึ้นในปี

ค.ศ.1993(พ.ศ.2536) หลังจากการกล่าวของ

คุณ Ben Rich จบลง มีผู้ตั้งข้อสังเกตุซึ่งท่านทั้งสองเป็นวิศวกรและ

เป็นศิษย์เก่าของ UCLA ชื่อคุณ Jan Harzan และคุณ Tom

Keller ว่า ข้อความที่คุณ Ben Rich ปูดออกมาในงานเลี้ยงรุ่นนี้

ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นครั้งแรกเลยครับ ที่เขาเพิ่งจะปูดออกมา

เพราะว่าคำกล่าวของเขาในลักษณะเช่นนี้เขาเคยพล่าม

ออกมาก่อนหน้านี้ 10 ปีเข้าไปแล้ว(ค.ศ.1983 พ.ศ.2526) ช่วงนั้น

ภาพยนต์เรื่อง E.T. กำลังโด่งดัง(ออกฉายในโรงภาพยนต์วันที่ 11

มิถุนายน 1982) ซึ่งการที่คุณ Ben Rich ออกมา

พูดในเวลานั้นและในช่วงเวลาที่ภาพยนต์ E.T. กำลังโด่งดัง เหล่าคน

ทั่วไปจึงมองว่าสิ่งที่คุณ Ben Rich พูดออกมานี้น่าจะเป็นเรื่องตลก

ขำขันไร้สาระเสียมากกว่า ตรงนี้กลับกลายเป็นข้อดีอย่างยิ่งที่คุณ

Ben Rich ต้องการตรงที่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้และ

มองเป็นเรื่องตลกท่านก็เลยมักจะกล่าวข้อความตลก ๆ นี้(ซึ่งจริง ๆ

แล้วมันเป็นเรื่องจริง) ได้ตามที่ต่าง ๆ ได้นานถึงสิบปีโดย

ไม่มีคนสังสัยสักนิด ตรงข้ามหากสิ่งที่คุณ Ben Rich พูดและมีคน

เชื่อขึ้นมาแล้ว คุณ Ben Rich จะไม่สามารถจะพูดเรื่องนี้ได้อีกเลย

เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกต้นสังกัดสอบสวนเอาผิด เป็นไปได้ว่าจะถูกให้

ออกจากงาน เป็นไปได้ว่าจะถูกลักพาตัวทั้งจากคนที่เชื่อหรือ

ประเทศตรงข้ามเพื่อไปเค้นความลับ หรือถูกลักพาตัวจากหน่วยงาน

ลับของรัฐบาลเอง จนสุดท้ายมีคนมาจับได้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนี้น่าจะมี

มูลความจริงไม่ใช่เรื่องตลกอย่างที่คนทั่ว ๆ ไปเข้าใจ เรื่องก็คือใน

วันที่คุณ Ben Rich บรรยาย ท่านได้โชว์สไลด์หลาย ๆ ภาพทีเดียว

ที่เกี่ยวกับเครื่องบินรบขั้นสุดยอดที่ท่านได้ร่วมพัฒนามา เช่นเครื่อง

บิน Stealth F-117A ซึ่งได้ทดสอบการบินมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1981

แต่ไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยรัฐบาลสหรัฐฯ จนถึงเดือนพฤศจิกายน

1988 จนกระทั่งมาถึงสไลด์แผ่นสุดท้าย ท่านได้โชว์ภาพภาพหนึ่ง

ขึ้นมา เป็นภาพประมาณลักษณะนี้


   คือว่ามันเป็นภาพที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Classic Flying saucer ซึ่ง

กำลังผ่านพื้นที่ที่มีเมฆปกคลุมและมีแสงอาทิตย์อยู่ด้านหลัง คุณ

Harzan จำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ว่าคุณ Ben Rich ขึ้นสไลด์แผ่นนี้

แล้วพูดออกมาว่า “We now have the technology to take E.T.

home.” แปลได้ว่าตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่จะพามนุษย์ต่างดาวกลับ

บ้านได้แล้ว หลังพูดจบก็ได้ผลคือได้รับเสียงหัวเราะจากคนฟัง ซึ่ง

สิ่งที่พูดออกมานี้ทำให้คุณ Harzan และคุณ Keller ถึงกับอึ้งทีเดียว

เพราะท่านคิดไม่ถึงว่าคุณ Ben Rich จะกล้าพูดกล้าโชว์อะไรมาก

ขนาดนี้ ในขณะที่คนฟังคนอื่นไม่รู้สึกระแวงสงสัยอะไรเลยว่าสิ่งที่

พูดออกมามันจะจริง 


    วันที่ 20 กันยายน 1983 คุณ Ben Rich ไปกล่าวในงานงาน

หนึ่ง Defense Week symposium on future space systems

งานนี้จัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ท่านกล่าวว่าสำหรับที่ Skunk

Works แล้วดูเหมือนกับว่าเราสามารถทะลุขีดจำกัด(ประสบความ

สำเร็จ) ได้ทุก ๆ ทศวรรษ ซึ่งหากคุณเชิญผมมาบรรยายหลังจากนี้

อีกสิบปี ผมก็จะสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ วาง

เบ็ดไว้ก่อนแล้วค่อยสาวขึ้นมาทีหลังก็ได้ ผมเองกำลังอยากจะบอก

กับท่านว่า ท่านพูดถึงคำพูดนี้ทุกคนในห้องถึงกับหูผึ่ง ตอนนี้เรา

กำลังได้รับการประสาน กับภารกิจที่จะนำมนุษย์ต่างดาวกลับบ้านให้

ได้ ก็แปลกเหมือนกันที่ว่าทุกครั้งที่คุณ Ben Rich ไปพูดที่ไหน

สุดท้ายมักจะได้รับเสียงหัวเราะเป็นแถมเสมอ งานนี้ก็อีกเช่นกันทุก

คนในห้องพร้อมใจกันหัวเราะออกมา ในอดีตมีทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวว่า

การโกหกอย่างซ้ำ ๆ สุดท้ายจะทำให้ผู้คนเข้าใจได้ว่าการโกหกนี้

เป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ แต่ตรงนี้ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งทฤษฎีในการ

รักษาความลับได้เช่นกัน คือ การพูดเรื่องจริงอย่างซ้ำ ๆ จนสุดท้าย

สิ่งที่พูดออกมานั้นถูกมองเป็นเรื่องโกหก เพราะว่าการที่ท่านจะพูด

เรื่องจริงหรือท่านโกหก มันไม่ได้อยู่ที่ท่านที่เป็นคนพูดแต่เพียงฝ่าย

เดียว มันขึ้นอยู่กับคนฟังด้วยว่าเขาจะเชื่อท่านไหม ก็คือมันขึ้นกับ

ทั้งสองฝ่าย เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันขึ้นกับว่าท่านเป็นใคร มีชื่อ

เสียงตำแหน่งไหม พูดเรื่องอะไร เรื่องที่พูดมันอยู่ในสารบบที่เคย

ปรากฎมาก่อนไหม บางเรื่องเป็นเรื่องจริงที่ไม่เคยถูกเปิดเผยแต่ไม่

เคยมีปรากฎในสารบบมาก่อน ถึงท่านจะไปพูดเรื่องจริงออกมาก็

เป็นไปได้ว่าเรื่องที่พูดจะถูกมองเป็นเรื่องโกหกขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน

“Unfortunately, I cannot tell you what we have been doing for the last 10 years,” he opined at a Defense Week symposium on future space systems in Washington, D.C., on September 20, 1983. “It seems we score a breakthrough at the Skunk Works every decade, so if you invite me back in 10 years I’ll be able to tell you what we are doing [now].” Having set the bait, he prepared to reel in his hook. “I can tell you about a contract we recently received,” he intoned solemnly. Every ear in the room pricked up. The silence was palpable. “The Skunk Works has been assigned the task of getting E.T. back home.” Laughter followed.

คลิปด้านล่างนี้คุณ Jan Harzan ให้สัมภาษณ์ไว้ครับ



  คุณ Harzan เดินเข้าไปถามคุณ Ben Rich ว่าระบบขับเคลื่อนของ

ยูเอฟโอมันทำงานกันอย่างไร คุณ Ben Rich ก็ถามกลับมาว่าแล้ว

คุณ Harzan คิดว่าESP(Extrasensory Perception) การรับรู้ใน

สัมผัสส่วนลึกมันทำงานอย่างไร คุณ Harzan ตอบไปว่าก็โดยการ

เชื่อมกันระหว่างเวลากับอวกาศ ซึงคุณ Ben Rich ก็ตอบว่าใช่นั่น

หละที่มันทำงานก็เป็นเช่นนี้แล คุณ Harzan กล่าวว่าหลังจากคุณ

Ben Rich ตอบคำถามนี้เสร็จคุณ Ben Rich รีบเดินหนีเลยไม่ยอม

ให้ถามอะไรต่อไปอีก ซึ่งคุณ Harzan สามารถแปลความหมายได้

ว่าคุณ Ben Rich และกองทัพสหรัฐฯ ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก

ๆ เลย แต่ไม่ยอมเปิดเผย


ก่อนที่คุณ Ben Rich จะลาโลกใบนี้ไปท่านยืนยันว่า


        มีชายผู้หนึ่งชื่อว่าคุณ John Andrews ท่านผู้นี้เป็นวิศวกร

ของล้อกฮีด ท่านเป็นเพื่อนกับคุณ Ben Rich ด้วยครั้งหนึ่งท่านเคย

ลองเขียนจดหมายไปถาม(หรือหลอกถามก็ไม่รู้ได้) ว่าในความเห็น

ของท่านแล้วเชื่อว่ายูเอฟโอเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แล้วคุณ Ben Rich ละ

คิดกับเรื่องนี้อย่างไร คุณ Andrews กล่าวว่าทางคุณ Ben Rich

ตอบมาว่าเขาเองก็เชื่อเช่นเดียวกัน คุณ Ben Rich กล่าวต่อไปอีก

ว่ายูเอฟโอมีสองชนิด คือแบบที่เราผลิตเองและอีกชนิดคือแบบที่

เขาผลิต(มนุษย์ต่างดาว) เราเรียนรู้การสร้างยูเอฟโอมาจากสอง

แหล่งคือ ยูเอฟโอของพวกเขาประสบอุบัติเหตุตกลง และอีกแหล่งก็

คือจากความช่วยเหลือของพวกเขาที่มีต่อเรา


            อากาศยานทางทหารที่เป็นเทคโนโลยีสูง ๆ ที่เราเห็น ๆ เช่น

เครื่องบิน Stealth หรือ Drone หรือเครื่องบินขับไล่รูปร่างแปลก ๆ

มันดูเหมือนคล้าย ๆ สัตว์บางชนิดอาทิเช่นมันดูคล้ายกันมาก ๆ เลย

กับปลาตะเพียน ภาษาอังกฤษเรียกว่า “biomorphic” aerospace

อันนี้ไม่ได้เป็นแบบรูปทรงที่มนุษย์เราคิดกันขึ้นมาเอง แต่ว่ามันถูก

ลอกเลียนแบบรูปทรงมาจากยูเอฟโอที่ตกบนโลกและถูกเก็บกู้ได้ใน

เหตุการณ์การตกที่เมือง Roswell เมื่อปี ค.ศ.1947


แล้วท่านก็ปูดต่อไปว่ารัฐบาลสหรัฐฯ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จนถึงปี

ค.ศ.1969 ก็มีหน่วยงานที่แน่นอนเข้ามารับผิดชอบดูแลเรื่องนี้




  เอกสารด้านบนเป็นเอกสารลายมือที่คุณ John Andrew เขียนไป

ถามคุณ Ben Rich ส่วนด้านล่างนี้เป็นลายมือของคุณ Ben Rich

เองตอนที่ท่านยังมีชีวิต อยู่ เขียนตอบคุณ John Andrew เรื่องที่

คุณ John ส่งจดหมายมา ถาม(หลอกถาม) เรื่องยูเอฟโอ มีข้อความ

ซึ่งสิ่งที่คุณ Ben Rich ตอบไปผมก็ได้อธิบายไปแล้วข้างต้น แต่มีจุด

หนึ่งที่หน้าสนใจเช่นกันในจดหมายตอบกลับฉบับนี้ ผมเองก็แปล

ความหมายไม่ออกเหมือนกัน แต่ตรงนี้คงขอ

อนุมานไปตามความเข้าใจผมเอง คือข้อความที่ว่า "Many of man-

made UFOs are Un Funded Opportunities" ตรงนี้ท่านขีดเส้น

ใต้ไว้ตรงตัวอักษร U,  F และ O ท่านกำลังเล่นสบัดสำนวนที่น่าทึ่ง

และแฝงความหมายไว้ดีมาก ๆ เลยครับ ตรงนี้ผมจะเข้าใจไปอีก

อย่างว่า UFO สำหรับคุณ Ben Rich แล้วท่านเจตนาจะเขียนไม่เต็ม

จริง ๆ ท่านน่าจะหมายถึง 

Unlimited Funded Opportunities(โอกาสที่จะได้การจัดสรรทุน

อย่างไม่จำกัด) เสียมากกว่า เพราะว่าตามเรื่องที่เล่าลือกันมาแล้ว

โครงการลับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ของสหรัฐฯ แล้วมีงบลับ(Black

Budget) มากมายมหาศาลจนเหลือที่จะเชื่อเข้าไป ซึ่งคนที่จะเข้า

มาเกี่ยวข้องหรือได้มีโอกาสได้ทำโครงการนี้ได้ละก็ เป็นมหาเศรษฐี

ได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว


  อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณ Ben Rich ว่าเรื่องยูเอฟโอและ

มนุษย์ต่างดาวนี้ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาเปิดเผยต่อ

สาธารณชน ท่านเชื่อว่าสาธารณชนจำนวนมาก ๆ เลยที่จะรับเรื่อง ๆ

นี้ไม่ได้อย่างแน่นอน “could not handle the truth” แต่ในที่สุด

ช่วงบั้นปลายชีวิตของคุณ Ben Rich ความคิดนี้ของท่านก็ถูก

เปลี่ยน ท่านเปลี่ยนความคิดที่ว่า อะไรบางอย่างก็ตามแต่ที่เป็นความ

ลับ หากถูกเก็บไว้เรื่อย ๆ ไม่นำออกมาเปิดเผยบางทีแล้วมันเป็น

อันตรายเสียยิ่งกว่า



       เพื่อที่จะเป็นการยืนยันว่า Project Serpo เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น

จริง สิ่งที่ผมควรจะศึกษาต่อไป และต้องหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดคือ

หาประจักษ์พยานในตอนที่เกิดเหตุการณ์การตกที่เมือง Rosswell

ให้ได้มากที่สุด ก็มีบางคลิปหรือว่าหลายคลิปเหมือนกันที่ผมศึกษาดู

แล้วมีความน่าสนใจมากครับ คลิปบางคลิปเป็นพยานในที่เกิดเหตุ

จริง ๆ เลย เรียกว่าเป็น First Hand ก็เรียกได้ ท่านเหล่านี้ทุกวันนี้

ชรามากแล้ว หรือเรียกว่าหลายท่านก็ได้จากไปแล้ว ลองมาดูกัน

ครับ ว่าท่านเหล่านี้พูดอะไรไว้บ้าง และในตอนนั้นเหตุการณ์จริง ๆ

มันเป็นอย่างไรกันแน่ ความน่าเชื่อถือที่จะเชื่อได้มากที่สุดก็น่าจะ

เป็นบุคคลที่อยูในที่เกิดเหตุ หรืออยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกหรือว่ามี

ส่วนร่วมในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก


     ท่านผู้นี้ชื่อคุณ Frank Joyce ดั้งเดิมเป็นคนจากรัฐอลาบามาแต่

มาเติบโตและทำงานที่เมืองรอสเวล เป็นผู้ประกาศข่าวการตกของ

จานบินที่เมืองรอสเวลในสถานีวิทยุท้องถิ่น คือเรียกว่าเป็น

Newsman reported on flying saucer ท่านผู้นี้ได้เสียชีวิตไป

หลายปีแล้ว ตอนที่เสียชีวิตอายุ 85 ปี ในปี ค.ศ.1947 ท่านอยู่ใน

ช่วง 20 ปีเศษ ๆ ตอนนั้นทำงานให้กับ Roswell radio station

KGFL ลูกชายของท่านชื่อคุณ Ron Joyce ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนั้น

คุณพ่อได้เป็นผู้ประกาศข่าวในวิทยุเป็นคนแรกในเรื่องการตกของ

วัตถุประหลาดที่เมืองรอสเวล รัฐนิวเม็กซิโก ในคลิปที่ท่านให้

สัมภาษณ์ไว้ว่าภายหลังที่ท่านได้ออกอากาศประกาศข่าวการตกไป

ทางวิทยุในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็มีโทรศัพท์ลึกลับโทรมาหา

ท่าน(ท่านว่าน่าจะโทรมาจาก Pentagon) มีสุภาพสตรีคนหนึ่งต่อ

สายให้บุคคลที่อยู่ปลายสายคุยกับท่าน บุคคลที่อยู่ปลายสายเป็น

ชายไม่ทราบชื่อกล่าวว่า เป็นคุณใช่ไหมที่ไปออกอากาศทางวิทยุใน

เรื่องการตกของวัตถุลึกลับ น้ำเสียงของชายปลายสายนี้ดูเบ่ง และ

วางกล้าม คุณ Frank กล่าวตอบไปว่า ใช่ เป็นผมเองนี่ละที่เป็นผู้

ประกาศข่าวดังกล่าว ชายปลายสายกล่าวต่อไปว่าคุณกำลังจะทำให้

คุณเองเดือดร้อนกับการกระทำของคุณเอง ในตอนช่วงเวลานั้นทาง

คุณ Frank เองก็ยังไม่ทราบเช่นกันว่าข่าว ๆ นี้ มันมีความสำคัญ

มากขนาดไหน หรือเป็นข่าวที่จำเป็นต้องปิดเป็นความลับให้ถึงที่สุด

ก็เนื่องด้วยมีใครก็ไม่รู้่โทรศัพท์มาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ มาพูดจา

ข่มขู่แบบนี้ จึงเกิดอารมณ์ตอบกลับไปว่า ผมเป็นนักข่าวที่ต้องทำ

หน้าที่ตามปกติคุณคงจะไม่มีสิทธิอะไรมาสั่งให้ผมพูดหรือทำอะไร

ในสิ่งที่คุณต้องการ ปลายสายตอบกลับมาว่าแล้วก็คอยดูแล้วกันว่า

ผมจะทำอะไรคุณได้บ้าง จากนั้นก็วางสายอย่างแรง 

       มีเจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่งในสถานีวิทยุแห่งนี้ ชื่อคุณ George

Roberts ท่านกล่าวว่าได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งจากวอชิงตัน ดูคล้าย

กับจะเป็นวุฒิสมาชิกคนหนึ่ง ที่เป็นคนโทรมา ปลายสายกล่าวว่า

หากว่าคุณยังคงออกข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ใบ

อนุญาตการทำงานของคุณจะต้องถูกระงับอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่

ต้องรอเพราะว่ามันจะถูกระงับใบอนุญาตโดยทันทีที่คุณออกอากาศ

ข่าวนี้อีก 



  เธอผู้นี้ชื่อคุณแฟรงกี้(คุณ Frankie Rowe) เล่าไปด้วยก็ร่ำไห้ไป

ด้วย เธอเป็นบุตรสาวของ

นักผจญเพลิงคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ พ่อของเธอชื่อ แดน ดอร์

เยอร์(คุณ Dan Dwyer)

อยู่ในเหตุการณ์การตก คุณพ่อของคุณแฟรงกี้เล่าว่า สิ่งที่ตกลงมา

วันนี้ไม่ได้มีบนโลกแต่มาจากนอกโลก มีนักบินของพวกเขามาด้วย

แต่เสียชีวิต ลักษณะเป็นคนตัวเล็ก ๆ คุณแม่ของคุณแฟรงกี้ถามว่า

หมายความว่าอย่างไรเป็นคนตัวเล็ก ๆ พ่อของเธอตอบว่าพวกเขา

ไม่ใช่มนุษย์ สองคนเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุถูกบรรจุเข้าถุงเก็บ

ศพ แต่ว่าในกลุ่มของคนตัวเล็ก ๆ นี้ มีคน ๆ หนึ่งยังไม่ตาย ทั้งนี้แล้ว

ยังสามารถจะเดินได้หรือพอจะเดินได้ด้วย ซึ่งอาจจะไม่บาดเจ็บหนัก

มากนัก แล้วนักผจญเพลิงคนนี้ก็บังเอิญ

ไปหยิบไปเก็บเอาชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนในที่เกิดเหตุไว้กับตัว ก็ได้เรื่อง

เธอเล่าว่าสิ่งที่คุณพ่อเธอเจอคือมีเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานไหนก็

ไม่ทราบได้ มาเยี่ยมถึงบ้าน ในมือถือกระบอง และในระหว่างที่พูดก็

ฟาดกระบองที่ถือลงไปยังฝ่ามืออีกข้างตลอดเวลา สิ่งที่ผมอยากจะ

บอกคุณคือคุณต้องเล่าให้คนอื่นฟังว่าคุณไม่เคยอยู่ในที่เกิด

เหตุการณ์ คุณแฟรงกี้ตอนนั้นคงจะยังเด็กไม่ค่อยเข้าใจความ

หมายนี้ คุณพ่อของคุณแฟรงกี้กล่าวว่าใช่ผมอยู่ในที่เกิดเหตุ ถ้า

อย่างนั้นก็ให้จำใส่กระโหลกด้วยว่าคุณไม่เห็นอะไรทั้ง

สิ้น ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่รู้เรื่องอะไร หรือถ้าหากคุณไม่ทำตามแล้ว

ข้างนอกทะเลทรายนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก ผมก็จะพาคุณออกไป

กลาง ๆ ทะเลทรายจากนั้นก็คงจะไม่มีคนมาพบคุณได้อีก สุดท้าย

คุณพ่อของคุณแฟรงกี้ก็ต้องยอมทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณ

แฟรงกี้กลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เล่าไปด้วยก็

ร้องไห้ไปด้วย วัตถุที่คุณพ่อนำมาโชว์คุณแฟรงกี้ซึ่งตอนนั้นยังเด็ก

อยู่มาก(ตามรูป) ได้สัมผัสจับเช่นกัน เธอเล่าว่ามันเป็นวัตถุที่เบา

มาก ๆ แทบจะไม่สามารถรู้สึกได้ถึงแม้จะยกขึ้นมา เมื่อโยนมันลงไป

ที่โต๊ะ มันคล้ายกับโยนน้ำลงโต๊ะได้เลย แทบจะไม่รู้สึกว่ามีน้ำหนัก


ภาพด้านล่างนี้เป็นคุณพ่อของคุณแฟรงกี้


   ก็มีนายทหารท่านหนึ่งชื่อ Butch Blanchard ปัจจุบัน(ตอนที่ให้

สัมภาษณ์ในคลิป) ก็อายุมากแล้ว ดูเหมือนจะได้ยศเป็นถึงนายพล

ของกองทัพฯ ได้เคยเข้าร่วมสัมนาเกี่ยวกับเหตุการณ์การตกของ

จานบินที่เมืองรอสเวล ท่านผู้เคยครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.1947 เคยเป็นผู้

บัญชาการของหน่วยทหารในพื้นที่ ตรงนี้ก็จากคำบอกเล่าของคุณ

Bill Brainerd(เป็นนายกเทศมนตรีเมืองรอสเวลขณะนั้น) นายพล

ท่านนี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์มากที่สุดคนหนึ่งก็

ว่าได้ ตอนที่ประชุมสัมนาก็มีคนถามท่านเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งท่านนาย

พลคนนี้ก็หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม คงจะมีแต่คำพูดบางอย่างเป็น

ปริศนาให้ขบคิดเช่น เรื่อง ๆ นี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยใน

ชีวิต ก็ด้วยอีกหลายเดือนต่อมา ตอนที่อยู่ด้วยกันกับท่านนายพล

ท่านนี้คุณ Bill ได้รบเร้าถามเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งท่านนายพลก็ไม่พูด

ออกมามาก พูดแต่เพียงว่า ผมจะบอกกับคุณอย่างนี้ก็แล้วกัน สิ่งที่

ผมเห็นในวันนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดชีวิตของผม



ผู้พัน Jesse Marcel เป็นบุคคลแรก ที่นำเรื่องเหตุการณ์การตกของ

จานบินในเมืองรอสเวลมาเปิดเผย ในปี ค.ศ.1978 ก็คือเหตุการณ์นี้

มันผ่านไปร่วม ๆ 30 ปีแล้ว ผู้บังคับบัญชาของผู้พัน Jesse คือท่าน

นายพล Thomas Dubose(ตอนเกิดเหตุท่านยังไม่ได้เป็นนายพล)

ท่านนี้ครั้งหนึ่งเคยปฎิเสธอย่างเสียงแข็งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่

สุดท้ายก่อนท่านผู้นี้จะเสียชีวิตท่านก็ยอมจะเล่าออกมาจนได้ ท่าน

เล่าในวีดีโอที่อัดไว้เองในปี ค.ศ.1991(Home Video) ท่านเล่าว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎออกมาทางสื่อสารมวลชนนั้นแตกต่างจาก

ความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง 


                 ก็ตามคำบอกเล่าของท่านนายพล Thomas Dubose ท่าน

กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกคนที่รู้เรื่องนี้รู้ปฎิบัติการนี้เป็นอย่างดี

คือท่านนายพล McMullen(ตำแหน่ง Deputy head of Strategic

Air command ใน Pentagon) ท่านผู้นี้คือภาพด้านล่างเป็นบุคคล

ระดับหัวหน้าที่รับผิดชอบปฎฺิบัติการนี้ ซึ่งทางท่านนายพล

Mcmullen ก็ได้พูดกับท่านนายพล Thomas แล้วว่าไม่ว่าจะ

อย่างไร คุณจะนำเอาเรื่อง ๆ นี้ไปพูดที่อื่นหรือไปให้สัมภาษณ์กับ

ใครไม่ได้ทั้งนั้น เรื่อง ๆ นี้เรียกได้ว่าเป็นมากเสียยิ่งกว่าความลับขั้น

สุด(เรียก More than Top-secret) ซึ่งถ้าหากเป็นบุคคลที่จะรู้เรื่อง

นี้ดีกว่านี้อีก ก็คงจะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของท่านนายพล

Mcmullen แล้ว 


    เจ้าหน้าที่อีกท่านที่พอจะรู้เรื่อง ๆ นี้เป็นอย่างดีชื่อคุณ Frank

Kaufman คุณ Frank กล่าวว่าในปีที่เกิดเรือ่งท่านเป็นเจ้าหน้าที่คน

หนึ่งยศจ่า ที่ฐานทัพอากาศในเมืองรอสเวล ท่านได้เล่าว่าท่านได้รับ

ตำแหน่งให้มาประจำยังสถานที่แห่งนี้ในปี ค.ศ.1942 หน้าที่หลัก ๆ

ในตอนนั้นเป็นอะไรบางที่ที่ก็คงจะเปิดเผยไม่ได้ มันเป็นความลับ

ทางทหาร ซึ่งมันมีผลมาจนถึงปี ค.ศ.1947 ก็คือปีที่เกิดเรื่องการตก

ของยูเอฟโอ ท่านเล่าต่อไปว่าเหตุที่เกิดหรือเหตุที่น่าสงสัยมากคือ

จอเรดาห์ที่ฐานทัพของเมืองรอสเวล จับภาพวัตถุประหลาดไว้การ

เคลื่อนที่ของวัตถุที่ว่านี้แปลกมากคือเคลื่อนที่ในลักษณะที่ปราด

เปรียวมาก จนไม่น่าจะเป็นเครื่องบินหรือวัตถุบินได้ที่มนุษย์จะ

สามารถสร้างขึ้นได้ในขณะนั้น สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาย้ำเตือนมาคือให้

เฝ้าระวังหรือจับตาวัตถุประหลาดนี้อย่างใกล้ชิดที่สุด ทางผู้บัญคับ

บัญชาได้ส่งจ่าท่านนี้ไปยังส่วนที่เรียกว่า Alamogordo,

Whitesand เพื่อดูว่าพอจะมีเหตุการณ์อะไรหรือพบเห็นอะไรบน

ท้องฟ้าไหม เพราะว่าจุดที่ปรากฎในเรดาห์มันคือสถานที่แห่งนี้ จุดที่

ปรากฎในจอเรดาห์มันเคลื่อนที่เร็วมากและดูเหมือนสุดท้ายมันจะ

หายไปจากจอ ก่อนหายไปจากจอมันปรากฎเป็นจุดเล็ก ๆ กระจาย ๆ

ออกไป จากนั้นจุดนี้ก็ไม่ปรากฎขึ้นอีกเลย ซึ่งถ้าแปลความหมายไป

ตามสิ่งที่เห็นก็ต้องแปลความหมายว่า ถ้าไม่ใช่เครื่องบินก็อาจจะ

ต้องเป็นขีปนาวุธ เกิดอุบัติเหตุตกลงอย่างกะทันหัน 


   ดูแผนที่ของสาถนที่ประกอบครับ จะเข้าใจง่ายขึ้น ซ้ายมือที่เขียน

ว่า Trinity Atom Bomb Test Site คือ สถานที่ที่ในการทดสอบ

ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกสุดของโลก ภายหลังระเบิดลักษณะนี้ถูกนำ

ไปใช้งานจริงและเรียกว่าเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่สองลงอย่าง

สิ้นเชิงที่สุด Roswell Army Airfield เป็นฐานทัพที่จ่า Frank

ประจำการอยู่ ซึ่งท่านผู้บังคับบัญชาของจ่าให้จ่าท่านมาดูยังจุดที่

เรียกว่า Alamogordo 



      ตำแหน่งที่ทางผู้บังคับบัญชาส่งมาให้สำรวจ เป็นปกติดีไม่มีสิ่งผิด

ปกติเกิดขึ้น จึงได้พากันกลับฐานที่ตั้ง ตอนนั้นดูเหมือนใกล้ค่ำแล้ว

ระหว่างทางก็ได้เจอแนวรั้วของชาวบ้าน ก็ลอง ๆ ขับเข้าไปดูในตอน

นั้นพื้นที่บริเวณนี้เรียกว่าทุรกันดานมาก ขับไปประมาณหนึ่งก็เจอ

แสงอยู่บนพื้นดินห่างออกไปราวสักสามร้อยหลา จากประสบการณ์

แล้วสิ่งที่เห็นนี้ไม่น่าจะเป็นเครื่องบินตก หรือเป็นขีปนาวุธตก แต่ว่า

มันเป็นวัตถุรูปทรงประหลาดเรียกว่าเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งก็ว่าได้

ตกในลักษณะฝังลงไปในพื้นดิน คะเนความยาวของยานพาหนะนี้ได้

20 - 25 ฟุต มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดตนหนึ่งร่างกระเด็นออก

มานอกเครื่อง ร่างของอีกตนหนึ่งครึ่งหนึ่งอยู่ในยานพาหนะอีกครึ่ง

ซีกโผล่ออกมา จากการเข้าไปใกล้กว่านี้เพื่อสำรวจพบว่า ในยาน

พาหนะนี้ยังมีอีกสามตนติดอยู่ซึ่งน่าจะเสียชีวิต ก็วิทยุกลับไปยัง

ฐานทัพให้รีบส่งยานพาหนะลำเลียงที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนมาที่นี่โดย

ด่วน 


  ภาพ ๆ นี้เป็นภาพที่จ่า Frank ร่างขึ้นมาในภายหลัง เพื่อส่ง

รายงานไปยังผู้บังคับบัญชา เป็นภาพของลักษณะยานพาหนะที่

ประสบอุบัติเหตุว่ามีรูปร่างประมาณนี้ ด้านท้องของยานพาหนะ

อธิบายว่ามีรูปร่างคล้ายเซลหลาย ๆ เซล จ่า Frank กล่าวต่อไปว่า

สิ่งที่เจอจะเป็นแผงควบคุมยานพาหนะลำนี้ ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

รายละเอียดมากนัก ดูเหมือนจะมีตัวอักษรอักขระบางอย่างอยู่ด้วย

ซึ่งก็ไม่เข้าใจความหมายของมันเช่นกัน 


  สิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตในยานพาหนะที่รูปร่างหน้าตาประมาณนี้ ตรงนี้

ให้จิตกรวาดขึ้นจากคำให้การ สังเกตุที่มือของสิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตลง

ดูเหมือนมันจะเริ่มหดตัว นั่นหมายถึงมันกำลังเริ่มเน่าหรือย่อยสลาย

หรือเซลกำลังจะเสียลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบ

เก็บศพแล้วส่งไปที่โรงพยาบาลที่ฐานทัพโดยด่วนที่สุด ตอนที่ส่งไป

ยังฐานทัพ ยานพาหนะลำนี้ถูกส่งไปเก็บยังโกดังหมายเลข

84(Hangar 84) 



 ในโกดังหมายเลข 84 แห่งนี้ ด้านบนจะมีสปอร์ไลท์ดวงใหญ่ส่องลง

มา ซึ่งก็ทั้งยานพาหนะนี้และก็สิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตลง จะอยู่ใต้แสงไฟ

นี้ ร่างของสิ่งมีชีวิตที่เสียชีวิตลงก็จะวางนอนเรียงกันไป ส่วนด้าน

นอกของโกดังก็มีสารวัตรทหารเต็มไปหมดคอยอารักขาพื้นที่ ไม่ให้

มีคนนอกหรือนักข่าวเข้ามาได้ สุดท้ายคุณ Frank กล่าวว่าวัตถุรวม

ทั้งศพนักบินได้ถูกส่งต่อไปยังสถานที่อื่น คือที่ Wright Field เป็น

ฐานบัญชาการของหน่วยข่าวกรอง วัตถุบางชิ้นถูกส่งต่อไปยัง

ฐานทัพอากาศ Andrews ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อถูกถามต่อไปว่า

คุณFrank คิดว่าเรื่องนี้ไปไกลแค่ไหนหรือส่งต่อไปไกลแค่ไหน

คุณFrank กล่าวว่า ท่านประธานาธิบดีตอนนั้นก็คงจะทราบเรื่อง ๆ นี้

ดี คือท่านประธานาธิบดีแฮรี่ ทรูแมน ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ 



        นายอำเภอที่เมืองรอสเวลขณะนั้น คือคุณ Wilcox ก็เป็นอีกคนที่

น่าจะทราบเรื่อง ๆ นี้เป็นอย่างดี จากปากคำของลูกสาวท่านนาย

อำเภอชื่อคุณ Phyllis Mcguire ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ได้กล่าวไว้ ท่าน

นายอำเภอ Wilcox ได้เคยเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาและคุณ Phyllis ท่าน

ฟังเช่นกันว่ามีการตกของจานบินที่เมืองนี้ พบศพมนุษย์ต่างดาวและ

หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่ 


  ก็ในวันที่ยานพาหนะที่ตกเดินทางมายังโกดังหมายเลข 84 เป็นวัน

ที่มีผู้ชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโกคนหนึ่งเข้ามาหาเสียงที่

ฐานทัพพอดี ชื่อคุณ Joe Montoya 


คุณ Joe Montoya มีพลขับและผู้ติดตามมาด้วย ซึ่งผู้ติดตามมาก็

จะได้บัตรผ่านฐานทัพ(Security Clearance) ทั้งผู้ติดตามและพล

ขับก็จอดรถอยู่ไม่น่าจะห่างจากโกดังหมายเลข 84 มากนัก ได้

ให้การว่าเขารอรับคุณ Joe เพื่อกลับบ้าน ในขณะนั้นที่โกดังนี้

วุ่นวายมาก คุณ Ruben จึงขับรถเข้าไปใกล้ขึ้นก็พอดีกับที่คุณ Joe

เดินออกมาจากโกดังหมายเลข 84 พอดี คุณ Joe บอกกับคุณ

Ruben ว่า รีบ ๆ ออกไปจากที่นี่น่าจะดีที่สุด คุณ Joe บอกว่าเมื่อกี้

ได้เห็นศพมนุษย์ตัวเล็ก ๆ สองคนที่มีศีรษะที่ใหญ่มาก แล้วก็มีคน

หนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ 

   เธอผู้นี้ตอนให้สัมภาษณ์อายุได้ 83 ปีแล้ว เธอคนนี้เล่าว่าเธอเป็น

เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านของคุณ William Ware "Mack"

Brazel ซึ่งคุณ Brazel คนนี้ก็คือเจ้าของไร่ที่ยูเอฟโอลำนี้มาตก เธอ

ผู้นี้ชื่อว่าคุณ Loretta Proctor ทุกวันนี้(ตอนที่ให้สัมภาษณ์) คุณ

Loretta ก็ยังคงอยู่ในสถานที่เดิมแห่งนี้ไม่ได้ไปไหน เธอเล่าว่าคุณ

Brazel ควบม้ามาหาเธอ พร้อมทั้งมีสิ่งของแปลก ๆ อยู่ในมือ

สิ่งของนั้นมันดูคล้าย ๆ กับไม่ใช่พลาสติกก็จะเป็นไม้ ไม่แน่ชัดเช่น

กัน สิ่งของนี้คุณ Brazel บอกว่ามันไม่มีทางจะทำให้ยับย่นได้ และก็

มีของอีกสิ่งคือดูคล้าย ๆ กับกระบองดูเหมือนจะมีตัวอักษรสีออก

ชมพู ๆ พิมพ์อยู่บนกระบองอันนี้ คุณ Loretta บอกว่ามันน่าจะมา

จากต่างดาวซึ่งคุณ Brazel ควรจะรายงานต่อไป ตรงนี้นี่เองซึ่งเป็น

จุดเริ่มต้นของเรื่องคือคุณ Brazel เชื่อคำแนะนำของคุณ Loretta

นำวัตถุทั้งหมดที่เก็บได้จากไร่ที่เกิดเหตุไปมอบให้หน่วยงานอื่นที่

เกี่ยวข้อง ซึ่งหากว่าคุณ Loretta ไม่แนะนำเช่นนั้น เช่นว่าแนะนำให้

ทำเงียบ ๆ และเก็บไว้เอง ตรงนี้ข่าวเรื่องจานบินหรือวัตถุพยานก็อาจ

จะหายไปก็เป็นได้ 

    ท่านผู้นี้เป็นนายทหารที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ชื่อคุณ Walter Haut

เป็นโฆษกทหารประจำหน่วยทิ้งระเบิดที่ 509 ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ

สื่อไปตามข้อเท็จจริง ตามคำสั่งของท่านผู้บัญชาการฐานทัพใน

ขณะนั้น คือผู้พัน Butch Blanchard ว่าทางกองทัพได้ควบคุม

จานบินที่ตกได้ที่เมืองรอสเวลตามหน้าข่าวหน้งสือพิมพ์ที่เห็น ๆ กัน

ซึ่งวัตถุทั้งหมดบัดนี้ ก็ได้ส่งต่อไปยังหน่วยงานผู้บังคับบัญาระดับสูง

ขึ้นคือ ฐานบัญชาการที่ 8 (8th Air Force) ภายใต้การบังคับ

บัญชาของท่านนายพลโรเจอร์ เรมี่(General Roger Ramey)



               "บ่อนแตก"

     ก็เป็น ข่าว ๆ นี้นี่เองที่ทำให้เรื่องนี้ดังขึ้นมาเป็นพลุแตก ดังขนาด

ทำให้หนังสือพิมพ์ London Daily Telegraph ประโคมข่าวไปทั่ว

โลก รู้ไปทั่วทั้งลอนดอน โรม โตเกียว ข่าวกระจายไปทั่วทั้งวิทยุท้อง

ถิ่น รายงานข่าวเกาะติดกันเป็นรายชั่วโมง จนทำให้เจ้าหน้าที่ระดับ

สูงของสหรัฐฯ และเพนตากอน ถึงกับก้นร้อนกินไม่ได้ นั่ง

ไม่ติดและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องปกปิดข่าวชิ้นนี้ให้ดีที่สุด ก่อนที่ข่าว

ๆ นี้จะลุกลามเป็นไฟลามทุ่งจนยากที่จะปฎิเสธต่อไปได้ ก็สุดท้าย

ทั้งนายทหารเจ้าหน้าที่ระดับบนและล่างที่ปล่อยข่าวนี้ออกมาไปให้

สัมภาษณ์ รวมทั้งนักข่าวที่ไปสัมภาษณ์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น

เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ประชาชนในพื้นที่ที่มีทีท่าว่าจะปากมาก ผู้ที่ไป

จับไปสัมผัสหรือหยิบวัตถุใด ๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาครอบครอง จึง

พากันโดนไล่เฉ่งอย่างชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ไว้หน้า

view
view